ทริปอิสาน ภาคต่อ (ต่อจาก ด้วยความบังเอิญ)

ขึ้นเรื่องใหม่นะคะ จะได้ไม่ต้องเลื่อนหากัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ด้วยความบังเอิญ (ต้นเรื่องทริปที่ไปอิสานแล้วพบเจอเรื่องราวมากมาย)

จะขอเล่าต่อจากเรื่อง ด้วยความบังเอิญ ซึ่งหลังจากพวกเราแยกย้ายจากบ้านเพื่อนแม่ พวกเราก็ขับมาที่ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นบ้านแม่เราค่ะ ต่อนะ...

และแล้วพวกเราก็ขับมาจนถึงหมู่บ้านของแม่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านสุดท้ายของถนนเส้นนี้ ล้อมรอบไปด้วยทุ่งนาและป่าไม้ย่อม ๆ บรรยากาศดีมากค่ะ
เช้า ๆ ก็จะมีนกบินมาเกาะพุ่มไม้หน้าบ้าน ส่งเสียงร้องแข่งกัน ลมเย็นพัดมาเป็นระลอก ชาวบ้านรอใส่บาตรอยู่หน้าบ้านใครบ้านมัน

เมื่อใส่บาตรเสร็จแล้วก็ผิงไฟทำข้าวจี่กินกันหน้าบ้าน โอ๊ยฟิน... (ข้าวจี่ คือ ข้าวเหนียวปั้นแบน ๆ กลม ๆ ชุบไข่ แล้วมาปิ้ง) เราก็เอาข้าวจี่นี่แหละค่ะ
ไปตักบาตรกับพระวัดป่าแถวบ้านด้วย

หมู่บ้านแม่เราก็เล็ก ๆ ไม่ใหญ่มาก รวมแล้วน่าจะไม่ถึงร้อยหลังคาเรือน
ทางออกเดียวของหมู่บ้านก็คือ ทางเข้ามาหมู่บ้านนั่นแหละ แล้วบ้านแม่เราก็อยู่ปากทางเข้าหมู่บ้านพอดี ก่อนจะถึงทางเข้าหมู่บ้านก็จะเจอกับป่าช้าและวัดป่า ถึงจะเป็นหมู่บ้านสุดท้าย และทุ่งนาปิดล้อมรอบ

วันหนึ่งสาย ๆ มีเสียงโหวกเหวกแถวกลางหมู่บ้าน เราก็ตื่นเต้นวิ่งไปดู เห็นชาวบ้านล้อมบ้านหลังหนึ่งไว้ ลักษณะเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง
แบบบ้านสมัยก่อนที่เวลาขึ้นบ้านต้องเอาบันไดเก็บด้วย สมัยนี้ก็ยังมีอยู่ค่ะ บ้านนี้เป็นแบบนั้นเลย ถ้าปีนบันได้ขึ้นบ้านแล้วก็ต้องดึงบันไดเก็บเข้าบ้าน

บนบ้านมียายแก่ ๆ อายุสัก 70 นั่งอยุ่ที่ประตูบ้าน บันไดถูกเก็บไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้คนปีนขึ้นไป (หรือแกจะไม่ลงมาก็ไม่รู้)
รอบบ้านมีชาวบ้านตะโกนเรียกให้ยายลงมา คนเยอะมาก เราก็พยายามเขย่งดูให้เห็นว่าแถวหน้า ๆ ที่ตะโกนคุยกับยายน่ะเป็นใคร
ยายมองรอบบ้าน ไม่คุยตอบโต้ และตามองขวาง ปากเคี้ยวอะไรก็ไม่รู้ เคี้ยวไป เคี้ยวมา แล้วก็แหวะออกมา เป็นกระดูกหรืออะไรไม่ทราบ
แต่ยายคายลงมาข้างล่าง แล้วหันไปหยิบไก่ที่จะตายแหล่มิตายแหล่ จับขาไก่ห้อยหัวแล้วชูขึ้นสูง ๆ เหมือนจะเยาะเย้ยหรือโชว์ให้ชาวบ้านเห็น
ยายหัวเราะอ้าปากดัง ๆ แล้วกัดไก่เข้าที่ปีกทั้งที่ไก่ยังไม่ตายนั้นแหละ ยายกัดเข้าไปแล้วดึง ดึง ดึง ก่อนที่ปีกไก่จะหลุดคาปากของยาย
สิ้นเสียงไก่ร้องเป็นเสียงสุดท้าย ยายก็คายปีกไก่ลงพื้น ปากยายมีแต่ขนและเลือดไก่ก็ไหลเต็มผ้าถุง

ชาวบ้านที่อยู่ข้างล่างคงจะหมดความอดทนกับยาย เริ่มมีเสียงตะโกนด่าบ้าง เอาก้อนหินหรืออะไรที่หยิบได้เขวี้ยงปาใส่ยายบ้าง
แต่ยายก็ไม่มีทีท่าจะกลัว ยังคงแสดงบทบาทอย่างอื่นให้ชาวบ้านได้ดูกันต่อ

ยายลุกขึ้นถกผ้าถุงประมาณเข่า ทำท่าจะกระโดดลงมา แต่ก็มีเสียงคนตะโกนห้าม "อย่ากระโดด!!! สงสารร่างยายจัน..."
ยายก็หยุดเอาผ้าถุงลง แล้วตะโกนกลับมาว่า "ก็กรูหิว มันไม่หาอะไรให้กรูกินนานแล้ว"

ชาวบ้านคนหนึ่งที่ดูจะเป็นผู้นำก็ตะโกนกลับไปว่า "แล้วเอ็งเป็นใคร.... มาใช้ร่างยายจันหากินทำไม?"
ยายไม่ตอบแต่นั่งลงชันเข่าขึ้นข้างหนึ่ง เอามือดึงขนไก่ที่ติดตามขอบปาก แล้วเลียปากแผล่บ ๆ บอก "กรูหิว...กรูหิว..." แล้วหยิบไก่ตัวเดิมมากัดปีก

ระหว่างนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่ง ดูมีอายุแล้วน่าจะพอ ๆ กับยาย เดินมาพร้อมเด็กหนุ่มอีกคน ที่มือของเด็กหนุ่มคนนั้นถือถุงผ้า หรือถุงย่ามที่น่าจะใส่ของดีไว้เยอะเลย เพราะระหว่างทางที่เดินมานั้น ผู้ชายที่มีอายุก็จะควักเอาอะไรบางอย่างในถุงผ้าแล้วโปรยออกตามทางที่เดินผ่าน

จนกระทั่งเดินผ่านชาวบ้านแหวกเข้าไปหยุดหน้าบ้านของยาย เราดูแล้วยายน่าจะกลัวผู้ชายคนนี้ เพราะผู้ชายคนนี้เดินมาหยุดหน้าบ้าน
ยังไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรเลย ยายบนบ้านก็ตะโกนร้องบอก "กรูไม่ไป!!! อย่ามาไล่กรู!!!" แล้วก็มีท่าทางลนลานอยู่ไม่สุข ผุดลุกผุดนั่ง
หายเข้าไปในบ้าน แล้วก็โผล่หน้ามาตรงประตู แล้วก็หายเข้าไป แล้วก็โผล่ออกมาอีก

บางทีเราก็อดขำไม่ได้ รู้สึกว่าเออ ยายคนนี้ตลกดี เดี๋ยวผลุบ เดี๋ยวโผล่ เหมือนจะเล่นจ๊ะเอ๋ แล้วโผล่ออกมาดูว่าผู้ชายแก่ ๆ คนนั้นหายไปหรือยัง

ผู้ชายแก่ ๆ คนนั้นก็ยังไม่พูดอะไร แต่ยืนหลับตา แล้วปากก็ขมุบขมิบ มือก็กำข้าวสารที่หยิบจากในถุงผ้าออกมาแล้วเป่าเพี้ยงดัง ๆ 1 ที
พร้อมทั้งปาข้าวสารขึ้นไปใส่ยายบนบ้าน (บ้านไม่ได้สูงมากนะคะ แต่ถ้าจะขึ้นบ้าน ยังไงก็ต้องเอาบันไดที่ยายเก็บหย่อนลงมาอยู่ดี)

ยายร้องโอ๊ย ดัง ๆ แล้วหันมาตาขวาง ตอนนี้ยายไม่ผลุบ ๆ โผล่ ๆ แล้วค่ะ แต่มายืนกางขาประจันหน้าอยู่ที่ประตูบ้านแทนแล้ว

ผู้ชายแก่ ๆ ก็ปาข้าวสารใส่เข้าไปอีก ทีนี้ปาไม่ยั้ง ปารัว ๆ แบบ Combo Set

ยายกรีดร้องดังกว่าเดิม ไม่รู้เพราะเจ็บปวด หรือโมโห แต่เสียงกรีดร้องน่ากลัวมาก ไม่เหมือนยายอายุ 70 ที่จะมีแรงส่งเสียงได้ดังขนาดนี้
ยายกรีดร้องอีกสักระยะ แล้วก็เอามือถกผ้าถุงขึ้นมาเหนือหัวเข่า แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น!!!

ยายกระโดดจากบนบ้านลงมาข้างล่างดัง ตุ๊บ... และวิ่งจ้ำผ่านฝูงชนออกไปทางทุ่งนา วิ่งเร็วมาก ขอบอกว่าเร็วมากกกกก

จังหวะที่ยายกระโดดลงมา ยังไม่มีใครได้ตั้งตัวหรือตั้งรับทันว่ายายจะกระโดด ทุกคนอยู่ในความตะลึง รวมถึงเราด้วย
พอยายกระโดดลงมาปุ๊บ ชาวบ้านก็แหวกตัวออกอัตโนมัติ ยายก็เงยหน้าขึ้นมาแล้ววิ่งต่อเหมือนไม่เจ็บอะไรเลย
(ท่าสวยด้วยนะตอนลงมา ^^)

คราวนี้ชาวบ้านก็วิ่งตามยายไปทางทุ่งนา เด็กหนุ่ม ๆ หรือวัยรุ่นที่เป็นผู้ชายก็สปีดตัววิ่งนำหน้าไป ส่วนป้า ๆ หรืออย่างเราก็ยังยืนงงกันอยู่
ลังเลว่าจะตามไปหรือรอฟังข่าวทางนี้ดี มันทั้งน่าตื่นเต้น ทั้งกลัวผสมกันไป ตอนนั้นคิดว่าผีเข้ายายจันแน่ ๆ แล้วถ้าเราตามไป ผีมันเข้าเรา
จะทำไงหว่า?

แต่...เราก็ตามไปค่ะ ตอนนั้นพยายามมองหาญาติ ๆ หรือคนที่เรารู้จัก กะว่าจะจูงมือแล้ววิ่งไปทุ่งนาด้วยกัน แต่ไม่รู้จักใครเลย คือจริง ๆ ชาวบ้าน
เขารู้จักกันหมดแหละค่ะ แต่เรานาน ๆ ทีมา ก็จำไม่ได้ว่าใครเป็นใครบ้าง ลืมบอกว่า พ่อแม่เราออกไปตลาดที่อำเภอแต่เช้าเลยไม่ทันเหตุการณ์

เราก็วิ่งตามไปค่ะ เห็นเขาวิ่งไปทางไหนเราก็วิ่งตามไป นู้น...เห็นหลังชาวบ้านลิบ ๆ อยู่กลางทุ่งนาโน้น...

น่าแปลกนะคะที่ยายอายุขนาดนั้นจะกระโดดลงมาจากบ้านแล้วแข้งขาไม่เป็นอะไร แถมยังวิ่งต่อไปทุ่งนาได้อีกไม่มีเหน็ดเหนื่อย
เราวิ่งตามไปถึงสุดทางของท้องนา ข้าง ๆ ล้อมรอบเป็นดงไผ่ (ดงไผ่อีกแล้ว) ข้างดงไผ่เป็นคลอง ยายคงไปต่อไปไม่ได้เลยหยุดตรงนี้
แต่ยายอยู่ไหน...?

ชะเง้อมองเข้าไป ชาวบ้านล้อมรอบดงไผ่ มองลอดเข้าไปในดงไผ่ เห็นลูกตาแวบ ๆ อยู่ในนั้น ห๊ะ!!! ยายเข้าไปในดงไผ่... เข้าไปได้ยังไง...

นึกภาพออกไหมคะ ว่าดงไผ่ป่าไผ่มีแต่ต้นไผ่สูง ๆ เบียด ๆ กัน แล้วก็มีความคมของกิ่งก้านมันด้วย แต่ตอนนี้ยายเข้าไปหลบอยู่ในนั้นค่ะ
ลุงผู้ชายที่มาพร้อมเด็กหนุ่มวิ่งมาถึงไล่เลี่ยกับเราก็บอกว่า "ยิ้ม เหนื่อยหรือยัง ก รู เหนื่อยแล้วนะ..." 555 เราอดขำไม่ได้อะ
คือจะมาปราบเขาแต่ตัวเองก็แก่แล้วเหมือนกันอะเนอะ เราขำในใจนะ ไม่ได้ส่งเสียงออกมาเพราะสถานการณ์ตอนนั้นซีเรียสมาก

ยายก็ตะโกนออกมาว่า "เออ ก รู ก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน พวก ยิ้ม ตาม ก รู ไม่เลิกเลย... ก รู ไม่อยู่แล้ว..." แล้วยายก็หลับตา หลับอยู่อย่างนั้น
สัก 5 วินาทีได้ ก็ลืมตาแล้วร้อง "โอ๊ย ๆ เจ็บ ๆ กรูเข้ามาอยู่ในนี้ได้ไง เอากรูออกไปที โอ๊ยยย..." ชาวบ้านก็ช่วยกันแหวกไผ่เอายายออกมา
พอยายออกมาได้ก็ถามว่าเข้าไปได้อย่างไร ยายก็บอกไม่รู้ จำไม่ได้ ตอนนี้เจ็บเหลือเกิน ตามตัวยายมีรอยขีดข่วนของกิ่งไผ่ น่าสงสารมากค่ะ
ชาวบ้านที่แข็งแรงหน่อยก็อุ้มยายแล้วพากันเดินลัดเลาะนากลับมาบ้าน

เพื่อน ๆ คะ ถ้าใครเคยเดินไปที่ท้องนา มันจะมีเถียงนาที่เล็กมาก ๆ เดินก็เดินลำบากแล้ว แต่นี่ยายอายุขนาดนี้แล้ววิ่งเร็ว ๆ มายังเถียงนา
แล้วมุดเข้าดงไผ่ได้อีก นี่คือยอดคนจริง ๆ แต่สลับกันตอนนี้ ยายไม่มีทีท่าว่าจะเดินกลับเองได้ แถมยังอ่อนแรง พูดเสียงแหบและเบา
ตามตัวมีรอยแผล เท้ามีแต่ดินและรอยถลอก ชาวบ้านก็สลับกันอุ้มยายไปจนถึงบ้าน...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่