ทำไมถึงอนุญาติให้ขายประกันหักบัตรเครดิตได้
พูดถึงความง่าย
ง่ายไปไหม แค่ตกลง ครับ หรือดูรายละเอียดก่อน
พูดถึงความเหมาะสม
ผมว่าไม่เหมาะสมเนื่องจากผู้ทำประกันไม่เห็นเล่ม และคำพูดโน้มน้าวให้เข้าใจผิด(ถึงขั้นหลอกลวง) ของคนโทรมาขายดันไม่นับซะงั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ถูกหลอกให้ซื้อขายประกันภัยผ่านโทรศัพท์ (หักเงินผ่านบัตรเครดิต)
พูดถึงปัญหา
มากมายมหาศาลตามข่าวที่เป็นประเด็น
พูดถึงผู้ได้ประโยชน์
ผมนึกถึงแต่บริษัทประกัน ผู้ประกันตนเสียเปรียบทุกทาง (มันน่าจะผิดกฏหมายคุ้มครองผู้บริโภคสิ)
พูดถึงความอันตราย
มาก(เสียงสูง)
ถูกหลอกให้ซื้อขายประกันภัยผ่านโทรศัพท์ (หักเงินผ่านบัตรเครดิต)
ที่ผ่านมา คปภ.ได้รับเรื่องร้องเรียนผ่านสายด่วนประกันภัย 1186 จากประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีกลุ่มมิจฉาชีพหลอกให้ซื้อประกันภัยและประกันชีวิตทางโทรศัพท์
“ที่น่าตกใจคือ เมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้ว ไม่สามารถเคลมค่าสินไหมได้ตามที่เสนอให้กับผู้ซื้อประกันทางโทรศัพท์ได้”
ผู้ที่ได้รับการเสนอขายประกันภัยผ่านทางโทรศัพท์ จะเป็นผู้ที่มีบัตรเครดิต ซึ่งจะได้ข้อมูลลูกค้าจากบริษัทผู้ให้บริการบัตรเครดิต แล้วจะมีกลุ่มคนที่พูดจาเหมือนเจ้าหน้าที่โทรศัพท์ไปเชิญชวนให้ซื้อประกัน โดยส่วนมากคือการขายประกัน อุบัติเหตุ
ทั้งนี้บุคคลที่ถูกหลอกจะได้รับการหว่านล้อมว่าการซื้อประกันผ่านโทรศัพท์จะทำให้เบี้ยประกันต่ำ เฉลี่ยเดือนละ 100 – 200 บาท เท่านั้นและได้รับความคุ้มครองวงเงินสูงถึง 1-5แสนบาท
การป้องกันภัยดังกล่าวให้ทำดังต่อไปนี้
เมื่อมีคนติดต่อมาขายประกันทางโทรศัพท์ ให้สอบถามชื่อ นามสกุล และ เลขที่ใบอนุญาตการเป็นนายหน้าประกันภัย(ตรวจสอบต่อกับ คปภ.สายด่วน 1186) และถ้าตัดสินใจไปแล้วไม่พอใจสามารถยกเลิกได้ภายใน15วันได้
สิ่งที่ควรทำคือ
1. ห้ามพูดคำว่า “ตกลง” หรือ “สนใจทำ” หรือ “ทำ” โดยเด็ดขาด เพราะคำเหล่านี้จะเป็นหลักฐานยืนยันว่าคุณได้ทำประกันไปแล้วจริงๆ นำให้พูดว่า “ไม่เอา” “ไม่ทำ” “ไม่สนใจ” “ไม่ต้องติดต่อมาอีกแล้ว” โดยความสุภาพ แล้ววางสาย
2. อย่าพูดคำว่า”ดูรายละเอียดก่อน” หรือ “ให้ส่งเอกสารมาให้ดูก่อน” เพราะจะเข้าทางทันที คนที่โทรมาจะหลอกให้คุณตอบ ตกลง ทำประกันแล้วจากนั้นจะตัดเงินในบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือโอนเงินให้
การขายประกันทางโทรศัพท์หรือที่เรียกว่า “เทเลมาร์เก็ตติ้ง” กำลังเป็นที่นิยมของบริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันภัยส่วนใหญ่จะขายประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันสุขภาพ ประกันสินเชื่อเพื่อคุ้มครองค่าใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต
ถ้าตกลงยอมรับทำประกันไปแล้ว
สามารถยกเลิกกรมธรรม์ได้ภายใน30วัน นับจากวันที่ได้รับกรมธรรม์ประกันภัย โดยจะได้รับเบี้ยประกันภัยคืนเต็มจำนวน ไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งบริษัทจะต้องโทรกลับหาผู้เอาประกนภัยอีกครั้งหนึ่ง ภายใน7วัน นับจากวันที่บริษัทได้ส่งกรมธรรม์ประกันภัย เพื่อยืนยันความต้องการทำประกันภัยอีกครั้งหนึ่ง และ ผู้เสนอขายจะต้องขออนุญาตบันทึกการสนทนาในกรณีที่ประชาชนต้องการรับฟังการเสนอขาย ซึ่งหากเกิดข้อโต้แย้งขึ้นภายหลังก็สามารถนำเอาเทปบันทึกการสนทนานั้นมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้
ผมว่าทางที่ดีปฎิเสธไปเลยดีกว่าว่าครับ ดีกว่าจะมาเสียใจภายหลัง เพราะถ้าหากเราอยากทำประกันอะไร ก็เดินตรงไปที่บริษัทนั้นเลยอีกอย่าง เราก็จะได้มีเวลาศึกษากรมธรรม์ตัวนั้น
คัดลอกจาก บล็อกของคุณ Wiss Obey ป้ายกำกับ :บทความเตือนภัยหลอกลวง วันที่ 26 พฤษภาคม 56
http://insurance-thai-knowledge.blogspot.com/2013/05/blog-post.html
ขออนุญาตเสริมบทความนี้ว่า การทำประกันทางโทรศัพท์ไม่ได้เป็นการหลอกลวงทั้งหมด อีกทั้งเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกในการเสนอขายสินค้าอีกช่องทางหนึ่ง
ดังนั้นผู้ตัดสินใจในการซื้อสินค้า หรือบริการนั้นต้องทำความเข้าใจอย่างชัดเจนเสียก่อน ถึงข้อดี-ข้อเสียของสินค้านั้นๆ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการศึกษาและทำความเข้าใจ ซึ่งหากผู้เสนอขายสินค้าและบริการมีความบริสุทธิ์ใจในการขายและบริการ ย่อมไม่ทำการเป็นการบีบคั้น เร่งปิดการขาย และ ยื่นข้อเสนอเกินกว่าความเป็นจริง รวมถึงชี้แจงข้อเท็จจริงของสินค้าได้โดยถูกต้อง กรณีการเสนอขายประกันชีวิต อุบัติเหตุ รถยนต์ วินาศภัย อัคคีภัย ประกันภัยต่างๆ ผู้เสนอขายต้องมีเลขที่ใบอนุญาตซึ่งต้องออกโดย คปภ.เท่านั้น ซึ่งจะต้องตรวจสอบหมายเลขใบอนุญาติได้ว่าเป็นเป็นผู้ได้รับอนุญาติแล้วจริงๆเท่านั้น
ทำไมถึงอนุญาติให้ขายประกันหักบัตรเครดิตได้
ง่ายไปไหม แค่ตกลง ครับ หรือดูรายละเอียดก่อน
พูดถึงความเหมาะสม
ผมว่าไม่เหมาะสมเนื่องจากผู้ทำประกันไม่เห็นเล่ม และคำพูดโน้มน้าวให้เข้าใจผิด(ถึงขั้นหลอกลวง) ของคนโทรมาขายดันไม่นับซะงั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้