ในสายตาของ ''เด็กผี'' ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงเรืองอำนาจแบบเต็มประดา
- แมนฯ ซิตี้ คือทีมลูกไล่ที่พยายามใช้เงินซื้อความสำเร็จ
- เชลซี คือทีมของมหาเศรษฐีที่ชอบเปลี่ยนผู้จัดการทีมบ่อยๆ ตามอารมณ์
- อาร์เซน่อล คือทีมที่คว้าอันดับ 4 ได้ก็ดีใจแล้ว
- ลิเวอร์พูล คือทีมที่จมอยู่กับอดีต แถมชอบคุยโม้โอ้อวดถึงความเกรียงไกรที่มันผ่านไปแล้ว
แต่ตอนนี้ดูเหมือนไอ้สิ่งที่เคยล้อเลียนและถากถางทีมอื่นเอาไว้อย่างสนุกสนานบนความครื้นเครง มันจะย้อนเข้าตัวเองหมดเลย 5555
นับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อำลาตำแหน่ง - แมนฯ ยูไนเต็ด ใช้เงินซื้อตัวผู้เล่นแบบบ้าคลั่งชนิดเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว พวกเขายอมแม้กระทั่งทำลายสถิติโลก เพื่อคว้าตัวผู้เล่นที่เคยเป็นสมบัติของตัวเองแท้ๆ
การทำตัวเป็นพ่องงงงบุญทุ่มแบบนี้ มันก็ไม่ต่างจากการใช้เงินซื้อความสำเร็จนั่นแหละ
"เฟอร์กี้" คุมทีมคนเดียวมานานเกือบ 27 ปี แต่ 3 ปีที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนผู้จัดการทีมเหมือนเปลี่ยนกางเกงในไปแล้วถึง 3 คน
นอกจากนี้ยังมีทีท่าว่าจะต้องเปลี่ยนผู้จัดการทีมต่อไปอีกเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอคนที่สวรรค์ส่งลงมานั่นแหละ
สำหรับสถานการณ์ในฤดูกาลนี้ เรียนตามตรงว่า หากได้อันดับที่ 4 ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด อนุญาตให้เฉลิมฉลองอย่างสุดเหวี่ยงได้เลย ผิดกับเมื่อก่อน ขนาดเข้าป้ายในตำแหน่ง "รองแชมป์" ยังถือว่าน่าผิดหวังอย่างรุนแรง ถ้าฤดูกาลไหนหล่นมาอันดับ 3 เรียกว่าล้มเหลวบรรลัย
แล้วในขณะที่ความตกต่ำมาเยือน มันก็อดไม่ได้เหมือนกันนะครับที่บรรดาผู้มิจิตศรัทธาในปีศาจแดงจะนึกถึงอดีตอันเกรียงไกรสมัยที่ตัวเองยังเป็นมหาอำนาจลูกหนังแห่งอังกฤษ พลางเอาแชมป์ลีกสูงสุด 20 สมัยมาคุยข่มแฟนบอลทีมอื่น
หันกลับไปมองกระจกอีกที อืมมมมม...ใบหน้าเรามันชักจะคล้ายพวก "เด็กหงส์" เข้าไปทุกที อิอิอิ
นี่แหละที่เรียกว่า "ของเข้าตัว" พลางยืนยันหนักแน่นว่า "เวร-กรรม" มีจริงในโลก!
นับตั้งแต่คุณป๋ายกตูดออกจากบัลลังก์ สังเกตได้เลยนะครับว่าอะไรๆ ก็ไม่ค่อยจะเป็นใจสักเท่าไหร่ จังหวะไม่ดี และผิดที่ ผิดทางไปหมด
เริ่มตั้งแต่การตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ค่อนข้างกะทันหันและฉับพลันเกินไปหน่อย แทนที่จะตัดสินใจแล้วประกาศล่วงหน้า โดยอยู่ในตำแหน่งต่อไปอีกสัก 1 ฤดูกาล เพื่อประคับประคอง - ปูทาง หรือเตรียมการรับความเปลี่ยนแปลง
ที่สำคัญคือควรจะรอไปก่อน เพื่อคัดเลือกผู้จัดการทีมคนใหม่ให้เหมาะสมที่สุด
แต่เพราะป๋าแกเกรงว่าจะจบไม่สวยนั่นแหละครับเลยรีบกระโดดถีบตัวเองออกจากตำแหน่งในทันทีที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นแชมป์ลีกสูงสุด 20 สมัย หากอยู่ในตำแหน่งต่อไปอีกปีแล้วไม่ประสบความสำเร็จ มันก็จะเป็นการลงจากตำแหน่งที่ไม่สง่างามสักเท่าไหร่
ตอนที่อำลาตำแหน่ง ป๋าแกเผยภายหลังว่า พยายามติดต่อผู้จัดการทีมหลายคนมาเป็นตัวแทน
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แกล้งไม่รับโทรศัพท์ซะอย่างนั้น
โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ดันรับปากกับ เชลซี เอาไว้เรียบร้อย
คาร์โล อันเชลอตติ ก็ยังไม่ว่าง เช่นเดียวกับ เจอร์เก้น คล็อปป์
เห็นไหมล่ะครับว่าจังหวะมันไม่ดีจริงๆ มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
ในเมื่อเป็นแบบนี้ อันที่จริงท่านเจ้าคุณเฟอร์กี้ก็ควรอดทนรออีกสัก 1 ปีพลางคุมทีมไปก่อน เพื่อคุมรอผู้สืบทอดที่เหมาะสมจริงๆ แต่อย่างที่บอกนั่นแหละว่า แกคงกลัวจบไม่สวย
ว่าแล้วก็เอาคนบ้านเดียวกันอย่าง เดวิด มอยส์ นี่แหละมาเป็นตัวแทน
แล้ว "ผู้ถูกเลือก" อย่าง เดวิด มอยส์ ก็เสกให้ทีมที่เพิ่งเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก โดยทิ้งห่างรองแชมป์ถึง 12 แต้ม เมื่อฤดูกาลก่อนมาหมาดๆ กลายเป็นทีมอันดับ 7 ของตาราง
ความผิดนี้มีค่าเท่ากับการถูกเชือด - แมนฯ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องเปลี่ยนผู้จัดการทีมใหม่อีกครั้ง ปัญหาคือตอนนั้นไม่มีใครพร้อมที่จะมารับงานนี้ นอกจาก หลุยส์ ฟาน กัล คนเดียว แถมตอนนั้นคุณลุงอ้วนแกก็ดันยึดถือปรัชญาบ้าบออะไรก็ไม่รู้ซะด้วย
เห็นไหมครับว่า จังหวะไม่ดีอีกแล้ว
อาจารย์หลุยส์ทำทีมแบบเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายบนความน่าเบื่อ แต่เบื้องบนยังไม่กล้าไล่ออก
ย้อนกลับไปต้นฤดูกาลก่อน แมนฯ ยูไนเต็ด ออกสตาร์ตได้ดีพอใช้ ซึ่งจังหวะเดียวกันนั้นเองที่ ลิเวอร์พูล กำลังย่ำแย่ พวกเขาก็เลยไล่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ออกจากตำแหน่งแล้วนาทีนั้น เจอร์เก้น คล็อปป์ ดันว่างอยู่พอดี
ขอบอกว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ นี่แหละคือกุนซือที่มีสไตล์การทำทีมเหมาะกับทีมที่มีฉายา "ปีศาจแดง" มากที่สุดคนหนึ่ง เพราะเน้นเกมรุกดุดันกะซวกไส้ แถมชอบสร้างมากกว่าชอบซื้อ เพียงแต่จังหวะนั้นยังไม่มีความชอบธรรมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะไล่ หลุยส์ ฟาน กัล ออกจากตำแหน่ง - ลิเวอร์พูล ก็เลยได้ของดีไป
คิดง่ายๆ นะครับว่า ถ้าตอนนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด นั่งเบียดกับความห่วยแตกแล้วปลดท่านอาจารย์หลุยส์ออกจากตำแหน่งพลางแต่งตั้ง เจอร์เก้น คล็อปป์ เข้ามาแทน
บางทีพลพรรคปีศาจแดงอาจไม่ใช่หมาถือส้อมเหมือนตอนนี้..ก็..เป็น..ได้
หลังขับไล่ หลุยส์ ฟาน กัล ออกไปได้สำเร็จ จังหวะเหมือนจะเป็นใจขึ้นมาบ้าง เพราะ โชเซ่ มูรินโญ่ กำลังว่างอยู่พอดี
ระดับ "เดอะ สเปเชียลวัน" ถือว่าไม่ธรรมดานะครับ ปัญหาคือพี่แกดันอยู่ในช่วง "ขาลง" และ "ดวงตก" ซะอย่างนั้น!
เมมฟิส เดอปาย เคยเป็นข่าวกับ ลิเวอร์พูล มาก่อน สุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด บุกไปชิงตัวมา แล้วก็อย่างที่เห็น
ซาดิโอ มาเน่ ก็เคยเป็นข่าวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด มาก่อน สุดท้ายกลายเป็น ลิเวอร์พูล ที่ได้ตัวมา แล้วก็อย่างที่เห็น
พอจังหวะไม่ดี ทุกอย่างมันก็เลยผิดที่ผิดทางไปหมด
ผมมีความรู้สึกว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทีมมาอย่างยาวนานมากเสียจน แมนฯ ยูไนเต็ด กลายพันธุ์เป็น เฟอร์กี้ ยูไนเต็ด พูดง่ายๆ ว่ามันเป็นทีมของป๋าเพียงคนเดียวเท่านั้น ทีมนี้อนุญาตให้ "เฟอร์กี้" ควบคุมเพียงคนเดียว คนอื่นแตะต้องไม่ได้ เปรียบเสมือนม้าพยศที่ยินยอมให้เจ้าของมันเพียงคนเดียวเท่านั้นขึ้นมากุมบังเหียนได้ หากคนอื่นทะลึ่งขึ้นมาขี่หลังก็จะถูกมันสะบัดตกลงไปในทันที
ผมรู้สึกแบบนี้จริงๆ นะครับ - สาบาน
ในเมื่อเป็นแบบนี้ เห็นทีจะต้อง "เซต-ซีโร่" กันใหม่
อืมมมมม...เซต-ซิโร่ คำนี้คุ้นๆ นะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน เคยได้ยินที่ไหนก็จำไม่ได้เหมือนกัน เอาเป็นว่ามันคงต้องชำระล้างความเป็นทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ออกไปให้หมด แล้วเริ่มต้นใหม่จากศูนย์
จำตอนที่ โชเซ่ มูรินโญ่ เข้าไปคุม เชลซี ใหม่ๆ เมื่อฤดูกาล 2004-05 ได้ไหมครับ?
พลันที่รับตำแหน่งพี่แกสั่งซื้อผู้เล่นใหม่ ประเภทไม่ต้องลอง-ใช้ได้เลย พร้อมกันทีเดียว 8 คน คือ ปีเตอร์ เช็ค, อาร์เยน ร็อบเบน, เปาโล แฟร์เรยร่า, อเล็กซ์, มาเตย่า เคซมัน, ติอาโก้, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่
นอกนั้นโละทิ้งหมด โดยเหลือของเดิมที่ดีอยู่แล้วเพียงไม่กี่คนอย่าง จอห์น เทอร์รี่ หรือ โคล้ด มาเกเลเล่ เรียกว่าสร้างทีมใหม่เลยทีเดียว ก่อนจะสั่งซื้อผู้เล่นใหม่ระดับดาวดังมาเพิ่มอีกถึง 8 คนในฤดูกาลต่อมา
ส่วนฤดูกาลแรกของ โชเซ่ มูรินโญ่ ในฐานะกุนซือปีศาจแดง พี่แกได้ผู้เล่นใหม่มาแค่ 4 คนเท่านั้น แถม ซลาตัน อิบราฮิโมวิช อายุปาเข้าไป 35 ขวบแล้ว ขณะที่ เฮนริค มคิทาร์ยาน ซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้งาน
เท่ากับมีผู้เล่นใหม่ที่ "มูมู่" ใช้งานได้จริงๆ เพียง 3 คน คือ ปอล ป็อกบา กับ เอริก ไบยี่ ส่วน "เฮียหลา" ก็อายุมากเสียจนอาจต้านทานความฮาร์ดคอร์ของพรีเมียร์ลีกไม่ไหว
บางที แมนฯ ยูไนเต็ด อาจต้องทำเหมือนตอนที่ "เดอะ สเปเชียลวัน" ไปคุม เชลซี ครั้งแรกนั่นแหละครับ คือใช้เงินอย่างบ้าคลั่งกว่านี้ เพื่อกระชากผู้เล่นที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ต้องการพลางสร้างทีมใหม่ไปเลย
ถ้าขนาดนี้แล้วยังไม่ประสบความสำเร็จก็คงต้องเปลี่ยนผู้จัดการทีมใหม่
ฤดูกาลนี้ถ้าได้อันดับ 4 ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด
แต่ถ้าทำไม่สำเร็จก็ยังภูมิใจได้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด คือแชมป์ลีกสูงสุดมากที่สุดถึง 20 สมัย
ต่อต้านไม่ได้ก็เข้าร่วมไปเลย อิอิอิ
บอ.บู๋
http://www.siamsport.co.th/Column/161125_030.html
บอ.บู๋ นี่เค้ากลับตัวเร็วดีเหมือนกันนะ...5555
ต่อต้านไม่ได้ต้องเข้าร่วม!
- แมนฯ ซิตี้ คือทีมลูกไล่ที่พยายามใช้เงินซื้อความสำเร็จ
- เชลซี คือทีมของมหาเศรษฐีที่ชอบเปลี่ยนผู้จัดการทีมบ่อยๆ ตามอารมณ์
- อาร์เซน่อล คือทีมที่คว้าอันดับ 4 ได้ก็ดีใจแล้ว
- ลิเวอร์พูล คือทีมที่จมอยู่กับอดีต แถมชอบคุยโม้โอ้อวดถึงความเกรียงไกรที่มันผ่านไปแล้ว
แต่ตอนนี้ดูเหมือนไอ้สิ่งที่เคยล้อเลียนและถากถางทีมอื่นเอาไว้อย่างสนุกสนานบนความครื้นเครง มันจะย้อนเข้าตัวเองหมดเลย 5555
นับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อำลาตำแหน่ง - แมนฯ ยูไนเต็ด ใช้เงินซื้อตัวผู้เล่นแบบบ้าคลั่งชนิดเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว พวกเขายอมแม้กระทั่งทำลายสถิติโลก เพื่อคว้าตัวผู้เล่นที่เคยเป็นสมบัติของตัวเองแท้ๆ
การทำตัวเป็นพ่องงงงบุญทุ่มแบบนี้ มันก็ไม่ต่างจากการใช้เงินซื้อความสำเร็จนั่นแหละ
"เฟอร์กี้" คุมทีมคนเดียวมานานเกือบ 27 ปี แต่ 3 ปีที่ผ่านมา แมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนผู้จัดการทีมเหมือนเปลี่ยนกางเกงในไปแล้วถึง 3 คน
นอกจากนี้ยังมีทีท่าว่าจะต้องเปลี่ยนผู้จัดการทีมต่อไปอีกเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอคนที่สวรรค์ส่งลงมานั่นแหละ
สำหรับสถานการณ์ในฤดูกาลนี้ เรียนตามตรงว่า หากได้อันดับที่ 4 ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด อนุญาตให้เฉลิมฉลองอย่างสุดเหวี่ยงได้เลย ผิดกับเมื่อก่อน ขนาดเข้าป้ายในตำแหน่ง "รองแชมป์" ยังถือว่าน่าผิดหวังอย่างรุนแรง ถ้าฤดูกาลไหนหล่นมาอันดับ 3 เรียกว่าล้มเหลวบรรลัย
แล้วในขณะที่ความตกต่ำมาเยือน มันก็อดไม่ได้เหมือนกันนะครับที่บรรดาผู้มิจิตศรัทธาในปีศาจแดงจะนึกถึงอดีตอันเกรียงไกรสมัยที่ตัวเองยังเป็นมหาอำนาจลูกหนังแห่งอังกฤษ พลางเอาแชมป์ลีกสูงสุด 20 สมัยมาคุยข่มแฟนบอลทีมอื่น
หันกลับไปมองกระจกอีกที อืมมมมม...ใบหน้าเรามันชักจะคล้ายพวก "เด็กหงส์" เข้าไปทุกที อิอิอิ
นี่แหละที่เรียกว่า "ของเข้าตัว" พลางยืนยันหนักแน่นว่า "เวร-กรรม" มีจริงในโลก!
นับตั้งแต่คุณป๋ายกตูดออกจากบัลลังก์ สังเกตได้เลยนะครับว่าอะไรๆ ก็ไม่ค่อยจะเป็นใจสักเท่าไหร่ จังหวะไม่ดี และผิดที่ ผิดทางไปหมด
เริ่มตั้งแต่การตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ค่อนข้างกะทันหันและฉับพลันเกินไปหน่อย แทนที่จะตัดสินใจแล้วประกาศล่วงหน้า โดยอยู่ในตำแหน่งต่อไปอีกสัก 1 ฤดูกาล เพื่อประคับประคอง - ปูทาง หรือเตรียมการรับความเปลี่ยนแปลง
ที่สำคัญคือควรจะรอไปก่อน เพื่อคัดเลือกผู้จัดการทีมคนใหม่ให้เหมาะสมที่สุด
แต่เพราะป๋าแกเกรงว่าจะจบไม่สวยนั่นแหละครับเลยรีบกระโดดถีบตัวเองออกจากตำแหน่งในทันทีที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นแชมป์ลีกสูงสุด 20 สมัย หากอยู่ในตำแหน่งต่อไปอีกปีแล้วไม่ประสบความสำเร็จ มันก็จะเป็นการลงจากตำแหน่งที่ไม่สง่างามสักเท่าไหร่
ตอนที่อำลาตำแหน่ง ป๋าแกเผยภายหลังว่า พยายามติดต่อผู้จัดการทีมหลายคนมาเป็นตัวแทน
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แกล้งไม่รับโทรศัพท์ซะอย่างนั้น
โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ดันรับปากกับ เชลซี เอาไว้เรียบร้อย
คาร์โล อันเชลอตติ ก็ยังไม่ว่าง เช่นเดียวกับ เจอร์เก้น คล็อปป์
เห็นไหมล่ะครับว่าจังหวะมันไม่ดีจริงๆ มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
ในเมื่อเป็นแบบนี้ อันที่จริงท่านเจ้าคุณเฟอร์กี้ก็ควรอดทนรออีกสัก 1 ปีพลางคุมทีมไปก่อน เพื่อคุมรอผู้สืบทอดที่เหมาะสมจริงๆ แต่อย่างที่บอกนั่นแหละว่า แกคงกลัวจบไม่สวย
ว่าแล้วก็เอาคนบ้านเดียวกันอย่าง เดวิด มอยส์ นี่แหละมาเป็นตัวแทน
แล้ว "ผู้ถูกเลือก" อย่าง เดวิด มอยส์ ก็เสกให้ทีมที่เพิ่งเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก โดยทิ้งห่างรองแชมป์ถึง 12 แต้ม เมื่อฤดูกาลก่อนมาหมาดๆ กลายเป็นทีมอันดับ 7 ของตาราง
ความผิดนี้มีค่าเท่ากับการถูกเชือด - แมนฯ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องเปลี่ยนผู้จัดการทีมใหม่อีกครั้ง ปัญหาคือตอนนั้นไม่มีใครพร้อมที่จะมารับงานนี้ นอกจาก หลุยส์ ฟาน กัล คนเดียว แถมตอนนั้นคุณลุงอ้วนแกก็ดันยึดถือปรัชญาบ้าบออะไรก็ไม่รู้ซะด้วย
เห็นไหมครับว่า จังหวะไม่ดีอีกแล้ว
อาจารย์หลุยส์ทำทีมแบบเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายบนความน่าเบื่อ แต่เบื้องบนยังไม่กล้าไล่ออก
ย้อนกลับไปต้นฤดูกาลก่อน แมนฯ ยูไนเต็ด ออกสตาร์ตได้ดีพอใช้ ซึ่งจังหวะเดียวกันนั้นเองที่ ลิเวอร์พูล กำลังย่ำแย่ พวกเขาก็เลยไล่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ออกจากตำแหน่งแล้วนาทีนั้น เจอร์เก้น คล็อปป์ ดันว่างอยู่พอดี
ขอบอกว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ นี่แหละคือกุนซือที่มีสไตล์การทำทีมเหมาะกับทีมที่มีฉายา "ปีศาจแดง" มากที่สุดคนหนึ่ง เพราะเน้นเกมรุกดุดันกะซวกไส้ แถมชอบสร้างมากกว่าชอบซื้อ เพียงแต่จังหวะนั้นยังไม่มีความชอบธรรมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะไล่ หลุยส์ ฟาน กัล ออกจากตำแหน่ง - ลิเวอร์พูล ก็เลยได้ของดีไป
คิดง่ายๆ นะครับว่า ถ้าตอนนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด นั่งเบียดกับความห่วยแตกแล้วปลดท่านอาจารย์หลุยส์ออกจากตำแหน่งพลางแต่งตั้ง เจอร์เก้น คล็อปป์ เข้ามาแทน
บางทีพลพรรคปีศาจแดงอาจไม่ใช่หมาถือส้อมเหมือนตอนนี้..ก็..เป็น..ได้
หลังขับไล่ หลุยส์ ฟาน กัล ออกไปได้สำเร็จ จังหวะเหมือนจะเป็นใจขึ้นมาบ้าง เพราะ โชเซ่ มูรินโญ่ กำลังว่างอยู่พอดี
ระดับ "เดอะ สเปเชียลวัน" ถือว่าไม่ธรรมดานะครับ ปัญหาคือพี่แกดันอยู่ในช่วง "ขาลง" และ "ดวงตก" ซะอย่างนั้น!
เมมฟิส เดอปาย เคยเป็นข่าวกับ ลิเวอร์พูล มาก่อน สุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด บุกไปชิงตัวมา แล้วก็อย่างที่เห็น
ซาดิโอ มาเน่ ก็เคยเป็นข่าวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด มาก่อน สุดท้ายกลายเป็น ลิเวอร์พูล ที่ได้ตัวมา แล้วก็อย่างที่เห็น
พอจังหวะไม่ดี ทุกอย่างมันก็เลยผิดที่ผิดทางไปหมด
ผมมีความรู้สึกว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทีมมาอย่างยาวนานมากเสียจน แมนฯ ยูไนเต็ด กลายพันธุ์เป็น เฟอร์กี้ ยูไนเต็ด พูดง่ายๆ ว่ามันเป็นทีมของป๋าเพียงคนเดียวเท่านั้น ทีมนี้อนุญาตให้ "เฟอร์กี้" ควบคุมเพียงคนเดียว คนอื่นแตะต้องไม่ได้ เปรียบเสมือนม้าพยศที่ยินยอมให้เจ้าของมันเพียงคนเดียวเท่านั้นขึ้นมากุมบังเหียนได้ หากคนอื่นทะลึ่งขึ้นมาขี่หลังก็จะถูกมันสะบัดตกลงไปในทันที
ผมรู้สึกแบบนี้จริงๆ นะครับ - สาบาน
ในเมื่อเป็นแบบนี้ เห็นทีจะต้อง "เซต-ซีโร่" กันใหม่
อืมมมมม...เซต-ซิโร่ คำนี้คุ้นๆ นะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน เคยได้ยินที่ไหนก็จำไม่ได้เหมือนกัน เอาเป็นว่ามันคงต้องชำระล้างความเป็นทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ออกไปให้หมด แล้วเริ่มต้นใหม่จากศูนย์
จำตอนที่ โชเซ่ มูรินโญ่ เข้าไปคุม เชลซี ใหม่ๆ เมื่อฤดูกาล 2004-05 ได้ไหมครับ?
พลันที่รับตำแหน่งพี่แกสั่งซื้อผู้เล่นใหม่ ประเภทไม่ต้องลอง-ใช้ได้เลย พร้อมกันทีเดียว 8 คน คือ ปีเตอร์ เช็ค, อาร์เยน ร็อบเบน, เปาโล แฟร์เรยร่า, อเล็กซ์, มาเตย่า เคซมัน, ติอาโก้, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่
นอกนั้นโละทิ้งหมด โดยเหลือของเดิมที่ดีอยู่แล้วเพียงไม่กี่คนอย่าง จอห์น เทอร์รี่ หรือ โคล้ด มาเกเลเล่ เรียกว่าสร้างทีมใหม่เลยทีเดียว ก่อนจะสั่งซื้อผู้เล่นใหม่ระดับดาวดังมาเพิ่มอีกถึง 8 คนในฤดูกาลต่อมา
ส่วนฤดูกาลแรกของ โชเซ่ มูรินโญ่ ในฐานะกุนซือปีศาจแดง พี่แกได้ผู้เล่นใหม่มาแค่ 4 คนเท่านั้น แถม ซลาตัน อิบราฮิโมวิช อายุปาเข้าไป 35 ขวบแล้ว ขณะที่ เฮนริค มคิทาร์ยาน ซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้งาน
เท่ากับมีผู้เล่นใหม่ที่ "มูมู่" ใช้งานได้จริงๆ เพียง 3 คน คือ ปอล ป็อกบา กับ เอริก ไบยี่ ส่วน "เฮียหลา" ก็อายุมากเสียจนอาจต้านทานความฮาร์ดคอร์ของพรีเมียร์ลีกไม่ไหว
บางที แมนฯ ยูไนเต็ด อาจต้องทำเหมือนตอนที่ "เดอะ สเปเชียลวัน" ไปคุม เชลซี ครั้งแรกนั่นแหละครับ คือใช้เงินอย่างบ้าคลั่งกว่านี้ เพื่อกระชากผู้เล่นที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ต้องการพลางสร้างทีมใหม่ไปเลย
ถ้าขนาดนี้แล้วยังไม่ประสบความสำเร็จก็คงต้องเปลี่ยนผู้จัดการทีมใหม่
ฤดูกาลนี้ถ้าได้อันดับ 4 ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด
แต่ถ้าทำไม่สำเร็จก็ยังภูมิใจได้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด คือแชมป์ลีกสูงสุดมากที่สุดถึง 20 สมัย
ต่อต้านไม่ได้ก็เข้าร่วมไปเลย อิอิอิ
บอ.บู๋
http://www.siamsport.co.th/Column/161125_030.html
บอ.บู๋ นี่เค้ากลับตัวเร็วดีเหมือนกันนะ...5555