#สายโลหิต ตามรอยพี่เทพ พี่ลำดวน น่าจะไปอยู่ส่วนไหนของพม่ากันนะ

ตามฉากในละครเรื่องสายโลหิต หลังจากที่กรุงศรีอยุธยา เสียกรุงเป็นครั้งที่ ๒  

พี่เทพพร้อมพี่ลำดวนและพ่อทอง ได้ตามเสด็จขุนหลวงหาวัด (เจ้าฟ้าอุทุมพร) ไปยังพม่า

เครดิตภาพจาก คุณ phokar สมาชิก pantip

บริเวณชานเมือง ห่างจากเมืองมัณฑะเลย์ไปประมาณ ๑๒ กิโลเมตร ซึ่งเป็นที่ตั้งของสะพานอูเบ็ง สะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก สถานที่บริเวณนั้นเชื่อกันว่า เป็นสถานที่เชลยชาวกรุงศรีอยุธยา (พม่าเรียก โยเดีย) ถูกกวาดให้มาตั้งรกรากอยู่ในบริเวณดังกล่าว


มีความเชื่อว่าพื้นที่รอบๆสะพานอูเบ็ง เป็นที่ตั้งของชุมชนเชลยศึกชาวอยุธยา ในสมัยนั้น


สะพานอูเบ็ง มีอายุมากกว่า ๒๐๐ ปี โดยสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าปดุง ซึ่งตรงกับช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ของไทย
(ไม่แน่ว่า พี่เทพ หรือพ่อทอง อาจะถูกนำมาใช้แรงงานในการก่อสร้างสะพานอูเบ็งแห่งนี้ก็เป็นไปได้ อันนี้มโนค่ะ อิอิอิ)
สะพานอูเบ็ง ก่อสร้างโดยใช้ไม้สักมากถึง ๑,๒๐๘ ต้น  โดยไม้ดังกล่าว รื้อมาจากพระราชวังเก่าแห่งกรุงอังวะ


บริเวณปลายสุดสะพานอูเบ็ง เดินไปต่อไม่ไกล (จุดสังเกต ตอนอยู่ช่วงกลางๆสะพานให้มองหายอดเจดีย์สูงๆ สีทองแถวปลายสะพานอูเบ็ง)
มีเจดีย์ชื่อว่า เจ๊าต่อจี








เจดีย์ชื่อว่า เจ๊าต่อจี มีจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งจากการวิเคราะห์ เชื่อว่าเป็นฝีมือของเชลยชาวโยเดีย แน่นอน
เลยเป็นเหตุผลหลักในที่ทำให้เชื่อว่า บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของชุมชนชาวกรุงศรีอยุธยาที่เคยถูกกวาดต้อนมาพม่า เมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒



ซึ่งตามธรรมเนียมโบราณของชาวพม่า เมื่อเด็กๆกำลังจะก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ จะใช้วิธีการ “เจาะหู”
ในขณะที่ธรรมเนียมโบราณของไทย จะใช้วิธีการ “โกนจุก”
จึงพอจะสันนิษฐานได้ว่า ภาพเขียนเหล่านี้ น่าจะเป็นฝีมือของเชลยที่ถูกกวาดต้อนมาจากกรุงศรีอยุธยา
เราสามารถเห็นภาพของเด็กไทย (เด็กไว้แกละ) ที่ถูกสอดแทรกไว้อย่างกลมกลืนในภาพจิตรกรรมฝาผนังดังกล่าว


อันนี้ เทวดา อันไหนเทวดาไทย อันไหนเทวดาพม่า ลองช่วยดูกัน





ภาพวาดนี้ทำให้เกิดข้อสันนิษฐานมากมายตามมา ว่าเหตุใด ภาพวาดในวัดของพม่าจึงมี เจ้าจุก เจ้าแกละ

เพราะพม่าไม่มีประเพณีไว้จุก ไว้แกละ เพื่อโกนผมไฟแบบของไทย

มีประเด็นเป็นที่สงสัยทางประวัติศาสตร์เกิดขึ้นว่า บริเวณนี้ในสมัยก่อน อาจจะเป็นที่อยู่อาศัยของเชลยชาวไทยที่ถูกกวาดตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา

รบกับพม่า เป็นไปได้ไหมว่า เชลยชาวไทยที่มีฝีมือได้สร้างสรรค์ผลงานภาพจิตรกรรมฝาผนังดังกล่าว และได้แสดงรายละเอียดของภาพสื่อถึง

ความเป็นไทยลงไปด้วย ภาพวาดดังกล่าวเปรียบเสมือนกับเครื่องบันทึกข้ามเวลา ที่ทำให้พวกเราในปัจจุบันได้มาพบ ได้มาเห็น ได้มารู้ ว่าบริเวณ

ณ พื้นที่แห่งนี้ อาจจะเคยมีคนไทยได้มาอาศัยอยู่ก็ได้เหมือนกันนะ



ใครมีโอกาสไปเที่ยวเมืองมัณฑะเลย์ คงไม่น่าจะพลาดที่จะได้ไปเยี่ยมชมสะพานอูเบ็ง
แล้วถ้าได้ไปสะพานอูเบ็งแล้ว ลองไปตามรอยพี่เทพ พี่ลำดวน เยี่ยมชมเจ้าจุก เจ้าแกละ ที่เจดีย์เจ๊าต่อจี กันนะคะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่