สวัสดีอีกครั้ง ชาวพันทิพ จากครั้งที่แล้วเรามาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับงานที่ทำได้ประมาณ 2 เดือน แต่เราก้ได้ลบบทความนั้นทิ้งเนื่องจากมันระบุเกินไป แต่วันนี้จะมาเล่าให้ฟังใหม่ เริ่ม...
เราเรียนอายุ 26 ปี เรียนจบเทคโนโลยีสารสนเทศมา ทำงานมาแล้ว 2 ที่ ที่แรกเป็นสายราชการ ทำงานตรงสายที่เรียนมา ทำมา 3 ปี เงินเดือน 15000 บาท มีโอที ประมาณ 3000-4000 บาท/เดือน ไม่ค่อยได้อยากออกจากที่ทำงานเก่าสักเท่าไรแต่ด้วยความจำเป็นทางกฎหมายของที่ทำงานเลยต้องออก ที่ที่2 สอบได้พอดี เงินเดือน 19500 บาท มีประเมินเงินเดือนขึ้น พ่อแม่ลูกสามีเบิกค่ารักษาพยาบาลได้บางส่วน สัญญาปีต่อปี แนวราชการเหมือนกัน แต่ไม่ตรงสายกับที่เรียนมา งานเป็นงานเอกสารทั้งหมด วันแรกที่รู้ว่าตัวเองสอบได้ดีใจมาก พ่อแม่ก็ดีใจ เราคิดว่างานที่นี่ดีมั่นคง แต่พอมาเจอจริงๆความคิดเปลี่ยนไปทันที เรามาเจองานที่เราทำแล้วไม่สนุก ไม่เป็นตัวของตัวเอง เรารู้สึกว่าไม่ได้พัฒนา (อันที่จริงปกติเราก็ไม่ได้พัฒนาอะไรมากหรอก) มาทำงานเหมือนมาแค่นั่งรอให้เขาสั่งงาน(บางทีเราก็ถามนะว่ามีอะไรให้ช่วยไหม)ว่าจะให้ทำอะไร และการทำนั้นเราจะต้องทำด้วยวิธีของเขาเท่านั้น บางอย่างเราโอเคยอมรับได้ แต่บางอย่างเราคิดว่าวิธีของเราง่ายไม่ยุ่งยากและเร็วกว่าด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้เธอต้องทำแบบนี้ๆ เท่านั้น เราต้องมาทำงานร่วมกับมนุษย์ป้าที่เรารู้สึกว่าเราทำอะไรก็ไม่เคยดีไปซะทุกอย่าง เช่น
- เราใช่ทางลัดบนคีร์บอร์ด เช่น Ctrl+z , Ctrl+s , Ctrl+p , Alt+Enter บลาๆๆๆ เราก็โดนด่าว่าอย่ามาคอนโทนนู้นนี่นั่น มันจะทำให้งานเสีย เราแบบ ... เงิบ!!
- เวลาเขาสั่งงานเราแล้วเขาก็ลืมว่าสั่งอะไร พอมาดูก็ว่า ว่าทำไมไม่ทำอย่างนู้น อย่างนี้ พี่บอกอ่ะไม่ฟังหรอ เราก็บอกก็พี่สั่งให้หนูทำแบบนี้ เขาก็หาว่าเราเถียง
- เราทำงานเราพยามทำให้มันผิดพลาดน้อยที่สุด ตั้งแต่ทำงานมา 2 เดือนเรารู้สึกว่าเราแทบจะไม่ได้ทำงานผิดเลย อันนี้ไม่ได้เข้าข้างตัวเอง มีผิดก็จะมีแบบพิมพ์ตก (แค่ครั้งเดียว) พอเขาเห็นเขาก็ว่า เราก็จะพูดว่าขอโทษค่ะ เขาก็ว่าๆๆๆ ไม่ตั้งใจบ้างล่ะ ไม่ใส่ใจงานบ้างล่ะ พอเราตอบว่า ค่ะ ขอโทษค่ะ และค่ะตามหลังจากที่เขาพูดเราก็โดนว่าอีก อย่ามาค่ะๆ กับพี่แบบนี้ ค่ะก็ให้สำนึกว่าเราทำผิด แต่ที่เรารู้สึกไม่โอเคมากคือเราก็รู้ตัวว่าเราทำผิด แต่งานก็อยู่ระหว่างทำพิมพ์อยู่ใน Word ยังไม่เสร็จ ยังไม่ได้ปริ้น ยังไม่เกิดความเสียหายอะไร และที่เราขอโทษเราก็ขอโทษด้วยความจริงใจแล้ว แต่ก็เหมือนเขาไม่ฟังอะไรเลย
- วันนึงหัวหน้าฝ่ายให้เราไปช่วยงานในวันหยุดเราก็ไป เงินค่าล่วงเวลาก็ไม่ได้ แล้วในงานจะมีซุ้มเพื่อให้บริการ ช่วงเช้าก็จะมีผู้ใหญ่มาถ่ายรูปหน้าซุ้ม มนุษย์คนนี้บอกให้เราเอาเก้าอี้ออกไปไว้หลังซุ้ม เราก้เอาไปไว้ ไว้แบบถ่ายรูปแล้วคือจะมองไม่เห็นเก้าอี้ติดไปแน่ๆ พอเขามาเห็น เขาก็ถามว่าทำไมเอาไปไว้ลึกแบบนั้นเดี่ยวคนก็หยิบไปหรอก ทั้งที่เราก็ยืนอยู่ข้างๆเก้าอี้ เขาบอกเอามาไว้ตรงนี้ ตรงนี้ของเขาคือไม่ใช่หลังซุ้มอย่างที่เขาบอกตอนแรก เราก็บอกเขาว่าก็ถ้าไว้ตรงนั้นเก้าอี้มันก็จะติดเข้าไปในเฟรม รูปมันจะไม่สวย นางสวนกลับทันทีว่านี่จริงจังนะ ไม่ได้เล่น ทำงานต้องจริงจัง อย่ามาพูดเล่นแบบนี้ไม่ได้นะจำเอาไว้ เราก็ งง นี่เราพูดเล่นตรงไหน
- เวลาเขาให้เราทำงานเขาจะให้เราทบทวนตรวจสอบอีกครั้งเสมอ เราก็จะทำแบบนี้เสมอเมื่อทำเสร็จ เพราะเขาจะบอกเสมอว่าให้ตรวจสอบความถูกต้อง พอเราบอกว่าเสร็จแล้ว เขาก้จะถามว่าตรวจสอบหรือยัง เราก็จะตอบว่าเรียบร้อยค่ะ เขาถามย้ำเราก้บอกตรวจแล้วค่ะแต่เราพูดด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม เขาก็หาว่าเราพูดเล่น มาพูดแบบนี้ไม่ได้ จำเอาไว้จะมาพูดแบบนี้กับผู้ใหญ่ไม่ได้ เราจำประดยคที่พูดไม่ได้และ แต่เราจำได้ว่าเราไม่ได้พูดเล่นหรือไม่ดีอะไร แต่เขาคงเห็นสีหน้าที่ยิ้มของเราแล้วหาว่าเราพุดเล่นมั้ง
- ใช้เรายกของหนักแบบหนักมากคือต้องใช้ 2 คนยก ยกคนเดียวไม่ไหว เราต้องบอกก่อนว่าเรามีปัยหาที่ร่างกายนิดหน่อยยกของหนักมากไม่ได้ แล้วเขามาใช้ให้เรายอกลังหนังสือที่หนักมาก เราก็ทำนะ แล้วเรารู้สึกเจ็บๆ แสบๆตรงหน้าอก เราก็บอกพี่อีกคนว่าเจ้บหน้าอกเลย นางได้ยินนางบอกว่า จะเอามาเป็นข้ออ้างที่จะไม่ทำไม่ได้ เขาก็มีปัญหาแต่เขาก็ต้องทำ (เราก็คิดในใจว่าแล้วเราไม่ทำตรงไหน) เขาบอกถ้าทำไม่ได้ก็คงต้องพิจารณากันใหม่(คือจะประเมินไม่ผ่านนั่นแหละ)
- เราทานข้าวในช่วงเวลา 7 โมงกว่าๆ แต่ดันเลยไป8 โมง นิดๆ เกินปประมาณ 5 นาที เขาก็พุดขึ้นมาว่า อ่ะ 8 โมงแล้วไม่รู้เหรอว่าเขาทำงานกันแล้ว เราก็รู้ว่าเราผิด จากวันนั้นเราก็ไม่ทานข้าวเช้าอีกเลย แต่ที่ติดอยู่ในใจคือตรงเวลากับเรา แต่เวลาพักเราเขาก็มักจะใช้งานอยู่บ่อยๆ ทำไมเขาไม่คิดบ้าง ที่เรากินข้าวเกินไปแค่ 5 นาทีก็ว่าเราแล้ว และบางทีตัวเองก็เอาเวลางานไปหาหมอบ้าง ไปหาญาติบ้าง แต่ทำไมทำได้
- ดินสอที่เราใช้มันก็เขียนได้ปกติ แต่แค่มันไม่แหลมเราก็โดนด่าแล้ว
บลาๆๆๆๆๆๆๆๆ เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทุกๆวัน หลายเรื่องต่างกันไป และที่สำคัญไปกว่านั้นเขาไม่ยอมรับผิดใดๆทั้งสิ้น เขาจะพูดๆ เพื่อเอาชนะ อย่างงานเขาให้เราทำตอนแรกกเขาก็ทำให้ดูก่อน แล้วบอกเราว่า อ่ะทำแบบนี้ copy ไปทำอันอื่นต่อ เราก็ทำตามที่เขาบอก ต่อมาเขามาดู เราก็โดนด่าอีกแล้ว เอาอันนี้มาทำไม พี่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่างนู้นอย่างนี้ เราก็บอกก็พี่เป็นคนทำให้ เขาก็เถียง เราก็เงียบเพราะเถียงไปก็เท่านั้น แล้วเขาก็มาแก้งานนั้นด้วยตัวเอง และบอกเหมือนเดิมว่าทำแบบนี้ เอาไปทำกับอันอื่นต่อ เราก็ทำแบบเดิมทำตามที่เขาบอก จนมาหลายวันต่อมาเขามาดู เขาก็ว่าเราอีกว่าพี่บอกให้เอาอันนี้ออก มันมาได้ยังไงมันมีเหรอ ต่างๆนานา เราก็พูดเหมือนเดิมว่าก้พี่เป็นคนแก้ พี่ไม่เอาออก แล้วบอกให้หนูทำตามที่พี่แก้ เขาก็ว่าเราว่าเราไม่ใส่ใจงาน รั้น ไม่ฟังตามที่เขาบอก คือเขาไม่ได้บอกให้เราเอาส่วนนั้นออก มีแต่ให้ทำตามที่เขาแก้ เราก็เห้ออะไรกันนี่ นี่เราทำอะไรก็ผิดไปหมดเลยหรอ หรือแค่เราทำไม่ถูกใจเขา เรื่องต่างๆที่เราเขียน มันเป็นแค่ส่วนหนึ่ง มันยังมีอีกมากมาย คิดเอาแล้วกันว่า เราที่พึ่งมาทำงานใหม่แล้วอยู่ในช่วงทดลองงาน เราก็ต้องตั้งใจทำงานอยู่แล้วถึงเราจะไม่ชอบก็ตามแต่มันคือหน้าที่ที่เราต้องรับผิดชอบ แต่มาเจอแบบนี้ทุกๆวัน เราก็ไม่โอเคนะ เดิมตอนเรียนมหาวิทยาลัยเราเคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามาแล้ว เราได้รับการรักษา เราคิดว่าอาการก็ดี 100% แหละ เพราะเราหัดมองโลกในแง่บวก ทำตามที่หมอแนะนำ และเรามาเจอเหตุการณ์แบบนี้ทุกวัน เราก็ปรึกษาครอบครัว แต่พวกเขากลับบอกว่าทำงานที่ไหนก้เหมือนกันมีแบบนี้เหมือนกัน บอกเราว่าเราไม่มีความอดทน ซึ่งคำตอบที่เราได้มันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นมาเลย พวกเขาไม่สนใจว่าเราพอเจออะไร แต่ให้เราต้องแบกรับความหวังของครอบครัวไว้อย่างนั้น เรารู้สึกไม่มีค่าไม่มีความสำคัญ เบื่อ ทุกวันที่เลิกงานเรากลับบ้านไปเราก็อยู่แต่ในห้อง ไม่ค่อยออกมาเจอผู้ใคร เราคิดว่าเราอยากตายในทุกๆวันที่ตื่นนอน เราไม่อยากใช้ชีวิต เรารู้สึกว่ามันน่าเบื่อ มันไม่มีอะไรตื่นเต้นเลย มาทำงานก็ต้องมาเจออะไรแบบนี้หรือเราไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ มันเป็นคำถามที่ถามตัวเองทุกวัน มันบั่นทอนมากจริงๆ เราอยากลาออกจากที่ทำงานแต่ก้ไม่รู้จะไปทำอะไร ไม่รู้ว่าถ้าไปทำงานที่ใหม่เรายังจะเจออะไรแบบนี้อีกไหม ด้วยภาระหน้าที่ คนข้างหลัง และหลายๆอย่างทำให้เราคิดมาก คิดทุกวัน คิดจนรู้สึกว่าเรากำลังป่วยอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันหนักขึ้นตรงที่เราเริ่มคิดหาวิธีตาย หลายคนมักบอกว่าเราโชคดีกว่าคนอื่นมาก แต่เรากลับไม่คิดแบบนั้นเพราะคนเรามันไม่เหมือนกัน ทั้งความคิด และจิตใจ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ขอบคุณคนที่เข้าใจเรา และไม่เข้าใจเรา
ปล.เราไม่เคยคิดเข้าข้างตัวเอง เราคิดเสอมว่าไม่มีใครได้ดั่งใจเราไปซะหมดหรอก แต่สิ่งที่เราเจอมันมากเกินกว่าความรู้สึกของเราจะรับไหว คุณต้องได้เจอกับตัวค่ะคุณถึงจะเข้าใจมัน และทุกครั้งที่เราพบเจอปัญหาต่างๆ เราก็มักจะยิ้มใส่เก็บมันไว้ในใจ แล้วตอนนี้มันจุกอกมาก
เมื่องานใหม่กำลังทำให้ฉันป่วยอีกครั้ง ภาค 2
เราเรียนอายุ 26 ปี เรียนจบเทคโนโลยีสารสนเทศมา ทำงานมาแล้ว 2 ที่ ที่แรกเป็นสายราชการ ทำงานตรงสายที่เรียนมา ทำมา 3 ปี เงินเดือน 15000 บาท มีโอที ประมาณ 3000-4000 บาท/เดือน ไม่ค่อยได้อยากออกจากที่ทำงานเก่าสักเท่าไรแต่ด้วยความจำเป็นทางกฎหมายของที่ทำงานเลยต้องออก ที่ที่2 สอบได้พอดี เงินเดือน 19500 บาท มีประเมินเงินเดือนขึ้น พ่อแม่ลูกสามีเบิกค่ารักษาพยาบาลได้บางส่วน สัญญาปีต่อปี แนวราชการเหมือนกัน แต่ไม่ตรงสายกับที่เรียนมา งานเป็นงานเอกสารทั้งหมด วันแรกที่รู้ว่าตัวเองสอบได้ดีใจมาก พ่อแม่ก็ดีใจ เราคิดว่างานที่นี่ดีมั่นคง แต่พอมาเจอจริงๆความคิดเปลี่ยนไปทันที เรามาเจองานที่เราทำแล้วไม่สนุก ไม่เป็นตัวของตัวเอง เรารู้สึกว่าไม่ได้พัฒนา (อันที่จริงปกติเราก็ไม่ได้พัฒนาอะไรมากหรอก) มาทำงานเหมือนมาแค่นั่งรอให้เขาสั่งงาน(บางทีเราก็ถามนะว่ามีอะไรให้ช่วยไหม)ว่าจะให้ทำอะไร และการทำนั้นเราจะต้องทำด้วยวิธีของเขาเท่านั้น บางอย่างเราโอเคยอมรับได้ แต่บางอย่างเราคิดว่าวิธีของเราง่ายไม่ยุ่งยากและเร็วกว่าด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้เธอต้องทำแบบนี้ๆ เท่านั้น เราต้องมาทำงานร่วมกับมนุษย์ป้าที่เรารู้สึกว่าเราทำอะไรก็ไม่เคยดีไปซะทุกอย่าง เช่น
- เราใช่ทางลัดบนคีร์บอร์ด เช่น Ctrl+z , Ctrl+s , Ctrl+p , Alt+Enter บลาๆๆๆ เราก็โดนด่าว่าอย่ามาคอนโทนนู้นนี่นั่น มันจะทำให้งานเสีย เราแบบ ... เงิบ!!
- เวลาเขาสั่งงานเราแล้วเขาก็ลืมว่าสั่งอะไร พอมาดูก็ว่า ว่าทำไมไม่ทำอย่างนู้น อย่างนี้ พี่บอกอ่ะไม่ฟังหรอ เราก็บอกก็พี่สั่งให้หนูทำแบบนี้ เขาก็หาว่าเราเถียง
- เราทำงานเราพยามทำให้มันผิดพลาดน้อยที่สุด ตั้งแต่ทำงานมา 2 เดือนเรารู้สึกว่าเราแทบจะไม่ได้ทำงานผิดเลย อันนี้ไม่ได้เข้าข้างตัวเอง มีผิดก็จะมีแบบพิมพ์ตก (แค่ครั้งเดียว) พอเขาเห็นเขาก็ว่า เราก็จะพูดว่าขอโทษค่ะ เขาก็ว่าๆๆๆ ไม่ตั้งใจบ้างล่ะ ไม่ใส่ใจงานบ้างล่ะ พอเราตอบว่า ค่ะ ขอโทษค่ะ และค่ะตามหลังจากที่เขาพูดเราก็โดนว่าอีก อย่ามาค่ะๆ กับพี่แบบนี้ ค่ะก็ให้สำนึกว่าเราทำผิด แต่ที่เรารู้สึกไม่โอเคมากคือเราก็รู้ตัวว่าเราทำผิด แต่งานก็อยู่ระหว่างทำพิมพ์อยู่ใน Word ยังไม่เสร็จ ยังไม่ได้ปริ้น ยังไม่เกิดความเสียหายอะไร และที่เราขอโทษเราก็ขอโทษด้วยความจริงใจแล้ว แต่ก็เหมือนเขาไม่ฟังอะไรเลย
- วันนึงหัวหน้าฝ่ายให้เราไปช่วยงานในวันหยุดเราก็ไป เงินค่าล่วงเวลาก็ไม่ได้ แล้วในงานจะมีซุ้มเพื่อให้บริการ ช่วงเช้าก็จะมีผู้ใหญ่มาถ่ายรูปหน้าซุ้ม มนุษย์คนนี้บอกให้เราเอาเก้าอี้ออกไปไว้หลังซุ้ม เราก้เอาไปไว้ ไว้แบบถ่ายรูปแล้วคือจะมองไม่เห็นเก้าอี้ติดไปแน่ๆ พอเขามาเห็น เขาก็ถามว่าทำไมเอาไปไว้ลึกแบบนั้นเดี่ยวคนก็หยิบไปหรอก ทั้งที่เราก็ยืนอยู่ข้างๆเก้าอี้ เขาบอกเอามาไว้ตรงนี้ ตรงนี้ของเขาคือไม่ใช่หลังซุ้มอย่างที่เขาบอกตอนแรก เราก็บอกเขาว่าก็ถ้าไว้ตรงนั้นเก้าอี้มันก็จะติดเข้าไปในเฟรม รูปมันจะไม่สวย นางสวนกลับทันทีว่านี่จริงจังนะ ไม่ได้เล่น ทำงานต้องจริงจัง อย่ามาพูดเล่นแบบนี้ไม่ได้นะจำเอาไว้ เราก็ งง นี่เราพูดเล่นตรงไหน
- เวลาเขาให้เราทำงานเขาจะให้เราทบทวนตรวจสอบอีกครั้งเสมอ เราก็จะทำแบบนี้เสมอเมื่อทำเสร็จ เพราะเขาจะบอกเสมอว่าให้ตรวจสอบความถูกต้อง พอเราบอกว่าเสร็จแล้ว เขาก้จะถามว่าตรวจสอบหรือยัง เราก็จะตอบว่าเรียบร้อยค่ะ เขาถามย้ำเราก้บอกตรวจแล้วค่ะแต่เราพูดด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม เขาก็หาว่าเราพูดเล่น มาพูดแบบนี้ไม่ได้ จำเอาไว้จะมาพูดแบบนี้กับผู้ใหญ่ไม่ได้ เราจำประดยคที่พูดไม่ได้และ แต่เราจำได้ว่าเราไม่ได้พูดเล่นหรือไม่ดีอะไร แต่เขาคงเห็นสีหน้าที่ยิ้มของเราแล้วหาว่าเราพุดเล่นมั้ง
- ใช้เรายกของหนักแบบหนักมากคือต้องใช้ 2 คนยก ยกคนเดียวไม่ไหว เราต้องบอกก่อนว่าเรามีปัยหาที่ร่างกายนิดหน่อยยกของหนักมากไม่ได้ แล้วเขามาใช้ให้เรายอกลังหนังสือที่หนักมาก เราก็ทำนะ แล้วเรารู้สึกเจ็บๆ แสบๆตรงหน้าอก เราก็บอกพี่อีกคนว่าเจ้บหน้าอกเลย นางได้ยินนางบอกว่า จะเอามาเป็นข้ออ้างที่จะไม่ทำไม่ได้ เขาก็มีปัญหาแต่เขาก็ต้องทำ (เราก็คิดในใจว่าแล้วเราไม่ทำตรงไหน) เขาบอกถ้าทำไม่ได้ก็คงต้องพิจารณากันใหม่(คือจะประเมินไม่ผ่านนั่นแหละ)
- เราทานข้าวในช่วงเวลา 7 โมงกว่าๆ แต่ดันเลยไป8 โมง นิดๆ เกินปประมาณ 5 นาที เขาก็พุดขึ้นมาว่า อ่ะ 8 โมงแล้วไม่รู้เหรอว่าเขาทำงานกันแล้ว เราก็รู้ว่าเราผิด จากวันนั้นเราก็ไม่ทานข้าวเช้าอีกเลย แต่ที่ติดอยู่ในใจคือตรงเวลากับเรา แต่เวลาพักเราเขาก็มักจะใช้งานอยู่บ่อยๆ ทำไมเขาไม่คิดบ้าง ที่เรากินข้าวเกินไปแค่ 5 นาทีก็ว่าเราแล้ว และบางทีตัวเองก็เอาเวลางานไปหาหมอบ้าง ไปหาญาติบ้าง แต่ทำไมทำได้
- ดินสอที่เราใช้มันก็เขียนได้ปกติ แต่แค่มันไม่แหลมเราก็โดนด่าแล้ว
บลาๆๆๆๆๆๆๆๆ เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทุกๆวัน หลายเรื่องต่างกันไป และที่สำคัญไปกว่านั้นเขาไม่ยอมรับผิดใดๆทั้งสิ้น เขาจะพูดๆ เพื่อเอาชนะ อย่างงานเขาให้เราทำตอนแรกกเขาก็ทำให้ดูก่อน แล้วบอกเราว่า อ่ะทำแบบนี้ copy ไปทำอันอื่นต่อ เราก็ทำตามที่เขาบอก ต่อมาเขามาดู เราก็โดนด่าอีกแล้ว เอาอันนี้มาทำไม พี่บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่างนู้นอย่างนี้ เราก็บอกก็พี่เป็นคนทำให้ เขาก็เถียง เราก็เงียบเพราะเถียงไปก็เท่านั้น แล้วเขาก็มาแก้งานนั้นด้วยตัวเอง และบอกเหมือนเดิมว่าทำแบบนี้ เอาไปทำกับอันอื่นต่อ เราก็ทำแบบเดิมทำตามที่เขาบอก จนมาหลายวันต่อมาเขามาดู เขาก็ว่าเราอีกว่าพี่บอกให้เอาอันนี้ออก มันมาได้ยังไงมันมีเหรอ ต่างๆนานา เราก็พูดเหมือนเดิมว่าก้พี่เป็นคนแก้ พี่ไม่เอาออก แล้วบอกให้หนูทำตามที่พี่แก้ เขาก็ว่าเราว่าเราไม่ใส่ใจงาน รั้น ไม่ฟังตามที่เขาบอก คือเขาไม่ได้บอกให้เราเอาส่วนนั้นออก มีแต่ให้ทำตามที่เขาแก้ เราก็เห้ออะไรกันนี่ นี่เราทำอะไรก็ผิดไปหมดเลยหรอ หรือแค่เราทำไม่ถูกใจเขา เรื่องต่างๆที่เราเขียน มันเป็นแค่ส่วนหนึ่ง มันยังมีอีกมากมาย คิดเอาแล้วกันว่า เราที่พึ่งมาทำงานใหม่แล้วอยู่ในช่วงทดลองงาน เราก็ต้องตั้งใจทำงานอยู่แล้วถึงเราจะไม่ชอบก็ตามแต่มันคือหน้าที่ที่เราต้องรับผิดชอบ แต่มาเจอแบบนี้ทุกๆวัน เราก็ไม่โอเคนะ เดิมตอนเรียนมหาวิทยาลัยเราเคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามาแล้ว เราได้รับการรักษา เราคิดว่าอาการก็ดี 100% แหละ เพราะเราหัดมองโลกในแง่บวก ทำตามที่หมอแนะนำ และเรามาเจอเหตุการณ์แบบนี้ทุกวัน เราก็ปรึกษาครอบครัว แต่พวกเขากลับบอกว่าทำงานที่ไหนก้เหมือนกันมีแบบนี้เหมือนกัน บอกเราว่าเราไม่มีความอดทน ซึ่งคำตอบที่เราได้มันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นมาเลย พวกเขาไม่สนใจว่าเราพอเจออะไร แต่ให้เราต้องแบกรับความหวังของครอบครัวไว้อย่างนั้น เรารู้สึกไม่มีค่าไม่มีความสำคัญ เบื่อ ทุกวันที่เลิกงานเรากลับบ้านไปเราก็อยู่แต่ในห้อง ไม่ค่อยออกมาเจอผู้ใคร เราคิดว่าเราอยากตายในทุกๆวันที่ตื่นนอน เราไม่อยากใช้ชีวิต เรารู้สึกว่ามันน่าเบื่อ มันไม่มีอะไรตื่นเต้นเลย มาทำงานก็ต้องมาเจออะไรแบบนี้หรือเราไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ มันเป็นคำถามที่ถามตัวเองทุกวัน มันบั่นทอนมากจริงๆ เราอยากลาออกจากที่ทำงานแต่ก้ไม่รู้จะไปทำอะไร ไม่รู้ว่าถ้าไปทำงานที่ใหม่เรายังจะเจออะไรแบบนี้อีกไหม ด้วยภาระหน้าที่ คนข้างหลัง และหลายๆอย่างทำให้เราคิดมาก คิดทุกวัน คิดจนรู้สึกว่าเรากำลังป่วยอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันหนักขึ้นตรงที่เราเริ่มคิดหาวิธีตาย หลายคนมักบอกว่าเราโชคดีกว่าคนอื่นมาก แต่เรากลับไม่คิดแบบนั้นเพราะคนเรามันไม่เหมือนกัน ทั้งความคิด และจิตใจ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ขอบคุณคนที่เข้าใจเรา และไม่เข้าใจเรา
ปล.เราไม่เคยคิดเข้าข้างตัวเอง เราคิดเสอมว่าไม่มีใครได้ดั่งใจเราไปซะหมดหรอก แต่สิ่งที่เราเจอมันมากเกินกว่าความรู้สึกของเราจะรับไหว คุณต้องได้เจอกับตัวค่ะคุณถึงจะเข้าใจมัน และทุกครั้งที่เราพบเจอปัญหาต่างๆ เราก็มักจะยิ้มใส่เก็บมันไว้ในใจ แล้วตอนนี้มันจุกอกมาก