ครอบครัวเราไปเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์ จขกท ก็เลยเขียนรีวิวทริปลง Blog ด้วยเหตุผลบางอย่าง ก็เลยคิดว่าไหนๆแล้วก็เอามาลงไว้ในพันทิปให้คนที่สนใจได้เข้ามาอ่านด้วยโดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กๆและชอบท่องเที่ยว (จริงๆแล้วเวลาหาข้อมูลเที่ยวก็ได้จากที่นี่ไปเยอะ ขอทดแทนบุญคุณไปด้วยเลยละกัน) ส่วนอีกอย่างที่อยากจะทำคือขอฝากกระทู้ไว้ในพันทิปแล้วรออีกสัก 10-20 ปี เผื่อลูกๆ สนใจจะไปเที่ยวไอซ์แลนด์อีกรอบแล้วเข้ามาหาข้อมูลที่นี่ก็อาจได้เจอตัวเองตอนเด็กๆในพันทิป อิอิ ไม่รู้พวกเขาจะจำตัวเองได้หรือเปล่า
ทริปนี้เป็นการเดินทางประมาณ 15 วัน ระหว่างวันที่ 2-16 กันยายน เราพาเด็กๆ (คนโต 6 ขวบ ส่วนคนเล็ก 4 ขวบ) เที่ยว 2 ประเทศคือ ไอซ์แลนด์ และ เดนมาร์ก ที่ใช้ทรานซิท ถามว่าทำไมถึงพาเด็กๆ ไปเที่ยว ไอซ์แลนด์ ก็ต้องตอบว่า อยากไปลองตามล่าแสงเหนือซึ่งช่วง 2-3 ปีมานี้กำลังฮิตมากๆ ยิ่งได้อ่านบทความแล้วรู้ว่าช่วงนี้กำลังเป็นช่วงเริ่มเข้าสู่ช่วงรอบขาลงของแสงเหนือ และจะไปเริ่มเป็นขาขึ้นในอีก เกือบ 10 ปีข้างหน้า ก็เลยคิดว่าจะรอช้าอยู่ไย รีบมาเสี่ยงดวงดูก่อนเลย แล้วช่วงแสง พีคอีก 10 ปีข้างหน้าค่อยว่ากันใหม่ หากใครสนใจก็ลองเข้าไปดูพยากรณ์ แสงเหนือและสภาพอากาศของไอซ์แลนด์ได้ที่
http://en.vedur.is
เราเดินทางช่วงต้นเดือนกันยายนที่เป็นช่วงปลายหน้าร้อนเปลี่ยนเข้าหน้าหนาว ก็มีเหตุผลหลักเลยคือ โรงเรียนเด็กๆปิดเบรคช่วงนี้ อีกเหตุผลคือสภาพอากาศที่ยังไม่หนาวจัดทรมานเด็กเล็กเและคนวัยเริ่มชราจนเกินไป ช่วงนี้เวลากลางวันจะยาวกว่ากลางคืน กว่าจะมืดสนิทก็ประมาณ 4 ทุ่ม พอตีห้าก็เริ่มสว่าง ก็เลยไม่เป็นที่นิยมของนักล่าแสงเหนือ ซื่งต้องการเวลาช่วงกลางคืนนานๆเพื่อจะได้เพิ่มโอกาสในการเห็นแสงเหนือ แต่เรามากับเด็กช่วงเวลานี้ก็เลยยิ่งเหมาะกับเราที่ต้องการเวลาเที่ยวกลางวันมากกว่า เพราะกว่าเด็กๆจะพร้อมก็ปาเข้าไปสายๆแล้ว สรุปคือมาเที่ยวไอซ์แลนด์กับเด็ก ช่วงนี้ก็จะได้ครบเพราะมีเวลาเที่ยวได้เยอะและมีโอกาสเห็นแสงเหนือด้วย หรืออีกช่วงที่อากาศคล้ายๆกันก็ประมาณปลายมีนาถึงต้นเมษา
สำหรับการเตรียมตัว อุปกรณ์กันหนาวต้องให้ครบ กางเกงหนาๆก็ช่วยได้ดี ยิ่งกันน้ำได้ยิ่งดี แต่ถ้าหาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร หมวกนี่ขาดไม่ได้ ถุงมือใช้บ้างไม่ใช้บ้าง แต่เด็กๆจะไม่ค่อยชอบใส่ รองเท้าก็ควรเป็นแบบกันน้ำได้บ้างเพราะถ้าเท้าแฉะจะเย็นเท้าเดี๋ยวเที่ยวไม่สนุก ช่วงนี้ที่บอกว่าไม่หนาวมากแต่ก็คือหนาวอยู่ดีสำหรับคนไทยเรา ยิ่งต้องออกมารอแสงเหนือตอนกลางคืนก็ยิ่งหนาวเข้าไปใหญ่ อุณภูมิก็ 5-12 องศาเซลเซียส ควรมีเสื้อหลายๆชั้นแบบพอเริ่มร้อนก็ถอดออกและพอหนาวก็ใส่ใหม่ แนะนำว่าควรมีแบบกันน้ำได้ด้วย เพราะอากาศที่นี่เอาแน่เอานอนไม่ได้ บางที่เดินอยู่กลางแดดอุ่นๆสักพักเมฆก็มาแล้วก็หนาวซะงั้น หรือไม่ก็ฝนตกด้วยเลย ลมก็ค่อนข้างแรง จนบางครั้งนี่ผู้ใหญ่ยังแทบปลิวเลย ยิ่งตอนเปิดประตูรถแล้วไม่ระวังนี่ประตูแทบหลุด
ด้านอาหารการกิน ถ้าจะมาซื้อกินตามร้านตลอดนี่อาจหมดตัวได้ เราพกเอาพวกอาหารซองสำเร็จรูป ข้าวไมโครเวฟ มาม่า โจ๊ก อะไรพวกนี้มาด้วย เอาแบบที่เด็กๆทานได้ด้วย ก็ช่วยประหยัดไปได้เยอะ ยิ่งหนาวๆแล้วได้กินมาม่าเผ็ดๆ ร้อนๆ นี่ได้บรรยากาศมากๆ อ้อ แต่ถ้าอยากใส่ใข่ ก็ฟองละประมาณ 30 บาทนะ แต่ก็คิดซะว่าประหยัดกว่ากินที่ร้านอยู่ดี ขาดเหลืออะไรก็ไปซื้อเพิ่มเติมได้ในซุปเปอร์ พวก Bonus Carefour ขนาดยำยำยังมีขายเลย ส่วนตามปั๊มน้ำมันก็จะมีพวกฮอทดอกขาย ราคาก็ไม่ได้ถูก แต่ถือว่าเป็นอาหารประจำชาติที่ต้องลองชิม จากประสบการณ์ แนะนำให้ลอง Skyre คล้ายๆโยเกิร์ต มีหลายรสชาติให้ลอง แต่ขอบอกว่ารถกล้วยนี่กลิ่นเหมือนอ้วกเลย ไม่แนะนำ เนื้อแกะรสชาติดีมากๆแนะนำว่าต้องลองให้ได้ห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะเขาโฆษนาว่าแกะเลี้ยงแบบปล่อยตามธรรมชาติ ให้มันหาของกินตามเทือกเขา เนื้อไม่เหม็นคาว ยิ่งถ้าเป็นซุบแกะนี้เจอที่ไหนให้สั่งมาลองเลย จะได้บรรยากาศแบบซดซุปอร่อย ร้อนๆ ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น และอีกอย่างหากไปเที่ยวแถวเมือง Hofn ก็ต้องไปลอง Lingustine หรือกุ้งมังกรของไอซ์แลนด์ แนะนำๆ แต่ราคาก็ดุเอาการ แต่จะว่าไปอันที่ประทับใจที่สุดก็คือน้ำก๊อก ขอบอกว่ารสชาติดีมากเพราะเป็นน้ำจากธารน้ำแข็ง เจ้าถิ่นบอกว่า ดื่มได้เลยทุกที่ เขาดื่มกันตั้งแต่เกิด แต่ต้องเปิดจากท่อน้ำเย็นนะ (บิดก็อกไปทางน้ำเย็นให้สุดแล้วรอสักพัก) เพราะท่อน้ำร้อนจะมาจากน้ำใต้ดินเหม็นกำมะถัน ของเรานี่ หอบกระติกน้ำจากบ้านไปใส่เลย จะได้พกไว้ดื่มตอนเดินเที่ยวด้วย อีกอย่างทีแนะนำถ้าไปเที่ยวกับเด็กๆก็ควรมีพวกขนมๆอย่างบิสกิตและผลไม้ อย่างกล้วย เผื่อไว้เพราะพวกเจ้าตัวเล็กเอาแน่เอานอนไม่ได้เกิดหิวขึ้นมาจะพาลไม่ยอมเทียวเอา
ประเทศนี้การขึ้นรถบัสไปเที่ยวยังไม่สะดวกเท่าไหร่ สู้เช่ารถขับเที่ยวเองไม่ได้ ไปกับทัวร์ก็แพง แต่การขับรถถ้าเป็นช่วงก่อนหน้าหนาวก็ไม่ยาก ขับได้สบายๆรถไม่เยอะ ถนนส่วนใหญ่ก็ราดยางโดยเฉพาะเส้น 1 ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักให้ขับรอบเกาะ มีแบบถนนกรวดบ้าง แต่ก็ขับไม่ยาก ทริปนี้เราไป 15 วัน ก็เลย เช่ารถขับเที่ยวรอบเกาะเลย แต่ไม่ได้เช่าแบบรถนอนเพราะกังวลเรื่องห้องน้ำ ก็คือเปลี่ยนโรงแรมนอนไปเรื่อยๆตามเส้นทาง สำหรับปั้มน้ำมันก็มีทั่วไป แต่บางที่จะเป็นแบบเครื่องให้เติมเองไม่มีแคชเชียร์ ก็ต้องใช้บัตรเครดิตแบบที่มีชิบและพิน แต่ถ้าใครไม่มีก็ให้ไปซื้อบัตรแบบพรีเพดตุนไว้ใช้แทนบัตรเครดิต เราซื้อของ N1 พอใช้หมดก็ซื้อใบใหม่และบัตรก็ใช้ซื้อของในปั๊มได้ด้วย ถ้ามากับเด็กก็ต้องมีคาร์ซีท หรือบูทเตอร์ซีทด้วย เราก็เช่าเอา ถ้าใครถ้าอยากเช็คสภาพถนนให้เข้าไปดูได้ที่ www.road.is
แผนการเที่ยวก็ประมาณนี้ ขับวนรอบเกาะแบบทวนเข็ม ใครจะไปแบบตามเข็มก็ได้ แล้วแต่ความสะดวก
ส่วนที่พักก็ดูเอาตามเวป booking.com มีให้เลือกหลากหลายเลยดูเอาตามใจชอบ ดูรีวิวด้วยจะได้รู้ว่ามันดีหรือไม่ดีอย่างไร แนะนำว่าที่พักควรคะแนนเกิน 7 ขึ้นไป ที่สนามบินจะมีตู้ ATM ให้กด ส่วนซิมการ์ด ก็ซื้อได้เลยที่ซุปเปอร์ในสนามบิน
[CR] รีวิว พาเด็กๆไปเก็บก้อนน้ำแข็งที่ไอซ์แลนด์ (Iceland: The Land of Ice and Fire) by ชวนลูกท่องโลก
ทริปนี้เป็นการเดินทางประมาณ 15 วัน ระหว่างวันที่ 2-16 กันยายน เราพาเด็กๆ (คนโต 6 ขวบ ส่วนคนเล็ก 4 ขวบ) เที่ยว 2 ประเทศคือ ไอซ์แลนด์ และ เดนมาร์ก ที่ใช้ทรานซิท ถามว่าทำไมถึงพาเด็กๆ ไปเที่ยว ไอซ์แลนด์ ก็ต้องตอบว่า อยากไปลองตามล่าแสงเหนือซึ่งช่วง 2-3 ปีมานี้กำลังฮิตมากๆ ยิ่งได้อ่านบทความแล้วรู้ว่าช่วงนี้กำลังเป็นช่วงเริ่มเข้าสู่ช่วงรอบขาลงของแสงเหนือ และจะไปเริ่มเป็นขาขึ้นในอีก เกือบ 10 ปีข้างหน้า ก็เลยคิดว่าจะรอช้าอยู่ไย รีบมาเสี่ยงดวงดูก่อนเลย แล้วช่วงแสง พีคอีก 10 ปีข้างหน้าค่อยว่ากันใหม่ หากใครสนใจก็ลองเข้าไปดูพยากรณ์ แสงเหนือและสภาพอากาศของไอซ์แลนด์ได้ที่ http://en.vedur.is
เราเดินทางช่วงต้นเดือนกันยายนที่เป็นช่วงปลายหน้าร้อนเปลี่ยนเข้าหน้าหนาว ก็มีเหตุผลหลักเลยคือ โรงเรียนเด็กๆปิดเบรคช่วงนี้ อีกเหตุผลคือสภาพอากาศที่ยังไม่หนาวจัดทรมานเด็กเล็กเและคนวัยเริ่มชราจนเกินไป ช่วงนี้เวลากลางวันจะยาวกว่ากลางคืน กว่าจะมืดสนิทก็ประมาณ 4 ทุ่ม พอตีห้าก็เริ่มสว่าง ก็เลยไม่เป็นที่นิยมของนักล่าแสงเหนือ ซื่งต้องการเวลาช่วงกลางคืนนานๆเพื่อจะได้เพิ่มโอกาสในการเห็นแสงเหนือ แต่เรามากับเด็กช่วงเวลานี้ก็เลยยิ่งเหมาะกับเราที่ต้องการเวลาเที่ยวกลางวันมากกว่า เพราะกว่าเด็กๆจะพร้อมก็ปาเข้าไปสายๆแล้ว สรุปคือมาเที่ยวไอซ์แลนด์กับเด็ก ช่วงนี้ก็จะได้ครบเพราะมีเวลาเที่ยวได้เยอะและมีโอกาสเห็นแสงเหนือด้วย หรืออีกช่วงที่อากาศคล้ายๆกันก็ประมาณปลายมีนาถึงต้นเมษา
สำหรับการเตรียมตัว อุปกรณ์กันหนาวต้องให้ครบ กางเกงหนาๆก็ช่วยได้ดี ยิ่งกันน้ำได้ยิ่งดี แต่ถ้าหาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร หมวกนี่ขาดไม่ได้ ถุงมือใช้บ้างไม่ใช้บ้าง แต่เด็กๆจะไม่ค่อยชอบใส่ รองเท้าก็ควรเป็นแบบกันน้ำได้บ้างเพราะถ้าเท้าแฉะจะเย็นเท้าเดี๋ยวเที่ยวไม่สนุก ช่วงนี้ที่บอกว่าไม่หนาวมากแต่ก็คือหนาวอยู่ดีสำหรับคนไทยเรา ยิ่งต้องออกมารอแสงเหนือตอนกลางคืนก็ยิ่งหนาวเข้าไปใหญ่ อุณภูมิก็ 5-12 องศาเซลเซียส ควรมีเสื้อหลายๆชั้นแบบพอเริ่มร้อนก็ถอดออกและพอหนาวก็ใส่ใหม่ แนะนำว่าควรมีแบบกันน้ำได้ด้วย เพราะอากาศที่นี่เอาแน่เอานอนไม่ได้ บางที่เดินอยู่กลางแดดอุ่นๆสักพักเมฆก็มาแล้วก็หนาวซะงั้น หรือไม่ก็ฝนตกด้วยเลย ลมก็ค่อนข้างแรง จนบางครั้งนี่ผู้ใหญ่ยังแทบปลิวเลย ยิ่งตอนเปิดประตูรถแล้วไม่ระวังนี่ประตูแทบหลุด
ด้านอาหารการกิน ถ้าจะมาซื้อกินตามร้านตลอดนี่อาจหมดตัวได้ เราพกเอาพวกอาหารซองสำเร็จรูป ข้าวไมโครเวฟ มาม่า โจ๊ก อะไรพวกนี้มาด้วย เอาแบบที่เด็กๆทานได้ด้วย ก็ช่วยประหยัดไปได้เยอะ ยิ่งหนาวๆแล้วได้กินมาม่าเผ็ดๆ ร้อนๆ นี่ได้บรรยากาศมากๆ อ้อ แต่ถ้าอยากใส่ใข่ ก็ฟองละประมาณ 30 บาทนะ แต่ก็คิดซะว่าประหยัดกว่ากินที่ร้านอยู่ดี ขาดเหลืออะไรก็ไปซื้อเพิ่มเติมได้ในซุปเปอร์ พวก Bonus Carefour ขนาดยำยำยังมีขายเลย ส่วนตามปั๊มน้ำมันก็จะมีพวกฮอทดอกขาย ราคาก็ไม่ได้ถูก แต่ถือว่าเป็นอาหารประจำชาติที่ต้องลองชิม จากประสบการณ์ แนะนำให้ลอง Skyre คล้ายๆโยเกิร์ต มีหลายรสชาติให้ลอง แต่ขอบอกว่ารถกล้วยนี่กลิ่นเหมือนอ้วกเลย ไม่แนะนำ เนื้อแกะรสชาติดีมากๆแนะนำว่าต้องลองให้ได้ห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะเขาโฆษนาว่าแกะเลี้ยงแบบปล่อยตามธรรมชาติ ให้มันหาของกินตามเทือกเขา เนื้อไม่เหม็นคาว ยิ่งถ้าเป็นซุบแกะนี้เจอที่ไหนให้สั่งมาลองเลย จะได้บรรยากาศแบบซดซุปอร่อย ร้อนๆ ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น และอีกอย่างหากไปเที่ยวแถวเมือง Hofn ก็ต้องไปลอง Lingustine หรือกุ้งมังกรของไอซ์แลนด์ แนะนำๆ แต่ราคาก็ดุเอาการ แต่จะว่าไปอันที่ประทับใจที่สุดก็คือน้ำก๊อก ขอบอกว่ารสชาติดีมากเพราะเป็นน้ำจากธารน้ำแข็ง เจ้าถิ่นบอกว่า ดื่มได้เลยทุกที่ เขาดื่มกันตั้งแต่เกิด แต่ต้องเปิดจากท่อน้ำเย็นนะ (บิดก็อกไปทางน้ำเย็นให้สุดแล้วรอสักพัก) เพราะท่อน้ำร้อนจะมาจากน้ำใต้ดินเหม็นกำมะถัน ของเรานี่ หอบกระติกน้ำจากบ้านไปใส่เลย จะได้พกไว้ดื่มตอนเดินเที่ยวด้วย อีกอย่างทีแนะนำถ้าไปเที่ยวกับเด็กๆก็ควรมีพวกขนมๆอย่างบิสกิตและผลไม้ อย่างกล้วย เผื่อไว้เพราะพวกเจ้าตัวเล็กเอาแน่เอานอนไม่ได้เกิดหิวขึ้นมาจะพาลไม่ยอมเทียวเอา
ประเทศนี้การขึ้นรถบัสไปเที่ยวยังไม่สะดวกเท่าไหร่ สู้เช่ารถขับเที่ยวเองไม่ได้ ไปกับทัวร์ก็แพง แต่การขับรถถ้าเป็นช่วงก่อนหน้าหนาวก็ไม่ยาก ขับได้สบายๆรถไม่เยอะ ถนนส่วนใหญ่ก็ราดยางโดยเฉพาะเส้น 1 ซึ่งเป็นถนนเส้นหลักให้ขับรอบเกาะ มีแบบถนนกรวดบ้าง แต่ก็ขับไม่ยาก ทริปนี้เราไป 15 วัน ก็เลย เช่ารถขับเที่ยวรอบเกาะเลย แต่ไม่ได้เช่าแบบรถนอนเพราะกังวลเรื่องห้องน้ำ ก็คือเปลี่ยนโรงแรมนอนไปเรื่อยๆตามเส้นทาง สำหรับปั้มน้ำมันก็มีทั่วไป แต่บางที่จะเป็นแบบเครื่องให้เติมเองไม่มีแคชเชียร์ ก็ต้องใช้บัตรเครดิตแบบที่มีชิบและพิน แต่ถ้าใครไม่มีก็ให้ไปซื้อบัตรแบบพรีเพดตุนไว้ใช้แทนบัตรเครดิต เราซื้อของ N1 พอใช้หมดก็ซื้อใบใหม่และบัตรก็ใช้ซื้อของในปั๊มได้ด้วย ถ้ามากับเด็กก็ต้องมีคาร์ซีท หรือบูทเตอร์ซีทด้วย เราก็เช่าเอา ถ้าใครถ้าอยากเช็คสภาพถนนให้เข้าไปดูได้ที่ www.road.is
แผนการเที่ยวก็ประมาณนี้ ขับวนรอบเกาะแบบทวนเข็ม ใครจะไปแบบตามเข็มก็ได้ แล้วแต่ความสะดวก
ส่วนที่พักก็ดูเอาตามเวป booking.com มีให้เลือกหลากหลายเลยดูเอาตามใจชอบ ดูรีวิวด้วยจะได้รู้ว่ามันดีหรือไม่ดีอย่างไร แนะนำว่าที่พักควรคะแนนเกิน 7 ขึ้นไป ที่สนามบินจะมีตู้ ATM ให้กด ส่วนซิมการ์ด ก็ซื้อได้เลยที่ซุปเปอร์ในสนามบิน