สวัสดีค่ะ เราเป็นนักเรียนชั้นม.6 เมื่อเช้านี้เราได้รับฟังประสบการณ์การไปสอบในโครงการรับตรงจากเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเมื่อได้ฟังแล้ว เราและเพื่อนๆมีความคิดเห็นตรงกันว่าควรจะนำเรื่องราวนี้มาแบ่งปันในโลกพันทิปเพื่อนำไปสู่การจัดการที่ดีขึ้นในปีหน้า
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันสอบของผู้สมัครใน “โครงการรับตรงคนพิการ” ระดับชั้นปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ต้องขอแจ้งก่อนนะคะว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้เราเรียบเรียงขึ้นจากคำบอกเล่าของเพื่อนผู้อยู่ในเหตุการณ์ในวันนั้นค่ะ (ปล.นี่ยืมไอดีเพื่อนอีกคนมานะ)
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ห้องสอบแบ่งเป็น 2 ห้องคือ ผู้พิการทางการเคลื่อนไหว กับ ผู้พิการทางการมองเห็น การสอบแบ่งออกเป็น 2 ช่วงคือ 1.ช่วงเช้า เป็นวิชาพื้นฐาน และ 2.ช่วงบ่าย เป็นข้อเขียน (เฉพาะคณะสังคมสงเคราะห์ และ นิติศาสตร์)
- ช่วงเช้า กำหนดการคือเริ่มสอบ 9.00 – 12.00 (มี 3 วิชา) แต่เจ้าหน้าที่คุมสอบเพิ่งออกมาเปิดประตูให้เข้าสอบหลังจากเกินเวลาเข้าสอบไปแล้ว 10 นาที
- เนื่องด้วยผู้เข้าสอบมีความหลากหลายทางด้านร่างกาย จึงใช้เวลานานกว่าจะทยอยกันเข้ามาในห้องสอบครบ
- สอบวิชาละครึ่งชม. แต่เพื่อนบอกว่าไม่ยากเลยทำทัน (เพื่อนเราออกจากห้องสอบประมาณ 11 โมง)
พอจบช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าคนที่จะสอบช่วงบ่าย ให้ไปสอบอีกอาคารหนึ่งซึ่งไม่ได้มีระบุไว้ล่วงหน้า เพื่อนเล่าว่าทำให้ค่อนข้างลำบาก เพราะผู้เข้าสอบแต่ละคนไม่ได้สะดวกต่อการเดินทาง แถมไม่รู้จักสถานที่+หาที่จอดรถยาก (ลืมบอกเลย เพื่อนของเรามีปัญหาเกี่ยวกับขานิดหน่อย แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำข้อสอบมากนัก)
- ช่วงบ่าย ตามตารางคือเริ่มสอบ 13.00 – 16.00 แต่เมื่อใกล้จะถึงเวลาสอบแล้วก็ยังไม่มีใครออกให้ข้อมูลอะไรเลยว่าต้องสอบที่ไหน
- เวลาบ่ายโมงนิดๆ มีเจ้าหน้าที่ออกมาบอกว่า “เริ่มสอบบ่ายครึ่งนะ ใครพร้อมบ่ายครึ่งเข้าไปได้เลย”
- เมื่อเข้าไปในห้องสอบ พบว่าเป็นห้องคล้ายๆห้องทำงาน โดยมีคอมพิวเตอร์เตรียมไว้สำหรับการทำข้อสอบข้อเขียน ซึ่งทางนั้นไม่ได้แจ้งล่วงหน้าในเรื่องนี้ หลายคนเตรียมดินสอปากกาพร้อมแล้ว
- เริ่มมีผู้เข้าสอบเกิดความกังวล เพราะหลายคนไม่ชำนาญการใช้คอมพิวเตอร์ (ผู้เข้าสอบที่มีข้อจำกัดทางการมองเห็นจะมีหูฟังช่วยฟังให้)
- มีผู้เข้าสอบจำนวนหนึ่งได้แจ้งกับผู้คุมสอบว่าไม่สะดวกในการใช้คอมพิวเตอร์พิมพ์คำตอบ (พิการทางการมองเห็นบ้าง พิการทางมือบ้าง) จึงขออนุญาตใช้การเขียนใส่กระดาษแทนการพิมพ์
- เริ่มมีน้ำเสียงและสีหน้าของเจ้าหน้าที่ (ตามความเข้าใจของเพื่อน) ที่แสดงออกถึงความยุ่งยาก และบอกว่า “มีกระดาษแต่ไม่มีเส้นบรรทัด เป็นกระดาษเปล่า” (เพื่อนเราบอกว่า ไม่ได้มีการเตรียมพร้อมรับมือกับการแก้ปัญหาตรงนี้เลย)
- ต่อมา ผู้เข้าสอบบางคนที่มีข้อจำกัด(สายตาฝ้าฟาง) ได้ขอกระดาษที่มีเส้น ทางเจ้าหน้าที่จึงใช้วิธีการพิมพ์เส้นในโปรแกรม Word แล้ว Print ออกมาสำหรับคนที่ต้องการเขียน เมื่อได้กระดาษแล้วบางส่วนยังต้องการกระดาษเพิ่ม (จุดนี้เห็นได้ชัดว่าเจ้าหน้าที่แสดงท่าทีรำคาญ) จนกระทั่งทุกคนที่ขอได้รับกระดาษครบตามต้องการ จึงให้ลงมือทำข้อสอบได้ (ใช้เวลาในจุดนี้ประมาณ 15 นาที)
- มีผู้เข้าสอบหลายคนวิ่งเข้าๆออกๆห้องสอบเพื่อปรึกษากับผู้ปกครองว่าจะพิมพ์หรือเขียนดี
เหตุการณ์ที่เรารับไม่ได้มากๆ เริ่มจากตรงนี้
- มีผู้เข้าสอบคณะนิติศาสตร์คนหนึ่งพิการทางสายตา ได้ขอความช่วยเหลือจากผู้คุมสอบ โดยแจ้งว่าไม่สามารถใช้ทั้งคอมพิวเตอร์หรือเขียนลงในกระดาษได้ แต่กลับได้รับคำตอบว่า “เขียนก็ไม่ได้ ใช้คอมพิวเตอร์ก็ไม่ได้ แล้วแบบนี้จะให้ทำยังไง? แล้วปกติตอนสอบหนูทำยังไง?”
- เธอพยายามอธิบายว่า “ปกติแล้วจะต้องเขียนโดยมีอุปกรณ์ หรือ มีคนเขียนให้” (ได้ยินมาว่า สอบรอบเช้าก็ใช้วิธีการอ่านให้ฟัง ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร)
- “ที่นี่ไม่มีนโยบายในการให้คนเขียนให้นักศึกษา” “เรียนมาได้อย่างไร ใช้คอมพิวเตอร์ไม่ได้เนี่ย” นี่คือคำตอบของผู้คุมสอบ
- สุดท้ายผู้เข้าสอบคนนั้นก็งมๆพิมพ์จนเสร็จ โดยออกจากห้องสอบเป็นคนสุดท้าย
เพื่อนเล่าเสริมว่า “มีเจ้าหน้าที่คนอื่นที่ใจดี มาช่วยจับนิ้ววางที่แป้นพิมพ์ แต่ก็มีป้าคนเมื่อกี้ที่พูดจาไม่ค่อยดี มีการใช้สีหน้าและสายตาที่ไม่ให้เกียรติผู้เข้าสอบ” ซึ่งแน่นอนว่าผู้สอบนิติคนนั้นมองไม่เห็น แต่เพื่อนของเราเห็นและรู้สึกไม่ดีกับการแสดงท่าทางแบบนั้น
และหลังจากนั้นก็เริ่มมีอีกหลายคนที่ต้องการความช่วยเหลือ เช่น คอมเปิดไม่ติดบ้าง หรือเปิด Word ไม่เป็นบ้าง เจ้าหน้าที่วิ่งวุ่นวายกันไปหมด เพื่อนเราพยายามอธิบายเพิ่มอีกว่า “ท่าทีและคำพูดของเจ้าหน้าที่ที่แสดงออกมานั้น ทำให้รู้สึกเหมือนว่า เราไปเป็นเป็นภาระเขา”
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มีประโยคหนึ่งที่เพื่อนของเราพูดขึ้นมาว่า “เป็นถึงม.นี้ ก็คิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่น่าพลาด ยิ่งโดยเฉพาะโครงการแบบนี้ น่าจะเตรียมพร้อมได้ดีกว่านี้” ซึ่งเราก็เห็นด้วยและค่อนข้างผิดหวังมาก เพราะเราเองก็ตั้งใจว่าจะศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยนี้เช่นกัน
สุดท้ายนี้ เราก็ขอย้ำถึงจุดประสงค์ในการเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาอีกครั้งว่า เราและเพื่อนๆคาดหวังถึงการจัดการที่ดีกว่านี้ในโครงการรับตรงคนพิการของปีการศึกษาหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการชี้แจงเวลา สถานที่ รายละเอียด กติกาที่ชัดเจน และการเตรียมพร้อมรับมือการแก้ไขปัญหาต่างๆ รวมไปถึงเครื่องมืออุปกรณ์ที่สามารถช่วยเหลือผู้เข้าสอบตามเฉพาะแต่ละบุคคล
เราและเพื่อนๆมีความเห็นว่า ที่นี่มีโครงการรับตรงสำหรับคนพิการขึ้นมาเป็นรูปธรรมขนาดนี้ หากทางมหาวิทยาลัยพร้อมที่จะเปิดโอกาสให้พวกเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ก็ควรที่จะมีการดูแลและให้ความช่วยเหลือผู้เข้าสอบได้ดีกว่านี้ การแสดงออกทางคำพูดของเจ้าหน้าที่ บางคนไม่ได้ให้ค่าของความแตกต่าง ไม่ได้เข้าใจถึงข้อจำกัดของผู้เข้าสอบหลายคนที่แตกต่างกัน ผู้คุมสอบควรตระหนักถึงพื้นฐานทางด้านร่างกายของผู้เข้าสอบแต่ละบุคคลให้มากกว่านี้ เราชื่นชมและทราบดีว่าทางมหาวิทยาลัยรวมถึงทางโครงการมีจุดหมายที่ดีในการเปิดโอกาสทางการศึกษาให้กลุ่มคนพิการที่มีข้อจำกัดได้เข้ามาศึกษาอย่างเท่าเทียมกันกับคนส่วนใหญ่ แต่อยากให้ทบทวนการปฏิบัติหรือการแสดงออกต่างๆให้มากขึ้น เพื่อความเท่าเทียมกันอย่างเเท้จริง
ผิดหวังกับโครงการรับตรงคนพิการ ม.แห่งเสรีภาพมากๆ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันสอบของผู้สมัครใน “โครงการรับตรงคนพิการ” ระดับชั้นปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ต้องขอแจ้งก่อนนะคะว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้เราเรียบเรียงขึ้นจากคำบอกเล่าของเพื่อนผู้อยู่ในเหตุการณ์ในวันนั้นค่ะ (ปล.นี่ยืมไอดีเพื่อนอีกคนมานะ)
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ห้องสอบแบ่งเป็น 2 ห้องคือ ผู้พิการทางการเคลื่อนไหว กับ ผู้พิการทางการมองเห็น การสอบแบ่งออกเป็น 2 ช่วงคือ 1.ช่วงเช้า เป็นวิชาพื้นฐาน และ 2.ช่วงบ่าย เป็นข้อเขียน (เฉพาะคณะสังคมสงเคราะห์ และ นิติศาสตร์)
- ช่วงเช้า กำหนดการคือเริ่มสอบ 9.00 – 12.00 (มี 3 วิชา) แต่เจ้าหน้าที่คุมสอบเพิ่งออกมาเปิดประตูให้เข้าสอบหลังจากเกินเวลาเข้าสอบไปแล้ว 10 นาที
- เนื่องด้วยผู้เข้าสอบมีความหลากหลายทางด้านร่างกาย จึงใช้เวลานานกว่าจะทยอยกันเข้ามาในห้องสอบครบ
- สอบวิชาละครึ่งชม. แต่เพื่อนบอกว่าไม่ยากเลยทำทัน (เพื่อนเราออกจากห้องสอบประมาณ 11 โมง)
พอจบช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าคนที่จะสอบช่วงบ่าย ให้ไปสอบอีกอาคารหนึ่งซึ่งไม่ได้มีระบุไว้ล่วงหน้า เพื่อนเล่าว่าทำให้ค่อนข้างลำบาก เพราะผู้เข้าสอบแต่ละคนไม่ได้สะดวกต่อการเดินทาง แถมไม่รู้จักสถานที่+หาที่จอดรถยาก (ลืมบอกเลย เพื่อนของเรามีปัญหาเกี่ยวกับขานิดหน่อย แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำข้อสอบมากนัก)
- ช่วงบ่าย ตามตารางคือเริ่มสอบ 13.00 – 16.00 แต่เมื่อใกล้จะถึงเวลาสอบแล้วก็ยังไม่มีใครออกให้ข้อมูลอะไรเลยว่าต้องสอบที่ไหน
- เวลาบ่ายโมงนิดๆ มีเจ้าหน้าที่ออกมาบอกว่า “เริ่มสอบบ่ายครึ่งนะ ใครพร้อมบ่ายครึ่งเข้าไปได้เลย”
- เมื่อเข้าไปในห้องสอบ พบว่าเป็นห้องคล้ายๆห้องทำงาน โดยมีคอมพิวเตอร์เตรียมไว้สำหรับการทำข้อสอบข้อเขียน ซึ่งทางนั้นไม่ได้แจ้งล่วงหน้าในเรื่องนี้ หลายคนเตรียมดินสอปากกาพร้อมแล้ว
- เริ่มมีผู้เข้าสอบเกิดความกังวล เพราะหลายคนไม่ชำนาญการใช้คอมพิวเตอร์ (ผู้เข้าสอบที่มีข้อจำกัดทางการมองเห็นจะมีหูฟังช่วยฟังให้)
- มีผู้เข้าสอบจำนวนหนึ่งได้แจ้งกับผู้คุมสอบว่าไม่สะดวกในการใช้คอมพิวเตอร์พิมพ์คำตอบ (พิการทางการมองเห็นบ้าง พิการทางมือบ้าง) จึงขออนุญาตใช้การเขียนใส่กระดาษแทนการพิมพ์
- เริ่มมีน้ำเสียงและสีหน้าของเจ้าหน้าที่ (ตามความเข้าใจของเพื่อน) ที่แสดงออกถึงความยุ่งยาก และบอกว่า “มีกระดาษแต่ไม่มีเส้นบรรทัด เป็นกระดาษเปล่า” (เพื่อนเราบอกว่า ไม่ได้มีการเตรียมพร้อมรับมือกับการแก้ปัญหาตรงนี้เลย)
- ต่อมา ผู้เข้าสอบบางคนที่มีข้อจำกัด(สายตาฝ้าฟาง) ได้ขอกระดาษที่มีเส้น ทางเจ้าหน้าที่จึงใช้วิธีการพิมพ์เส้นในโปรแกรม Word แล้ว Print ออกมาสำหรับคนที่ต้องการเขียน เมื่อได้กระดาษแล้วบางส่วนยังต้องการกระดาษเพิ่ม (จุดนี้เห็นได้ชัดว่าเจ้าหน้าที่แสดงท่าทีรำคาญ) จนกระทั่งทุกคนที่ขอได้รับกระดาษครบตามต้องการ จึงให้ลงมือทำข้อสอบได้ (ใช้เวลาในจุดนี้ประมาณ 15 นาที)
- มีผู้เข้าสอบหลายคนวิ่งเข้าๆออกๆห้องสอบเพื่อปรึกษากับผู้ปกครองว่าจะพิมพ์หรือเขียนดี
เหตุการณ์ที่เรารับไม่ได้มากๆ เริ่มจากตรงนี้
- มีผู้เข้าสอบคณะนิติศาสตร์คนหนึ่งพิการทางสายตา ได้ขอความช่วยเหลือจากผู้คุมสอบ โดยแจ้งว่าไม่สามารถใช้ทั้งคอมพิวเตอร์หรือเขียนลงในกระดาษได้ แต่กลับได้รับคำตอบว่า “เขียนก็ไม่ได้ ใช้คอมพิวเตอร์ก็ไม่ได้ แล้วแบบนี้จะให้ทำยังไง? แล้วปกติตอนสอบหนูทำยังไง?”
- เธอพยายามอธิบายว่า “ปกติแล้วจะต้องเขียนโดยมีอุปกรณ์ หรือ มีคนเขียนให้” (ได้ยินมาว่า สอบรอบเช้าก็ใช้วิธีการอ่านให้ฟัง ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร)
- “ที่นี่ไม่มีนโยบายในการให้คนเขียนให้นักศึกษา” “เรียนมาได้อย่างไร ใช้คอมพิวเตอร์ไม่ได้เนี่ย” นี่คือคำตอบของผู้คุมสอบ
- สุดท้ายผู้เข้าสอบคนนั้นก็งมๆพิมพ์จนเสร็จ โดยออกจากห้องสอบเป็นคนสุดท้าย
เพื่อนเล่าเสริมว่า “มีเจ้าหน้าที่คนอื่นที่ใจดี มาช่วยจับนิ้ววางที่แป้นพิมพ์ แต่ก็มีป้าคนเมื่อกี้ที่พูดจาไม่ค่อยดี มีการใช้สีหน้าและสายตาที่ไม่ให้เกียรติผู้เข้าสอบ” ซึ่งแน่นอนว่าผู้สอบนิติคนนั้นมองไม่เห็น แต่เพื่อนของเราเห็นและรู้สึกไม่ดีกับการแสดงท่าทางแบบนั้น
และหลังจากนั้นก็เริ่มมีอีกหลายคนที่ต้องการความช่วยเหลือ เช่น คอมเปิดไม่ติดบ้าง หรือเปิด Word ไม่เป็นบ้าง เจ้าหน้าที่วิ่งวุ่นวายกันไปหมด เพื่อนเราพยายามอธิบายเพิ่มอีกว่า “ท่าทีและคำพูดของเจ้าหน้าที่ที่แสดงออกมานั้น ทำให้รู้สึกเหมือนว่า เราไปเป็นเป็นภาระเขา”
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มีประโยคหนึ่งที่เพื่อนของเราพูดขึ้นมาว่า “เป็นถึงม.นี้ ก็คิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่น่าพลาด ยิ่งโดยเฉพาะโครงการแบบนี้ น่าจะเตรียมพร้อมได้ดีกว่านี้” ซึ่งเราก็เห็นด้วยและค่อนข้างผิดหวังมาก เพราะเราเองก็ตั้งใจว่าจะศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยนี้เช่นกัน
สุดท้ายนี้ เราก็ขอย้ำถึงจุดประสงค์ในการเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาอีกครั้งว่า เราและเพื่อนๆคาดหวังถึงการจัดการที่ดีกว่านี้ในโครงการรับตรงคนพิการของปีการศึกษาหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการชี้แจงเวลา สถานที่ รายละเอียด กติกาที่ชัดเจน และการเตรียมพร้อมรับมือการแก้ไขปัญหาต่างๆ รวมไปถึงเครื่องมืออุปกรณ์ที่สามารถช่วยเหลือผู้เข้าสอบตามเฉพาะแต่ละบุคคล
เราและเพื่อนๆมีความเห็นว่า ที่นี่มีโครงการรับตรงสำหรับคนพิการขึ้นมาเป็นรูปธรรมขนาดนี้ หากทางมหาวิทยาลัยพร้อมที่จะเปิดโอกาสให้พวกเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ก็ควรที่จะมีการดูแลและให้ความช่วยเหลือผู้เข้าสอบได้ดีกว่านี้ การแสดงออกทางคำพูดของเจ้าหน้าที่ บางคนไม่ได้ให้ค่าของความแตกต่าง ไม่ได้เข้าใจถึงข้อจำกัดของผู้เข้าสอบหลายคนที่แตกต่างกัน ผู้คุมสอบควรตระหนักถึงพื้นฐานทางด้านร่างกายของผู้เข้าสอบแต่ละบุคคลให้มากกว่านี้ เราชื่นชมและทราบดีว่าทางมหาวิทยาลัยรวมถึงทางโครงการมีจุดหมายที่ดีในการเปิดโอกาสทางการศึกษาให้กลุ่มคนพิการที่มีข้อจำกัดได้เข้ามาศึกษาอย่างเท่าเทียมกันกับคนส่วนใหญ่ แต่อยากให้ทบทวนการปฏิบัติหรือการแสดงออกต่างๆให้มากขึ้น เพื่อความเท่าเทียมกันอย่างเเท้จริง