เปิดแฟ้มคดีพระธัมมชโย!! สรุปแล้วเกิดจากการรังแกของเจ้าหน้าที่รัฐ? หรือไม่

ถ้ากล่าวถึงกรณีของพระธัมมชโยตอนนี้รู้สึกจะโด่งดังไปทั่วไทยและไปทั่วโลกไปแล้ว กระแสได้โหมโรงโดยผู้มีอำนาจหลายคนถึงกับออกตัวแรงคาดการจะใช้กองทัพตำรวจมาบุกจับและจับท่านสึก




ถ้ากล่าวถึงกรณีของพระธัมมชโยตอนนี้รู้สึกจะโด่งดังไปทั่วไทยและไปทั่วโลกไปแล้ว กระแสได้โหมโรงโดยผู้มีอำนาจหลายคนถึงกับออกตัวแรงคาดการจะใช้กองทัพตำรวจมาบุกจับและจับท่านสึก

หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าทำไมเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายถึงไม่ยอมมอบตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ตนเองซักที ซึ่งหลายคนก็เห็นด้วยและบางส่วนยังสงสัย วันนี้จึงขอพาไขความลับ แฉความจริงให้รู้กันไป ซักที ขอเรียกแผนนี้เรียก “แผนจับสึกถอดผ้าเหลือง”

ณ จุดนี้ ถ้าจะให้รู้ความจริงของแผนนี้ต้องย้อนไปเมื่อประมาณต้นปีคือเดือนกุมพาพันธ์ 59 "แผนจับสึก" เริ่มต้นออกมาโดยกลุ่มนายไพบูลย์นิติตะวัน นายมโน เลาหวณิช  และหลวงปู่พุทธอิสระดันดีเอสไอให้เข้าไปตรวจสอบพระลิขิตเรียกร้องให้สำนักพุทธและมหาเถรสมาคมตรวจสอบเพื่อให้พระธัมมชโยปาราชิกหรือสึกจากคดียักยอกเงินและที่ดิน แต่แผนไม่สำเร็จเพราะเรื่องได้พิจาณาจบไปนานแล้วและยืนยันว่าพระธัมมชโยไม่ผิดแต่ทางกลุ่มนายไพบูลย์ไม่พอใจการพิจารณาคิดว่าสมเด็จช่วงฯ มีส่วนช่วยให้พระธัมมชโยพ้นผิด



ขณะที่ผิดหวังกับแผนแรกก็ไปแผนสองคือต้องการเอาผิดสมเด็จช่วง หรือสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ โดยเอาคดียัดรถเก่าที่ตีข่าวเป็นรถหรูให้ท่านด่างพร้อยเพื่อยื้อไม่ให้ท่านขึ้นเป็นสังฆราช โดยตัวละครตัวเดิมคือ กลุ่มนายไพบูลย์ นิติตะวัน นายมโน เลาหวณิช ประสานงานกับดีเอสไอ โดยร้ายที่สุดถึงกับมีข่าวจะแจ้งจับสมเด็จฯกันเลยทีเดียวโชคดีที่คดีตอนนี้ได้จบไปแล้ว คือท่านไม่มีความผิด ท่านเป็นเพียงผู้รับบริจาคไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิดแม้แต่น้อย แต่แปลกไหมรถหรูมีทั้งประเทศ 7 พันคันแต่ดันโดนที่ท่านรูปเดียวแต่อย่างไรก็จบไปด้วยดีแล้ว แต่ตอนนี้เหมือนมีใครสักคนกำลังดองเรื่องท่านไว้ไม่นำชื่อท่านไปทูลเกล้าฯ

เมื่อแผนดูท่าไม่ง่ายเลยกลับมาลุยพระธัมมชโยต่อตอนนี้หาช่องกฎหมายยัดคดีฟอกเงินและรับของโจรให้อาศัยช่องกฎหมายไทยที่เป็นระบบกล่าวหา คดีนี้ก็เหมือนกัน ท่านธัมมชโยเป็นเพียงผู้รับบริจาคไม่รู้เห็นเงินเลยซักบาทแต่มากล่าวหาลอยๆ ถ้างั้นพระในประเทศไทย ผิดหมดหากมีโจรซักคนมาทอดผ้าป่า ทอดกฐินที่วัด แค่นี้ยังไม่เข้าใจกันหรือ? ยิ่งเรื่องฟอกเงินเหรอยิ่งไม่เข้าใหญ่ เพราะถ้าเข้าข่ายฟอกเงินต้องเป็นลักษณะการค้าแต่นี้เช็คแต่ละใบมีเส้นทางการเงินชัดเจนคือเอาไปจ่ายค่าสร้างศาสนาสถานหมด

และจริงๆ แล้วเงินหมื่นล้าน วัดธรรมกายรับมาแค่ 8 เปอร์เซ็นต์ คือ 8 ร้อยล้าน และทางลูกศิษย์ก็ได้รวบรวมคืนหมดแล้ว แต่หน่วยงานอื่นที่รับเงินไปไม่เห็นมีใครมาช่วยเยียวยา แต่ดีเอสไอเหมือนไม่เคยไปติดตามแต่มุ่งเจาะจงที่วัดธรรมกายเป็นหลักแม้ทางสหกรณ์ได้ถอนฟ้องแล้วไม่ติดใจ แต่แผนก็ยังเดินต่อ ซึ่งนายธรรมนูญ อัตโชติ คนที่ฟ้องพระธัมมชโยในคดีนี้คงเป็นกลุ่มเดียวกันกับนายไพบูลย์นั่นเอง



มาถึงนี้มันสื่ออะไรได้เยอะ แล้วคดีนี้มีเงื่อนงำอะไรที่บอกว่ามีการกลั่นแกล้งตั้งแต่ต้น

1. มีหมายเรียกหลุดไปถึงสื่อหนังสือพิมพ์ออนไลน์ก่อนที่จะถึงพระธัมมชโยอันนี้ถือว่าเป็นจรรยาบรรณของเจ้าหน้าที่รัฐเลยแต่หลุดไปอย่างนี้เข้าข่ายมีความผิดหรือไม่

2. ตรงนี้อ่านกันให้ดีๆเรียงตัวเลยตามกฎหมาย หมายเรียกเพื่อแจ้งข้อกล่าวหานั้น พนักงานสอบสอบมีอำนาจจะแจ้งข้อกล่าวหาที่ไหนก็ได้ แต่อัยการขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ คนเดียวเท่านั้นยืนยันว่าหลวงพ่อต้องออกไปที่ดีเอสไอหรือศาลเท่านั้นทั้งที่ตนและดีเอสไอรู้ดีที่สุดว่าพระธัมมชโยป่วย ไม่สามารถออกนอกวัดได้ จากภาพที่มาเห็นด้วยตาเมื่อปี 2558

3.  ทางคณะศิษย์เองได้ขอร้องทางดีเอสไอหลายครั้งให้มาแจ้งข้อกล่าวหาที่วัดถึงกับบอกว่าจะขอเอารถไปรับเชิญมาได้ไหม แต่ไม่มีใครยอมมา สุดท้ายหมายจับก็ออกมา จึงตั้งข้อสงสัยว่ามีความตั้งใจออกหมายจับตามแผนหรือไม่ เพื่อให้พระธัมมชโยมีความผิด เพื่อให้จับสึกง่ายๆ

4.  แผนนี้ก็ได้รับการสนับสนุนและขับเคลื่อนโดยคนกลุ่มเดิมคือกลุ่มที่มีส่วนร่วมในการปิดถนนแจ้งวัฒนะนั่นเอง



และแผนก็ได้ขับเคลื่อนสู่การออกหมายจับสำเร็จเมื่อวันที่17 พฤษภาคม 59 แล้วก็ตามคาดมีการบุกเพื่อเข้ามาตรวจค้นเพื่อจับตัวเจ้าอาวาสโดยครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน แต่โชคดีที่ครั้งนั้นท่านรองอธิบดีดีเอสไอยังมีความเมตตา เห็นแต่มวลชนที่เป็นลูกศิษย์วัดและหวั่นมือที่สาม ยอมถอยกำลัง แต่ใครที่ไปด้วยวันนั้นกลับไม่พอใจหรือไม่? ครั้งนี้เลยอาสามาจัดการกับพระธัมมชโยแทน??  พลตำรวจเอกศรีวราห์ รองผู้กำกับการตำรวจแห่งชาติ กลับมาเป็นแม่งาน ซึ่งจากรับงานมาท่านได้วางแผนเป็นอย่างดีด้วยแผนไปหาความผิดของพระธัมมชโย ตามวัดสาขาต่างๆ เพื่อไล่ล่าและแจ้งความผิดโดยจะได้เอาคดีมาเป็นของตำรวจ เพื่อตนจะได้ทำหน้าที่ได้อย่างสะดวก ใช่หรือไม่

หน่วยงานตำรวจได้บุกไปทั้งเหนือ ใต้ ออก ตก ทั้งสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาให้ไปในทุกที ที่รู้ว่าพระของวัดพระธรรมกายอยู่ แม้ท้องที่นาก็ยังไป จนสุดท้ายได้สมใจใน 2 คดี และก็ได้แจ้งข้อกล่าวหาเหมือนเดิมเพื่อออกหมายจับ ทั้งโคราชและจังหวัดเลย เพราะรู้ดีว่า พระธัมมชโย ไปรับทราบข้อกล่าวหาไม่ได้อยู่แล้วเพราะป่วย ทั้งนี้เพื่อจะได้กล่าวหาว่าท่านธัมมชโยเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือกฎหมายหรือไม่ ? เพื่อจะเป็นข้ออ้างในการบุกวัดได้อย่างสมใจ หมายจับจึงออกมาได้ดั่งใจตามคาด

[


ท่ามกลางกระแสที่อัยการเลื่อนสั่งฟ้องถึง 5 ครั้ง เหตุง่ายๆคือ หลักฐานไม่เพียงพอที่จะสั่งแต่กระแสหมายจับที่สองและสามของตำรวจก็มาโหมกระแสให้แรงขึ้นรวมทั้งอาจมีการกดดันจากผู้มีอำนาจหรือไม่ ไม่ทราบได้ จนเป็นเหตุให้อัยการออกมาแถลงข่าวโดยมีคำสั่ง “ควรสั่งฟ้อง”แต่ถูกสื่อตีตราว่า “สั่งฟ้อง” เป็นเหตุให้การออกคำสั่งบุกของผู้มีอำนาจเร็วขึ้น จะเห็นได้ว่ากระบวนการนี้ไม่ใช่ เป็นการปกติแต่ย่อมมีการวางแผนไว้เป็นอย่างดีซึ่งการเข้าไปร่วมอาจถึงตายได้เพียงข้ามคืน

ผ่านมาถึงตรงนี้หลายท่านคงเข้าใจความเป็นไปถึงตอนนี้ที่สื่อกำลังโหมกระแสอย่างหนัก การที่ดีเอสไอและตำรวจได้ประสานกันมาบุกเข้าวัดพระธรรมกายในครั้งนี้ก็เพื่อจับพระธัมมชโย สึกตามแผน ถอดผ้าเหลือง ล้มวัด ตามแผนที่วางไว้แล้วนั่นเองหรือไม่

มาถึงตรงนี้แล้ว ท่านผู้อ่านคงกระจ่างในความเป็นไปของคดีวัดพระธรรมกาย และสรุปได้เองว่าแท้จริงคดีนี้ เกิดจากการรังแกของเจ้าหน้าที่รัฐ? หรือไม่ หรือมีใบสั่ง?

การเสี่ยงเข้าไปในกระบวนการอาจถึงตาย แม้เพียงข้ามคืน?

Cr.ไท ธนา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่