แชร์ประสบการณ์สำหรับสายการบิน Hong Kong Airline ไปโตเกียว (NRT)

สำหรับกระทู้นี้ผมก็อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ในการเดินทางไปกลับ กรุงเทพ - โตเกียว (นารีตะ) ด้วยสายการบิน Hong Kong Airlines
ไม่ค่อยมีรูปมากเท่าไหร่นะครับ ผมเลยเน้นพยายามอธิบายซะเยอะ ยังไงต้องขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยนะครับ

ผมจองผ่าน Expedia.co.th เป็นแพคเก็จนะครับ ซึ่งรวมโรงแรม Sun Members Shinjuku สำหรับ 5 คืนห้อง Single รวม 23213 บาท
โดยผมนั่งหาตั๋วและโรงแรมก่อนเดินทางประมาณ 3 สัปดาห์ แค่ว่าอยากไปดูใบไม้เปลี่ยนสี

เมื่อได้อีเมล์คอนเฟิร์ม ผ่านไปสองวันผมก็ทำการโทรไปหา Call Center ของ Hong Kong Airline (เบอร์ 02 160 5139 ) เพื่อจองที่นั่ง
(แม้ว่าเมื่อจองกับ Expedia แล้วจะมีการระบุที่นั่งสำหรับขา BKK-HKG และ HKG-NRT ให้แล้ว เราก็สามารถเปลี่ยนได้นะครับ)
ผมก็ได้ทำการแจ้งเปลี่ยนขาไปเป็น 60A  (ฝั่งซ้าย เผื่อฟลุคเห็นฟูจิซัง) และขากลับ 60K (ฝั่งขวา)  
และเพื่อเป็นการเช็คว่าที่เราจองมีบุ้กกิ้งอยู่จริงจะได้ไม่มีปัญหา
ตรงนี้บอกได้เลยว่าพนักงาน Call Center พูดดีบริการดีมากครับผม ประทับใจนะครับ

และก็มาถึงก่อนเดินทาง 2 วัน ผมเองก็ได้ทำการ Check-In ผ่านหน้าเว็บของฮ่องกงแอร์ไลน์ครับ ทำได้เฉพาะขาไป ส่วนขากลับก็ไปจัดการที่ญี่ปุ่น
อันนี้แนะนำเลยครับ เพราะถ้าไปรอเช็คอินที่เคาเตอร์ คนเยอะคิวยาวมาก ส่วนใหญ่จะเป็นกรุ๊ปทัวร์ครับ ทั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิและที่นาริตะ

วันเดินทาง
เที่ยวบิน BKK - HKG ( 1.45 - 5.30 ) : ไฟล์ตรงเวลาครับ ประตูเครื่องปิดก่อนเวลาด้วยซ้ำ ผมเดินเล่นและไปนั่งรอที่ Kingpower ได้ยินเสียงเรียกให้ขึ้นเครื่องแล้วทั้งๆ ที่เหลืออีกประมาณครึ่งชั่วโมงได้ (เกทไม่ไกลจาก King Power) ผมไปถึงเกท ผู้โดยสารเดินขึ้นกันเกือบหมดแล้วครับ
อาหาร: ขนมปังร้อนและเครื่องดื่ม

เที่ยวบิน HKG - NRT (9.05 - 14.55 ): ไฟล์ดีเลย์ 1 ชั่วโมงเนื่องจากเทคนิคขัดข้องและรอคิว Take off  แต่ถึงนาริตะก็ไม่ต่างจากเวลาที่ระบุไว้ (จำเวลาที่แน่นอนไม่ได้)
อาหาร: Full Meal ครับ ผมเลือกเป็นอาหารเช้า (ไม่ได้ถ่ายรูปมาขออภัยด้วยครับ)

ขากลับ
เที่ยวบิน NRT - HKG (14.55 - 19.15): ไฟล์ทดีเลย์ 1 ชั่วโมงเนื่องจากไฟล์ทก่อนหน้าดีเลย์และรอคิว Take Off
อาหาร: Full Meal ตามภาพด้านล่างครับ



เที่ยวบิน HKG - BKK (23.55 - 1.55): ตรงเวลาครับ
อาหาร: ขนมปังร้อนและเครื่องดื่ม

สำหรับที่นั่งจะเป็นแบบ 2-4-2 นะครับผม เครื่องเก่าแต่รับได้ เบาะนุ่มใช้ได้ มีจอทีวีส่วนตัวและมีช่องเสียบ USB สำหรับชาร์ตแบตมือถือได้
ผมสูง 185 ตัวใหญ่อ้วน นั่งสบาย เหลือพื้นที่จากเบาะหน้าและเขาผมประมาณ 3-4 นิ้วได้





กัปตันใจดีบินให้เซกุ๊ดบายกับฟูจิซัง






สรุปแล้วผมโอเคกับสายการบินนี้ด้วยราคาที่จ่ายไปนะครับ หรือผมอาจจะโชคดีที่ไม่เจอเปลี่ยนไฟลท์หรือ Overbooking แต่ผมก็ได้เตรียมตัวเองตามที่ได้บอกไปข้างต้น เรื่องอาหารผมว่าจัดการตัวเองไปก่อนดีกว่า อาหารก็พอกินได้กันหิวไป เรื่องดีเลย์ก็พอรับได้ที่ผมเจอมา ทั้งนี้อาจจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยนะครับไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ จำนวนเที่ยวบินขึ้น-ลงที่ฮ่องกงหรือนาริตะเพราะสนามบินเขาไม่ใหญ่นะ

ไหนๆ ร่ายยาวมาแล้วขอแนะนำเพิ่มเติมหน่อยละกันแบบว่าติดลม อิอิ

แนะนำเล็กน้อยเกี่ยวกับการเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง
ผมเดาว่า Hongkong Airlines ส่วนใหญ่จะจอดเกทประมาณ 2XX นะครับผม มองป้าย "Transfer" (หรือ Transit ถ้าจำไม่ผิด) ง่ายๆ คือเดินตามผู้โดยสารคนอื่นๆ ผมไปถึงเช้ามืดจะต้องเดินไปขึ้นรถบัสเพื่อไปยัง Terminal 1 พอถึงก็เดินขึ้นไปยังบริเวณ ตม. นั้นละครับ คนที่เข้าฮ่องกงก็ไปที่เคาเตอร์ ตม. ที่เรียงรายยาวเป็นแถว ส่วนคนเปลี่ยนเครื่องจะมีป้ายบอกอยู่แถวๆ นั้นให้เดินเข้าไป ซึ่งจะต้องทำการแสกนตั๋วเที่ยว HKG-NRT และสแกนกระเป๋า เมื่อผ่านตรงนี้ไปแล้วจะเดินขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นไปก็จะเป็นบริเวณ ร้านค้า Duty Free ต่างๆ ของ Terminal 1 (บริเวณเกท 1 - 40)

จากตรงนี้ต้องเผื่อเวลาเพื่อจะไปยังเกทเพื่อขึ้นเครื่องด้วยนะครับ เพราะต้องนั่ง Shuttle Train ไปยังบริเวณ เกท 2XX ซึ่งใช้เวลาประมาณ 10 นาทีได้นะ


สำหรับ Lounge ที่สนามบินฮ่องกง ที่ใช้ฟรี
ผมบิน Economy Class ผมก็สามารถใช้บริการ Premium Plaza Lounge ได้โดยใช้บัตร JCB (ไม่ว่าจะออกโดย Krungsri หรือ KTC )
เพียงแค่ยื่นบัตร, พาสปอร์ตและตั๋ว ผมใช้เลาจน์บริเวณเกท 40 ครับ (มีรีวิวอย่างละเอียดในพันทิปนี้ละครับ)
และผมได้ใช้บริการห้องน้ำ เพียงแค่แจ้งพนักงานก่อนเข้าใช้บริการ เขาก็จะแนะนำว่าใช้ห้องน้ำได้กี่โมง ไปทางไหน
คำแนะนำ
- ชื่อบัตรเครดิตและชื่อพาสปอร์ต/ตั๋ว จะต้องตรงกัน (ผู้ถือบัตรเข้าใช้บริการได้คนเดียว)
- ไม่สามารถมีผู้ติดตามได้ (แต่ทำบัตรเสริมให้กับคนอื่นๆ ก่อนเดินทางได้ ถ้าทำได้)

อาหารที่ตักมาทานนะครับ ต้องขออภัยขาไปง่วงมากเบลอ และขากลับรีบนิดหน่อยเลยถ่ายได้เฉพาะที่ตักมาทาน
ขาไป (อาหารเช้า)


ขากลับ
ก๋วยเตี๋ยวอร่อยมากครับ แนะนำเลย นอกจากนี้ยังมี ข้าวสี่สีของอินเดียและแกงกะหรี่ไก่ อร่อยมากเช่นกัน (แต่ไม่ได้ถ่าย แหะๆๆ)


แถมรูป IAAS Lounge ที่ Narita Terminal 2 ชั้นเดียวกับที่ขายของฝากก่อนผ่าน ตม. (อันนี้ก็ใช้บัตร JCB)
ซึ่งในเลาจน์มีแค่เครื่องดื่ม กาแฟ น้ำอัดลม และโซฟาพร้อมปลั๊กชาร์ตไฟ


เท่านี้จริงๆ !!!



ไปเที่ยวโตเกียวหาโรงแรมใกล้สถานีรถไฟดีที่สุด
อย่างที่บอกไปตอนแรกคือผมจองแบบแพคเก็จ (และเจอ Deal แถมฟรี 1 คืน) ผมเลยจองที่โรงแรม Sun Members Shinjuku Hotel ซึ่งได้ลองดูแผนที่แล้วก็ห่างจากสถานีชินจูกุพอสมควร แต่คิดว่าเอาหน่า อากาศเย็นๆ เดินชิลๆ น่าจะไม่มีปัญหา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Tokyo Metropolitan เพื่อขึ้นไปชมวิวเมืองโตเกียวได้ฟรีๆ นั้นแหละครับ ใช้เวลาเดินจากสถานีชินจูกุถึงโรงแรมก็ประมาณ 15 นาทีได้ เอาเข้าจริงไม่ไหวครับ เดินเที่ยวทั้งวันยันดึกกลับมาถึงสถานีชินจูกุ แล้วท้อกับการเดินกลับโรงแรม ทำให้คิดถึง Ibis Shinjuku ที่ไปพักคราวที่แล้วเลย ชิลมากเพราะใกล้สถานีรถไฟ

โรงแรมโดยรวมโอเคตามสไตล์ญี่ปุ่น แต่ที่นี่ยังอนุรักษ์นิยม ไม่มีคีย์การ์ดจ้าาาา ใช้กุญแจไขปกติ และตอนเช็คอินเสร็จพนักงานบอกว่าถ้าออกจากห้องไปข้างนอกรบกวนนำกุญแจมาฝากที่เคาเตอร์ด้วยเพราะมีดอกเดียว !! (เอ้า! ยังไงกันและพนักงานทำความสะอาดจะเข้ายังไงถ้าลืมฝากกุญแจ)
ตลอดทางจากสถานีชินจูกุ (South Exit) มายังโรงแรม จะผ่านร้านอาหารและร้านยาเยอะมาก พอช้อปปิ้งได้เลยครับ และปิดดึกกว่าพวกห้างและร้านตรงบริเวณสถานีชินจูกุนะครับ





อาหารเช้าเหมือนกันทู๊กกกกวัน แต่อร่อยและคุณภาพดีครับ


อินเตอร์เน็ต/3G/4G ที่โตเกียว
ผมใช้ Sim2fly ของ AIS ครับ ซึ่งราคา 399 บาท ใช้ได้ 3GB ในระยะเวลา 8 วัน
โดยรวมแล้วไม่ค่อยปลื้มกับ Roaming ของ Softbank ครับสัญญาณแกว่งมาก แต่เห็นมีคนคอมเมนท์ว่าใช้ได้โอเค
จับโปเกม่อนไม่มันส์เลย GPS หาไม่เจอตลอดเพราะจริงๆ สามารถอ้างอิงจากจุดที่รับสัญญาณมือถือ (อันนี้ส่วนตัวมากๆ 5555)
ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะมือถือผมหรือเปล่าไม่แน่ใจ ผมใช้ S6 Edge Plus พึ่งอัพ 6.0.1 ใหม่ซึ่งเหมือนยังไม่สมบูรณ์

Wifi ฟรีที่ญี่ปุ่น ถ้าหากคุณมีบัตร JCB ก็สามารถขอรหัส Premium ได้นะครับ ซึ่งจะสามารถใช้จุด Wifi ได้มากกว่า Account ปกติ
รายละเอียดตามลิงค์ด้านล่าง
http://www.global.jcb/en/consumers/travel/welcome-to-japan/travel-japan-wifi/

แต่ที่ใช้จริง หลุดบ่อย เด้งไปเด้งมาตลอดครับ พอวันที่สองที่สามมีให้ใส่ Username และ Password ผมเลยไม่ได้เปิด Wifi ใช้
ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะมือถือผมหรือเปล่าไม่แน่ใจนะครับ

อันนี้แถมรูปฟูจิซัง, ใบไใม้เหลือง (Ginkgo) ที่ Meiji Jingu Gaien และคลิปหิมะตก (กะเหรี่ยงไม่เคยเจอหิมะเลยเห่อมากๆ )
ไปรอบนี้คุ้มสุดครับ ทั้งหนาว / แผ่นดินไหว / หิมะตก (อันนี้โชคดีมากครับ เพราะหิมะแรกที่โตเกียวส่วนใหญ่จะตกในช่วงธันวาหรือมกรา โน้น นี้หลงมาให้ได้สัมผัสความหนาวสุดๆ เห็นว่าในรอบ 50 กว่าปี)

ระหว่างทางไปเจดีย์แดง Chureito Pagoda (สถานี Shimoyoshida)










หน้าสถานี Kawaguchigo  
รูปไม่เยอะครับ คนเยอะมาก พลาดอย่างแรงเพราะซื้อ R-Coupon แต่สรุปแล้วนั่งเรโทรบัสไปป้ายสุดท้าย และนั่งดื่มกาแฟเสร็จ ก็นั่งกลับมายังสถานีเลย แถมรถมาช้ารอนาน พลาดเที่ยวรถไฟไป 6 นาที ต้องรอเที่ยวต่อไปอีก 1 ชั่วโมง เหอๆๆๆ


ใบไม้เหลือง (Ginkgo) ที่ Meiji-Jingu Gaien
วันที่ไปเป็นวันหยุดแรงงานของคนญี่ปุ่น ได้เห็น lifestyle ของคนญี่ปุ่นน่ารักดีครับ พ่อแม่เด็กๆ จะพาลูกๆ ตัวเล็กตัวน้อยมาถ่ายรูป เลยแอบถ่ายมาให้ชมกัน


อันนี้รีบถ่าย พ่อแม่เขาจับน้องนอนบนสนามหญ้าที่ปกคลุมด้วยใบไม้สีเหลืองและถ่ายรูป








น้องหมาก็มีเยอะ


อันนี้แมวฮิปฮอปมาพร้อมกับสเก็ตบอร์ด น่ารักมากครับ นั่งนิ่งมาก เจ้าของก็ลากสเก็ตบอร์ดไปมาช้าๆ แมวก็นั่งนิ่ง



กะเหรี่ยงตื่นเต้นกับหิมะ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

หากสงสัยยังไงลองหลังไมค์มาถามได้นะครับ โพสกระทู้นี้แล้วก็อยากกลับไปอีก แอบดูตั๋วช่วงหลังสงกรานต์อีกรอบ แหะๆๆ

ขอบคุณที่แวะมาชมรีวิว งง ๆ ของผมนะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่