สิ่งที่เด็กไทยขาดไม่ใช่ "ความรู้" แต่เป็น "ความฝัน" (โปรดอ่านให้จบก่อน)

ขอออกตัวก่อนเลยนะครับว่านี่เป็นแค่ "ความคิดเห็นส่วนตัวของผม"

ที่ผมตั้งข้อหัวแบบนี้ไม่ได้หมายความว่า "ความรู้" ไม่สำคัญนะ แต่ผมคิดว่าเราก็เรียนมากพออยู่แล้ว แต่เราขาดความฝัน เพราะ "หากคนเรามีความฝัน ความรู้ก็จะตามมาเอง"

ผมโตมาโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นอะไร ใช่มันอาจเป็นความผิดของผมเองที่ไม่ขวนขวาย แต่ผมคิดว่ามันจะดีแค่ไหนหากเรารู้ว่าเราอยากเป็นอะไร ตั้งแต่เรียนชั้นประถม

ผมสอบได้ในท็อป 12 จากนักเรียนสามสิบกว่าคนตั้งแต่ ป.1 ถึง ป.6 ผมดีใจและพ่อแม่ผมภูมิใจมากทีเดียว และทว่าเกรด 4 แทบทุกวิชาไม่สามารถบอกผมได้เลยว่าโตขึ้นผมอยากเป็นอะไร

ผมเข้ามัธยมแล้วเริ่มเถลไถลคิดว่าเรียนไปให้แค่จบๆ แล้วเรียนต่อปริญญาตรีอย่างมีความสุขกับการใช้ชีวิต แต่เชื่อไหมผมซีเรียสมากหลังจากเรียนจบ ผมยังไม่รู้ว่าผมอยากเป็นอะไร ผมลองทำงานต่างๆ มากมายทั้งสบายและโคตรลำบาก เพียงเพื่อค้นหาว่าผมเกิดมาเพื่อเป็นอะไร ก่อนหน้านั้นผมเคยคิดว่าผมชอบนู่นนั่นนี่ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ใช่ หรือผมตามหามันช้าไป มันจะดีแค่ไหนหากผมพบความฝันตั้งแต่เด็ก ไม่ต้องชัดเจนก็ได้ แค่สั่งสมมันมาเรื่อยๆ โตขึ้นมาผมจะได้มีอะไรติดตัวเป็นความสามารถมาบ้าง

ผมคิดว่าถ้าเรารู้ว่าความฝันคืออะไรแล้วละก็ เราก็จะขวนขวายมันเอง แน่นอนความรู้ก็จะตามมาหลังจากนั้น เพราะเราไม่ได้เกิดมาเพื่อเก่งทุกวิชา เน้นที่เราถนัดมันก็จะไปได้ดี

ผมอยากให้มีการสนับสนุนการค้นหาความฝันตั้งแต่เด็ก ผมก็ไม่รู้หรอกว่าจะมีวิธีอะไร แต่ผมเชื่อว่ามันต้องมีสิ เช่นผมเคยอ่านบทความหนึ่งเกี่ยวกับ "โรงเรียนที่ญี่ปุ่นสอนให้เด็กนักเรียนพับกระดาษเพื่อเป็นการฝึกสมาธิ" จำได้ประมาณนี้ ซึ่งมันไม่เห็นผลเป็นรูปธรรมแต่มันส่งผลในความรู้สึก ในบ้านเราก็อาจจะมีแต่ว่าเหมือนมันยังไม่เอาใจใส่พอ หากเราลองให้ความสำคัญกับสิ่งเล็กๆ ที่มองเห็นเป็นรูปธรรมไม่ได้นี้ มันอาจจะนำมาซึ่งความรู้สึกอะไรสักอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาเรียนรู้ที่จะฝัน

ใช่ "เรียนรู้ที่จะฝัน" ความฝันไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อ หากมันควบคู่ไปกับการเรียนรู้ที่ดี และมีคนที่ดีคอยให้คำปรึกษา

มีคำกล่าวที่ว่าบางช่วงวัยรุ่นจะ "ติดเพื่อน" และทั้งชีวิตอาจเปลี่ยนไปเพราะเพื่อนได้เลย ใช่ ถูกต้องแล้ว แต่ผมลองคิดเล่นๆ ว่าหากเราสร้างสังคมแห่งการฝันตั้งแต่เด็ก เด็กโตมาอย่างมีความฝัน อาจจะไม่ทั้งหมด แต่ถ้าเราทำสำเร็จ เด็กส่วนใหญ่ก็มีความฝัน แล้วที่นี้ถึงเขาจะติดเพื่อน แต่เพื่อนเขามีความฝัน มันก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย และเขาอาจจะพากันไปในทางที่ดีขึ้น

ไม่รู้ว่าที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้มันพูดง่ายไปหรือเปล่า แต่จากที่ผมค้นหาตัวตนของตัวเองมาหลายปี ทำให้ผมมองเห็นสาเหตุของตัวเองก็คือ "การโตมาอย่างไร้ความฝัน" มันทำให้ผมรู้สึกไร้ค่าสิ้นดี ผมเจ็บปวด ผมอิจฉาเพื่อนที่เขาพบความฝันมาตั้งแต่เด็กจนตอนนี้เขาก็มุ่งมั่นไปในทางของเขา เขาพบมันเร็วขนาดนั้นได้ยังไง และมีส่วนน้อยมากในโรงเรียนผมที่พบความฝัน

สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกว่า สำหรับผมแล้ว "ความฝัน" มันมีพลังมากกว่าความรู้และเงินเสียอีก หากผมมีความฝันที่ดีเป็นเชื่อเพลิง ผมก็จะเชื่อมั่นในความฝัน และมุ่งมั่นด้วยความหวัง ซึ่งการทำอะไรด้วยความตั้งใจจริงผมว่ามันนำมาซึ่งสิ่งที่ดีเสมอ

หากผมจริงจังมากพอ ผมก็จะต้องอยากหาความรู้ ผมก็จะมีความรู้
พอผมมีความรู้ บวกกับความมุ่งมั่น ผมเชื่อว่าสักวันมันต้องสำเร็จ แล้วเดี๋ยวเงินก็ตามมาเอง (แต่จะมากหรือน้อยก็แล้วแต่ความพอใจ)

ทั้งหมดที่พูดมานี้ผมจึงมีความรู้สึกว่าเราควรให้ความสำคัญกับ "ความฝัน" ให้มากกว่านี้ หากไม่มีจินตนาการเราจะก้าวไปข้างหน้าได้ยังไง "ขณะในช่วงชีวิตหนึ่งเราโตไปข้างหน้าแต่ยังอยู่ที่เดิม" ลองให้ความสำคัญกับมันสิ ควบคู่ไปกับการดูแลที่ดี ประเทศเราจะต้องเจ๋งแน่ๆ

ย้ำนะครับ นี่เป็นแค่ #ความคิดเห็นส่วนตัว ที่อัดอั้นอยากจะพูดออกมา
ร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้นะครับ
ด่าได้แต่อย่าแรง
หากมีอะไรผิดไป ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ปัญหาชีวิต บทความ การศึกษา
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่