ลบหลู่ศาลเตี้ย

บรรทัดฐานของในโรงเรียนก็คือบรรทัดฐานสังคมในอนาคต ที่ผมพูดแบบนี้คงไม่ผิดหรอก เพราะในโรงเรียนก็คือสังคมจำลองเล็กๆสังคมหนึ่ง ก่อนที่เด็กจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ถ้าตอนเด็กๆคุณโกงข้อสอบประจำ แล้วถ้าโตมาเป็นนักการเมืองมีหรือจะไม่โกง

ตอนสมัยเรียน ผมไม่ชอบพวกศาลเตี้ยมีปมที่เที่ยวรังแกคนอื่นไปเรื่อย ไม่ชอบเพื่อนที่เอารัดเอาเปรียบ ไม่ชอบการต่อว่านินทาลับหลังของพวกผู้หญิง ไม่ชอบคุณครูบางคนที่ชอบดูถูกนักเรียน ไม่ชอบเห็นใครถูกรังแก  และที่สำคัญผมไม่ชอบให้ใครมารังแกผม
  
     ในวิชาศิลปะเป็นวิชาที่หลายคนชอบและหลายคนไม่ก็ไม่ชอบด้วยเช่นกัน ทุกอย่างล้วนมีสองแง่ทั้งนั้น ชั่วโมงนี้ครูพัดปล่อยให้พวกเราลงมาวาดรูปในบริเวณโรงเรียน ผมส่วนเริ่มที่มุมสวยๆข้างสนามฟุตบอลหลังโรงเรียน หญ้าสีเขียวๆที่แสงแดดตกกระทบในยามบ่ายนับว่าสวยเลยทีเดียว ผมนั่งบนอัฒจันทร์ แน่นอนว่าไม่ได้มีผมคนเดียวที่คิดแบบนี้

ยังมีพวกนักเรียนภายในห้องที่ผมอยู่ ผมเรียกพวกนี้ว่า"ศาลเตี้ย"นับสิบคน ผู้ชายเกือบทั้งหมดส่วนใหญ่ในห้องก็อยู่ในกลุ่มนั้นเสียแล้ว ไอ้พวกนี้ชอบใช้กำลังที่เหนือกว่าคนอื่น เที่ยวระรานชาวบ้านไปทั่ว ซึ่งที่ทันทีเห็นหน้าพวกนั้นก็หมดอารมณ์ศิลป์แล้ว โดยเฉพาะหัวโจกสามคนในกลุ่ม ไอ้สามนี้แต่ละคนก็สูงเกือบ180ตัวใหญ่แต่สมองกลับน้อย เจ้าพวกศาลเตี้ยทั้งหลายพากันเดินย้ำหญ้า ด้วยหน้าตาเหี้ยมเกรียมแบบพวกนักเลงในหนัง

พวกนั้นเดินขึ้นเดินมาพร้อมด้วยเสียงเฮฮา แบบไม่เกรงใจผมที่นั่งหลบมุมที่ริมสุดอย่างเงียบๆอยู่คนเดียว พวกนั้นอยู่ห่างจากผมไม่มากนัก เหตุการณ์ก็คงจะเป็นปกติต่อไปถ้าไม่มี หนึ่งในหนึ่งสามขาใหญ่ ขอเรียกศาลเตี๊ยแล้วกัน ไอ้ศาลเตี๊ยเดินยิ้มยี้ยวนสาวเท้าเข้ามาหาผม ผมยิ้มตอบ ก้มวาดรูปต่อไปและกว่าจะรู้ตัวผ่ามือมันก็มากระทบเข้าที่กลางกบาลแรงเสียแล้ว  ดินสอที่กำลังวาดหลุดร่วงจากมือเสียแล้ว หัวทิ่มเกือบตกอัฒจันทร์ ผมรู้สึกชาหัวไปหมด  ผมค่อยเงยหน้าขึ้นศาลเตี้ยของโรงเรียนแบบช้าๆ ไม่ได้จะทำเท่หรอก กลัวมันจะตบซ้ำเอาต่างหาก
“มองไร เด็กใหม่”  ไอ้ศาลเตี้ยนั้นตะคอกใส่ผม
"เปล่าๆ"  ผมยิ้มตอบแต่ผมจ้องหน้ามัน
"ดีแล้ว ต้อนรับเพื่อนใหม่"  โรงเรียนเมิงต้อนรับเพื่อนใหม่ด้วยการตบกบาลเพื่อนเนี่ยนะ กรูจะจำไว้จนตายเลย
“มองไรเมิง ห๊ะๆ”  
ป๊าบ เสียงฝ่ามือกระทบหัวผมอีกรอบ ไม่ต้องเบิ้ลก็ได้ กรูรู้แล้ว วานอย่าสร้างรอยช้ำ ซ้ำเป็นรอยสองบนหัวกรู
"แหะๆ ต้อนรับเพื่อนใหม่ เออดีๆ" ผมพูด เมิงๆเดี่ยวกรูฟ้องครูแม่ ง

ผมทำใจให้สงบก้มหยิบดินสอที่ตก เก็บของก่อนจะค่อยเดินลงจากอัฒจันทร์ช้าๆ ไอ้ศาลเตี้ยแหกปากและเดินตามผมมา พร้อมสายตาทุกคู่จากกลุ่มของเพื่อนมันมองมาที่เราสองคน ผมควรเดินกลับห้องเรียนดีกว่าต้องมายุ่งกับเจ้าพวกนี้ ที่ขอบข้างสนามผมต้องหยุดเดินเพราะหมอนั้นมายืนขวางอยู่ตรงหน้า และก็พูดเป็นอยู่คำเดียว
“มองไร หาๆๆ” มันทำหน้ายี้ยวนประสาท
“เพื่อนเล่นแค่นี้ด้วยไม่ไห้เหรอ หา ห๊า มองหน้ากรูไหม ” มันตะโกนน้ำลายฟูมปาก

ว่าแล้วมันผลักหน้าอกอย่างแรงและตะโกนใส่หน้าผม เหมือนเด็กอนุบาลกำลังจะตีกันอย่างไรอย่างนั้น เมื่อไม่มีทางให้ถอยแล้ว แถมตัวผมยังตัวหน้าอกมันอีก แต่ทุกคนย่อมต้องมีครั้งแรกชีวิต ผมไม่ได้ฟิวส์ขาด ผมไม่ได้โกรธ ผมปล่อยสมุดภาพที่ถืออยู่ในมือ แล้วในวินาทีนั้น หมัดขวาของผมก็พุ่งใส่หน้าหมอนั้นแบบเต็มๆ ทั้งมันทั้งผมล้มลงไปนอนกองกับพื้นสนามหญ้าตามแรงหมัดของผม ส่วนผมล้มไปทับมันเป็นแรงหมัดของผมเอง ผมรีบลุกขึ้นตามสัญชาตญาณ แต่มือไม้กลับหมดเรี่ยวแรง แวบเดียวใจก็อ่อนลงไม่จะทำไอ้หมอนี่เลย  ระหว่างผมกำลังยืนนิ่งอยู่ๆนั้น ไอ้หมอนั้นกำลังลุกขึ้นยืนด้วยอาการโกรธจัด พอมันตั้งสติได้ก็สาวหมัดขวาเหวี่ยงตรงมายังที่หน้าผม มือซ้ายของผมยกขึ้นมาปัดป้องได้ทันเวลา ผมเซถลาไปทันแรงหมัด แต่ยังตั้งหลักได้ มันสาวตามมาด้วยหมัดซ้าย คราวนี้ผมเห็นจึงก้มตัวหลบหมัด แล้วใช้มือทั้งสองผลักหน้าอกมันให้ถอยห่างออกไป
นี่หรือการต่อยตี เพราะผมได้แต่ยืนสั่นนิ่ง ร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง "ทำอะไรไม่ถูกแล้ว" ผมตะโกนในใจ ภาพสุดท้ายผมเห็นก็คือหมัดขวาตรงมายังใบหน้าของผม
"กรูบอกแล้ว อย่าไปลบหลู่ศาลเตี้ย" ผมพูดกับตัวเอง ก่อนที่ร่วงลงไปนอนกองกับพื้น
เพลงขี้น เจ็บแค้นเคืองโกรธ โทษฉันใยยย ฉ้านนนทำอะไรให้เธอเคืองโกรธ
จากนั้นไม่ต้องพูดถึงมันอีกครับ เจ็บตัวแถมเจ็บใจ และหลังจากนั้นผมก็เคยพยายามจะโค่นเจ้าพวกศาลเตี้ยอยู่หลายครั้ง แต่เสียดายที่ไม่มีเข็มขัดของมาสไรเดอร์ทั้งหลาย ก็เลยแปลงร่างไม่ได้ ใช้ไรเดอร์คิกก็แค่ฝัน ฉะนั้นก็โดนเหมือนเดิม 555
ปัญหาเล็กๆแค่เด็กนักเรียนตั้งพรรคพวกแล้วเที่ยวระรานเพื่อนในโรงเรียน  วันนี้เราอาจจะมองว่าเป็นแค่เรื่อง
ธรรมดา แต่อีกซักสิบปีหรือยี่สิบข้างหน้า เมื่อพวกศาลเตี้ยเรียนจบไป  ก็อาจไปตั้งศาลเตี้ยในสังคมก็เป็นได้.....
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่