EP. 1 แรกเจอ

คุณเคยกอดใคร ที่มาจากคววามรู้สึกว่าอยากกอดจริงๆไหม ?
ผมเคยกอดคนมาแล้วมากมาย แต่ทุกๆการกอด ผมไม่กล้าปล่อยตัวให้รับความรู้สึกดีๆจากคนที่ผมกอดด้วยเลย จนผมได้มาเจอน้องคนหนึ่ง ที่เป็นคนทำให้ผมรู้ตัวเองว่าจริงๆแล้วการกอดมันไม่ใช่เรื่องที่น่าเขินอาย และอยากกอดเพื่อมอบความรู้สึกดีๆให้แก่ใครสักคนที่เราอยากให้
สวัสดีครับผมชื่อกาย เรียนปี 3 คณะเกี่ยวกับอาร์ต เรื่องราวที่ผมกำลังจะเล่า เป็นเรื่องที่เกิดกับตัวผมเองโดยตรง ที่ยังคงวนอยู่ในหัวและห้วงลึกของความรู้สึกที่งดงาม เหมือนเช่นตอนนี้ ที่มีความรู้สึกของเรื่องราวมันทำให้ผมกำลังยิ้มอยู่ ราวกับว่าเป็นคนที่มีความสุขจนล้น เอ้อ !!!ลืมบอกไปเลยว่า นอกจากที่ผมจะมีหน้าที่ตั้งใจเรียนหนังสือไปวันๆ (รึป่าว) ฮ่าๆๆ ผมก็มีอีกหน้าที่พิเศษของชีวิตในปีที่ 3 เพิ่มมาอีกอย่างคือ การได้เป็นพิธีกรประจำคณะ ซึ่งหน้าที่การเป็นพิธีกรนี้ เป็นอีกอย่างที่ผมอยากทำในชีวิตนี้ที่เกิดมาเลยละครับ แต่ก็ไม่มีโอกาสที่จะให้เราได้แสดงศักยภาพของตัวเราสักที่ เพราะเป็นคนไม่กล้าจับไมค์เท่าไหร่ แต่เพราะอาจเป็นชะตาชีวิตที่ทำให้ผมได้มาอยู่ในจุดที่ ไม่ว่าจะมีงานอะไรในคณะ จะเป็น ผม และ เอม รับหน้าที่อันทรงเกียรตินี้เสมอ (ยิ่งใหญ่มาก ฮ่าๆๆ)
ขอพูดถึงเอมหน่อยแล้วกันนะครับ เอมเป็นเพื่อนสนิทผมเอง เรียนอยู่สาขาเดียวกัน เป็นคนสวย สูง 165 ผอมๆ มันมีตำแหน่งที่เราใช่เรียกเล่นกันกับมันว่า ผมเป็นท่านประธาน ส่วนเอมป็นเลขาผม เอมเป็นคนเสียงหวาน บุคลิคดี นิสัยก็ดี๊ดี เรียกได้ว่าเป็นนางเอกในสาขาเลยก็ว่าได้ มันเป็นพิธีกรมาก่อนผม รับงานในคณะมาแล้วตั้งแต่ปี 2 จนกระทั่งพวกเราขึ้นปีสาม และอีก 2 วันจะเป็นวันปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ของคณะ เป็นวันที่ผมทำหน้าที่เป็นพิธีกรอย่างจริงจังครั้งแรกในชีวิต เพราะจริงๆแล้วจะมีคนทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว ชื่อ อีเจ้ ตุ๊ดอ้วนน่ารักของน้องๆ อิอิ ที่บอกว่าของน้องๆเพราะแกซิ่วมา อายุก็ราวๆเบญจเพศ ฮ่าๆๆ แต่เรียนอยู่ปีเดียวกันกับผม และพอใกล้วันจริงเข้าให้ กลับไม่กล้าขึ้นซะงั้น เพราะหาเสื้อนักศึกษาใหม่ใส่ไม่ได้ และวันที่ไปซื้อก็ไม่มีไซต์แก (เป็นคนชอบแต่งตัวเครื่องแบบนักศึกษาเนียบมากโดยเฉพาะช่วงบนลำตัวขึ้นไป หื่มม) ด้วยความที่ไม่มั่นใจ เจ้เลยบอกให้ผมไปซ้อม และก็ขึ้นจริงในวันปฐมนิเทศพรุ่งนี้เลย นี่และครับที่เป็นจุดเริ่มต้องของการเป็นพิธีกรของคณะของผม และมีพี่ๆบุคลากรที่ทำงานในคณะคงจะเห็นแวว หลังจากนี้ก็ติดต่อผม และเอม ให้ไปทำหน้าที่พิธีกรอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นงานเล็ก งานใหญ่ งานทางการ งานสังสรรค์ ผมและเอมจะเป็นพิธีกรคู่ขวัญที่โผล่ไปทุกๆงาน ดีใจจัง แฮร่ๆ
หลังจากวันนั้นไม่นาน นอกจากเรื่องความตื่นเต้นในรายวิชาเรียนสาขาพวกเราที่จะมีในปี3 เรื่องที่เราคุยกันมากที่สุดก็เป็นเรื่องของการเป็นพิธีกรในวันปฐมนิเทศที่ผ่านมานั้นเองละครับ เพราะเราสองคนได้ไปสร้างวีรกรรมที่อาจารย์ในคณะคงจะขำพวกเราไปอีกนาน ที่เราสองคนสลับอ่านรายชื่อครูผิดๆถูกๆ เกือบจะทุกคน !!! แม้ว่าเอมจะเคยผ่านงานพิธีกรมาแล้วก็ตาม แล้วผมจะเหลืออะไรละครับ ฮ่าๆๆ สาเหตุไม่ใช่อะไรครับ เพราะว่าสคริปรายชื่อที่จะให้พิธีกรอ่านเพิ่งจะให้พวกเราก่อนขึ้นเวที แม้พวกเราจะซ้อมอ่านไปแล้วรอบหนึ่ง แต่พวกเราก็ไม่สามารถต้านทานรายชื่อของคณาจารย์ในคณะที่อ่านยากมากๆไปได้ TT สรุปคือเราเปลี่ยนชื่อคณาจารย์ไปหลายท่านเลยครับ ฮ่าๆๆๆ หลังจากนี้เราก็โดนอาจารย์แซวเรื่อยมา
สองสัปดาห์ผ่านไป วันนี้ผมไม่มีเรียน พระอาทิตย์ขึ้นตรงหัว กำลังเข้าสู่ช่วงบ่ายๆ ผมยังคงนอนนิ่งสงบ ราวกับว่ากำลังอยู่ในห้วงเวลาแห่งความฝัน แต่มันก็ถูกขัดจังหวะขึ้น เมื่อเสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น ตื้ด ตื๊ด ตืด ตือ ตื่อ ตืด ตื้ด เสียงนาฟิกามันร้องขึ้นเตือน ว่าถึงเวลาที่จะต้องตื่นสำหลับเช้าวันใหม่ของผม ฮ่าๆๆ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแง่มๆตาดู พร้อมกดปุ่มหยุดทีทัน แล้วนอนต่อ ฮ่าๆๆ ผมรู้ว่าใครๆก็เคยทำแบบนี้ แม้จะเป็นเวลาตื่นสำหรับวันสบายๆนี้ แต่ด้วยความขี้เซาผมจึงทำใจไม่ได้จริงๆที่จะตื่น ...ตื้ด ตื๊ด ตืด ตือ ตื่อ ตืด ตื้ด เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นมาอีกรอบ เป็นสัญญาณนาฬิกาปลุกที่ผ่านมาแล้ว 5 นาที ผมทำอย่างเดิมครับ กดหยุดแล้วนอนต่อ เป็นครั้งที่สองของเสียงนาฬิกาปลุก ทำให้ผมแม้จะนอนต่อแต่ก็กึ่งตื่นๆอยู่บ้าง ผ่านไปไม่ถึงนาทีโทรศัพท์ก็มีเสียงขึ้นอีก เป็นเสียงเดิมคุ้นหู ตื้ด ตื๊ด ตืด ตือ ตื่อ ตืด ตื้ด ผมหยิบมันขึ้นมาอีกรอบพร้อมง้างมือพร้อมจะกดหยุด แต่หน้าจอไม่ใช่แจ้งเตือนนาฬิกาปลุกสิครับ เป็นภาพกำลังมีคนโทรเข้ามา และไม่ใช่ใครที่ไหน คือ เอมเพื่อนร๊ากกกก !!! หึหึ "โหลลล มีอะไร" "ตื่นยัง" ผมคิดในใจ กูคงฝันคุยกับอยู่มั้ง "ตื่นแล้วคงไม่ทำเสียงแบบนี้อ่ะ"
"กูก็พึ่งตื่น กูมีเรื่องจะบอก เรามีงานเข้า" เสียงมันสดใสราวกับว่าตื่นมานาน
"งานไรวะ" ผมกำลังแปลงใจว่าทำไมต้องพูดคำว่าเรา
"พิธีกร วันไหว้ครูจ้า ทำที่คณะ พรุ่งนี้บ่างโมง" "ห๊าาาา" ภาพวีรกรรมของพวกเราวันปฐมนิเทศลอยเข้าในหัวทันทีที่ได้ยิน ผมทั้งดีใจที่จะได้ทำหน้าที่นี้อีกรอบ และทั้งอายกับวีรกรรม กลัวจะซ้ำรอย
"ชุดอะไร" "ชุดนักศึกษาสิ แต่ตอนค่ำๆเราต้องเข้าไปซ้อมนะเพื่อน เราจะต้องไม่เป็นแบบวันนี้นนะ ฮ่าๆๆๆ" พวกเราขำขึ้นโดยไม่ต้องนัดกัน ขำให้กับเรื่องตลกๆที่สร้างขึ้นมาด้วยกันเอง
พอพูดคุยกันรู้เรื่อง ผมก็ไปเจอมันที่คณะประมาณ 4 โมงเย็น เพื่อทำการซักซ้อมพิธีกัน บอกไว้เลยว่า พวกเราจะมาแก้มือแน่นนอนในงานนี้ พอเลิกซ้อมเสร็จพวกเราก็พากันไปกินข้าวอยู่หลังมอครับ คุยกันเฮฮาเรื่อยเปื่อย และก็เอาสคริปมาอ่านบทกันบ้างเล็กน้อย เสร็จแล้วพวกเราก็แยกย้ายกันกลับหอครับ
คืนนี้ผมเอาสคริปมาอ่านชื่อ คณาจารย์ และมั่งใจว่ายังไงก็ไม่มีพลาดแน่นอน ฮ่าๆ ไม่จริง >< แต่งานไหว้ครูพรุ่งนี้ไม่ได้มีแค่ครู ที่พิธีกรจะต้องอ่านชื่อ แต่ยังมี นักศึกษา ที่ต้องรับรางวัล ทั้งรงวัลเรียนดี กิจรรมเด่น ป.ตรี พี่ป.โท พี่ป.เอกอีก บอกเลยกดดันสุดๆ ซ้อมพูดชื่อจนเหนื่อยถึงเวลาที่ผมต้องนอนเอาแรงเพื่องานพรุ่งนี้ซะแล้ว
เช้าแล้ว เช้าของวันนี้อาจจะสายไป เพราะเวลาก็ประมาณ 5 โมงเช้าแล้ว อรุณสวัสดิ์วันใหม่ เป็นวันพฤหัสบดีที่มงคลในสัปดาห์ที่ 2 ของการเปิดภาคเรียน ผมหยิงโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คหน้าฟีต เห็นเพื่อนๆ น้องๆโพสต์ดีใจกับ รางวัลชนะเลิศ กับการประกวดพานไหว้ครูในมหาวิทยาลัย ได้ทั้งคู่ทั้งพานธูปเทียน และพานดอกไม้ (ขอชื่นชมคนทำจริงๆ) ถือว่าเป็นข่าวดีแรก สำหรับวันนี้
ใกล้เวลาพิธีแล้ว หลังจากที่ผมและเอม แต่งตัวเสร็จก็มารอเตียมตัวขึ้นข้างเวที เราทั้งสองซ้อมอ่านชื่ออย่างคล่องแคล่ว ไม่มีพลาด จนสเตจมาแจ้งว่าถึงเวลาที่ขึ้นเวทีแล้ว พวกเราก็ให้กำลังใจกันและกันครับ แหม๋ๆๆ มีทำซึ้งกันด้วย ฮ่าๆๆ "สู้ๆ ด้นสดคำสวยๆไว้ก่อน ฮ่าๆ" ผมบอกมันก่อนที่พวกเราจะก้าวขึนเวที และกลายเป็นว่าภาพที่อยู่ตตรงหน้าพวกเราสองคน มีรุ่นพี่ รุ่นน้องทุกชึ้นปี รวมถึงพี่ป.โท พี่ป.เอกด้วยในหอศิลป์ใหญ่ของคณะเรา วันนั้นเป็นวันที่ผมเป็นพิธีกรคณะครั้งที่ 2 และคนเยอะครั้งแรกมาก หลังจะที่เราได้พูดเกริ่นๆเข้าพิธีการไปพักหนึ่งแล้ว ก็ถึงเข้าช่วงพิธีการที่นักศึกษาจะต้องนำพาน ที่แต่ละชั้นปีทำขึ้นมาเพื่อมาไหว้อาจารย์บนเวที หนึ่งในพานที่ตั้งอยู่หน้าเวทีที่รอตัวแทนมาถือขึ้นไปนั้น คือพานที่ได้รางวัลชนะเลิศเลิศมาเมื่อเช้านี้เอง มันสวยมากๆ ไม่ค้านสายยตาเลยที่ได้ราวัลมา
ผมไม่รู้ว่าวันนี้เองผมจะได้เจอคนๆหนึ่ง คนที่จะกลายมาเป็นคนที่ผมกล้าที่อยากกอดเขาจริงๆ เมื่อถึงเวลาที่เอมประกาศว่า "โอกาสนี้ขอเชิญตัวแทนนักศึกษา ชั้นปีที่ 1 เชิญพานธูปเทียน พานดอกไม้ไหว้คณาจารย์บนเวทีค่ะ เชิญค่ะ" สิ้นเสียงหวานๆของเพื่อนผมแล้ว ก็มีน้องปี 1 ชายหญิงคู่หนึ่ง หน้าตาดีทั้งคู่เดินมา ยกพานที่ได้รางวัลเมื่อเช้า ผ่านหน้าพวกเราของคนไป วินาทีนั้น สายตาของผมและเอม ไม่ได้มองพานอันสวยงามนั้น แต่กลับมองไปที่ใบหน้าของน้องผู้ชายที่ยกพานผ่านเราไปแทน ฮ่าๆๆๆ น้องสูงประมาณ 172 หุ่งกำลังพอดี ไม่ผอมมาก ขาว ดัดฟัน ใส่ชุดนักศึกษาถูกระเบียบเด๊ะ มองเผินๆไม่เหมือนเรียนที่คณะนี้ ฮ่าๆๆ ให้เดาว่าคงไปถือเมื่อเข้ามาแน่ๆ
วินาทีนั้น ผมและเอมหันหน้ามองกัน อย่างพร้อมเพรียง !!! ทำสีหน้าเหมือนเจอของดีเข้าให้
"เห็นอย่าที่กูเห็นมั๊ย" เสียงกระซิ๊บของเพื่อนเอมลอยเข้าหูอย่างชัดเจน
"กูกำลังมองอยู่ ฮ่าๆๆ" "คณะเรามีหน้าตาแบบนี้ด้วยหรอ"
"นั่นดิ" เราสองคนยิ้มให้กับแบบมีนัย ว่างานนี้ไม่ใครก็ใคร ฮ่าๆๆๆ ก่อนที่เราจะดึงสติกลับมาทำหน้าที่พิธีกรต่อ และนี่เองก็เป็นการเจอ คนที่ผมกำลังจะเล่าถึงครั้งแรก และการเจอกันครั้งนี้ไม่มีอะไรนอกจากจดจำว่า น้องเป็นคนที่ถือพานไหว้ครูที่เจออยู่ในหอศิลป์ใหญ่คณะเรานี่เอง
+++เดี๋ยวมาต่อ EP. 2 นะยู ^^
For You .. พี่ปี 3 กับน้องปี 1 EP.1
ผมเคยกอดคนมาแล้วมากมาย แต่ทุกๆการกอด ผมไม่กล้าปล่อยตัวให้รับความรู้สึกดีๆจากคนที่ผมกอดด้วยเลย จนผมได้มาเจอน้องคนหนึ่ง ที่เป็นคนทำให้ผมรู้ตัวเองว่าจริงๆแล้วการกอดมันไม่ใช่เรื่องที่น่าเขินอาย และอยากกอดเพื่อมอบความรู้สึกดีๆให้แก่ใครสักคนที่เราอยากให้
สวัสดีครับผมชื่อกาย เรียนปี 3 คณะเกี่ยวกับอาร์ต เรื่องราวที่ผมกำลังจะเล่า เป็นเรื่องที่เกิดกับตัวผมเองโดยตรง ที่ยังคงวนอยู่ในหัวและห้วงลึกของความรู้สึกที่งดงาม เหมือนเช่นตอนนี้ ที่มีความรู้สึกของเรื่องราวมันทำให้ผมกำลังยิ้มอยู่ ราวกับว่าเป็นคนที่มีความสุขจนล้น เอ้อ !!!ลืมบอกไปเลยว่า นอกจากที่ผมจะมีหน้าที่ตั้งใจเรียนหนังสือไปวันๆ (รึป่าว) ฮ่าๆๆ ผมก็มีอีกหน้าที่พิเศษของชีวิตในปีที่ 3 เพิ่มมาอีกอย่างคือ การได้เป็นพิธีกรประจำคณะ ซึ่งหน้าที่การเป็นพิธีกรนี้ เป็นอีกอย่างที่ผมอยากทำในชีวิตนี้ที่เกิดมาเลยละครับ แต่ก็ไม่มีโอกาสที่จะให้เราได้แสดงศักยภาพของตัวเราสักที่ เพราะเป็นคนไม่กล้าจับไมค์เท่าไหร่ แต่เพราะอาจเป็นชะตาชีวิตที่ทำให้ผมได้มาอยู่ในจุดที่ ไม่ว่าจะมีงานอะไรในคณะ จะเป็น ผม และ เอม รับหน้าที่อันทรงเกียรตินี้เสมอ (ยิ่งใหญ่มาก ฮ่าๆๆ)
ขอพูดถึงเอมหน่อยแล้วกันนะครับ เอมเป็นเพื่อนสนิทผมเอง เรียนอยู่สาขาเดียวกัน เป็นคนสวย สูง 165 ผอมๆ มันมีตำแหน่งที่เราใช่เรียกเล่นกันกับมันว่า ผมเป็นท่านประธาน ส่วนเอมป็นเลขาผม เอมเป็นคนเสียงหวาน บุคลิคดี นิสัยก็ดี๊ดี เรียกได้ว่าเป็นนางเอกในสาขาเลยก็ว่าได้ มันเป็นพิธีกรมาก่อนผม รับงานในคณะมาแล้วตั้งแต่ปี 2 จนกระทั่งพวกเราขึ้นปีสาม และอีก 2 วันจะเป็นวันปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ของคณะ เป็นวันที่ผมทำหน้าที่เป็นพิธีกรอย่างจริงจังครั้งแรกในชีวิต เพราะจริงๆแล้วจะมีคนทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว ชื่อ อีเจ้ ตุ๊ดอ้วนน่ารักของน้องๆ อิอิ ที่บอกว่าของน้องๆเพราะแกซิ่วมา อายุก็ราวๆเบญจเพศ ฮ่าๆๆ แต่เรียนอยู่ปีเดียวกันกับผม และพอใกล้วันจริงเข้าให้ กลับไม่กล้าขึ้นซะงั้น เพราะหาเสื้อนักศึกษาใหม่ใส่ไม่ได้ และวันที่ไปซื้อก็ไม่มีไซต์แก (เป็นคนชอบแต่งตัวเครื่องแบบนักศึกษาเนียบมากโดยเฉพาะช่วงบนลำตัวขึ้นไป หื่มม) ด้วยความที่ไม่มั่นใจ เจ้เลยบอกให้ผมไปซ้อม และก็ขึ้นจริงในวันปฐมนิเทศพรุ่งนี้เลย นี่และครับที่เป็นจุดเริ่มต้องของการเป็นพิธีกรของคณะของผม และมีพี่ๆบุคลากรที่ทำงานในคณะคงจะเห็นแวว หลังจากนี้ก็ติดต่อผม และเอม ให้ไปทำหน้าที่พิธีกรอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นงานเล็ก งานใหญ่ งานทางการ งานสังสรรค์ ผมและเอมจะเป็นพิธีกรคู่ขวัญที่โผล่ไปทุกๆงาน ดีใจจัง แฮร่ๆ
หลังจากวันนั้นไม่นาน นอกจากเรื่องความตื่นเต้นในรายวิชาเรียนสาขาพวกเราที่จะมีในปี3 เรื่องที่เราคุยกันมากที่สุดก็เป็นเรื่องของการเป็นพิธีกรในวันปฐมนิเทศที่ผ่านมานั้นเองละครับ เพราะเราสองคนได้ไปสร้างวีรกรรมที่อาจารย์ในคณะคงจะขำพวกเราไปอีกนาน ที่เราสองคนสลับอ่านรายชื่อครูผิดๆถูกๆ เกือบจะทุกคน !!! แม้ว่าเอมจะเคยผ่านงานพิธีกรมาแล้วก็ตาม แล้วผมจะเหลืออะไรละครับ ฮ่าๆๆ สาเหตุไม่ใช่อะไรครับ เพราะว่าสคริปรายชื่อที่จะให้พิธีกรอ่านเพิ่งจะให้พวกเราก่อนขึ้นเวที แม้พวกเราจะซ้อมอ่านไปแล้วรอบหนึ่ง แต่พวกเราก็ไม่สามารถต้านทานรายชื่อของคณาจารย์ในคณะที่อ่านยากมากๆไปได้ TT สรุปคือเราเปลี่ยนชื่อคณาจารย์ไปหลายท่านเลยครับ ฮ่าๆๆๆ หลังจากนี้เราก็โดนอาจารย์แซวเรื่อยมา
สองสัปดาห์ผ่านไป วันนี้ผมไม่มีเรียน พระอาทิตย์ขึ้นตรงหัว กำลังเข้าสู่ช่วงบ่ายๆ ผมยังคงนอนนิ่งสงบ ราวกับว่ากำลังอยู่ในห้วงเวลาแห่งความฝัน แต่มันก็ถูกขัดจังหวะขึ้น เมื่อเสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น ตื้ด ตื๊ด ตืด ตือ ตื่อ ตืด ตื้ด เสียงนาฟิกามันร้องขึ้นเตือน ว่าถึงเวลาที่จะต้องตื่นสำหลับเช้าวันใหม่ของผม ฮ่าๆๆ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแง่มๆตาดู พร้อมกดปุ่มหยุดทีทัน แล้วนอนต่อ ฮ่าๆๆ ผมรู้ว่าใครๆก็เคยทำแบบนี้ แม้จะเป็นเวลาตื่นสำหรับวันสบายๆนี้ แต่ด้วยความขี้เซาผมจึงทำใจไม่ได้จริงๆที่จะตื่น ...ตื้ด ตื๊ด ตืด ตือ ตื่อ ตืด ตื้ด เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นมาอีกรอบ เป็นสัญญาณนาฬิกาปลุกที่ผ่านมาแล้ว 5 นาที ผมทำอย่างเดิมครับ กดหยุดแล้วนอนต่อ เป็นครั้งที่สองของเสียงนาฬิกาปลุก ทำให้ผมแม้จะนอนต่อแต่ก็กึ่งตื่นๆอยู่บ้าง ผ่านไปไม่ถึงนาทีโทรศัพท์ก็มีเสียงขึ้นอีก เป็นเสียงเดิมคุ้นหู ตื้ด ตื๊ด ตืด ตือ ตื่อ ตืด ตื้ด ผมหยิบมันขึ้นมาอีกรอบพร้อมง้างมือพร้อมจะกดหยุด แต่หน้าจอไม่ใช่แจ้งเตือนนาฬิกาปลุกสิครับ เป็นภาพกำลังมีคนโทรเข้ามา และไม่ใช่ใครที่ไหน คือ เอมเพื่อนร๊ากกกก !!! หึหึ "โหลลล มีอะไร" "ตื่นยัง" ผมคิดในใจ กูคงฝันคุยกับอยู่มั้ง "ตื่นแล้วคงไม่ทำเสียงแบบนี้อ่ะ"
"กูก็พึ่งตื่น กูมีเรื่องจะบอก เรามีงานเข้า" เสียงมันสดใสราวกับว่าตื่นมานาน
"งานไรวะ" ผมกำลังแปลงใจว่าทำไมต้องพูดคำว่าเรา
"พิธีกร วันไหว้ครูจ้า ทำที่คณะ พรุ่งนี้บ่างโมง" "ห๊าาาา" ภาพวีรกรรมของพวกเราวันปฐมนิเทศลอยเข้าในหัวทันทีที่ได้ยิน ผมทั้งดีใจที่จะได้ทำหน้าที่นี้อีกรอบ และทั้งอายกับวีรกรรม กลัวจะซ้ำรอย
"ชุดอะไร" "ชุดนักศึกษาสิ แต่ตอนค่ำๆเราต้องเข้าไปซ้อมนะเพื่อน เราจะต้องไม่เป็นแบบวันนี้นนะ ฮ่าๆๆๆ" พวกเราขำขึ้นโดยไม่ต้องนัดกัน ขำให้กับเรื่องตลกๆที่สร้างขึ้นมาด้วยกันเอง
พอพูดคุยกันรู้เรื่อง ผมก็ไปเจอมันที่คณะประมาณ 4 โมงเย็น เพื่อทำการซักซ้อมพิธีกัน บอกไว้เลยว่า พวกเราจะมาแก้มือแน่นนอนในงานนี้ พอเลิกซ้อมเสร็จพวกเราก็พากันไปกินข้าวอยู่หลังมอครับ คุยกันเฮฮาเรื่อยเปื่อย และก็เอาสคริปมาอ่านบทกันบ้างเล็กน้อย เสร็จแล้วพวกเราก็แยกย้ายกันกลับหอครับ
คืนนี้ผมเอาสคริปมาอ่านชื่อ คณาจารย์ และมั่งใจว่ายังไงก็ไม่มีพลาดแน่นอน ฮ่าๆ ไม่จริง >< แต่งานไหว้ครูพรุ่งนี้ไม่ได้มีแค่ครู ที่พิธีกรจะต้องอ่านชื่อ แต่ยังมี นักศึกษา ที่ต้องรับรางวัล ทั้งรงวัลเรียนดี กิจรรมเด่น ป.ตรี พี่ป.โท พี่ป.เอกอีก บอกเลยกดดันสุดๆ ซ้อมพูดชื่อจนเหนื่อยถึงเวลาที่ผมต้องนอนเอาแรงเพื่องานพรุ่งนี้ซะแล้ว
เช้าแล้ว เช้าของวันนี้อาจจะสายไป เพราะเวลาก็ประมาณ 5 โมงเช้าแล้ว อรุณสวัสดิ์วันใหม่ เป็นวันพฤหัสบดีที่มงคลในสัปดาห์ที่ 2 ของการเปิดภาคเรียน ผมหยิงโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คหน้าฟีต เห็นเพื่อนๆ น้องๆโพสต์ดีใจกับ รางวัลชนะเลิศ กับการประกวดพานไหว้ครูในมหาวิทยาลัย ได้ทั้งคู่ทั้งพานธูปเทียน และพานดอกไม้ (ขอชื่นชมคนทำจริงๆ) ถือว่าเป็นข่าวดีแรก สำหรับวันนี้
ใกล้เวลาพิธีแล้ว หลังจากที่ผมและเอม แต่งตัวเสร็จก็มารอเตียมตัวขึ้นข้างเวที เราทั้งสองซ้อมอ่านชื่ออย่างคล่องแคล่ว ไม่มีพลาด จนสเตจมาแจ้งว่าถึงเวลาที่ขึ้นเวทีแล้ว พวกเราก็ให้กำลังใจกันและกันครับ แหม๋ๆๆ มีทำซึ้งกันด้วย ฮ่าๆๆ "สู้ๆ ด้นสดคำสวยๆไว้ก่อน ฮ่าๆ" ผมบอกมันก่อนที่พวกเราจะก้าวขึนเวที และกลายเป็นว่าภาพที่อยู่ตตรงหน้าพวกเราสองคน มีรุ่นพี่ รุ่นน้องทุกชึ้นปี รวมถึงพี่ป.โท พี่ป.เอกด้วยในหอศิลป์ใหญ่ของคณะเรา วันนั้นเป็นวันที่ผมเป็นพิธีกรคณะครั้งที่ 2 และคนเยอะครั้งแรกมาก หลังจะที่เราได้พูดเกริ่นๆเข้าพิธีการไปพักหนึ่งแล้ว ก็ถึงเข้าช่วงพิธีการที่นักศึกษาจะต้องนำพาน ที่แต่ละชั้นปีทำขึ้นมาเพื่อมาไหว้อาจารย์บนเวที หนึ่งในพานที่ตั้งอยู่หน้าเวทีที่รอตัวแทนมาถือขึ้นไปนั้น คือพานที่ได้รางวัลชนะเลิศเลิศมาเมื่อเช้านี้เอง มันสวยมากๆ ไม่ค้านสายยตาเลยที่ได้ราวัลมา
ผมไม่รู้ว่าวันนี้เองผมจะได้เจอคนๆหนึ่ง คนที่จะกลายมาเป็นคนที่ผมกล้าที่อยากกอดเขาจริงๆ เมื่อถึงเวลาที่เอมประกาศว่า "โอกาสนี้ขอเชิญตัวแทนนักศึกษา ชั้นปีที่ 1 เชิญพานธูปเทียน พานดอกไม้ไหว้คณาจารย์บนเวทีค่ะ เชิญค่ะ" สิ้นเสียงหวานๆของเพื่อนผมแล้ว ก็มีน้องปี 1 ชายหญิงคู่หนึ่ง หน้าตาดีทั้งคู่เดินมา ยกพานที่ได้รางวัลเมื่อเช้า ผ่านหน้าพวกเราของคนไป วินาทีนั้น สายตาของผมและเอม ไม่ได้มองพานอันสวยงามนั้น แต่กลับมองไปที่ใบหน้าของน้องผู้ชายที่ยกพานผ่านเราไปแทน ฮ่าๆๆๆ น้องสูงประมาณ 172 หุ่งกำลังพอดี ไม่ผอมมาก ขาว ดัดฟัน ใส่ชุดนักศึกษาถูกระเบียบเด๊ะ มองเผินๆไม่เหมือนเรียนที่คณะนี้ ฮ่าๆๆ ให้เดาว่าคงไปถือเมื่อเข้ามาแน่ๆ
วินาทีนั้น ผมและเอมหันหน้ามองกัน อย่างพร้อมเพรียง !!! ทำสีหน้าเหมือนเจอของดีเข้าให้
"เห็นอย่าที่กูเห็นมั๊ย" เสียงกระซิ๊บของเพื่อนเอมลอยเข้าหูอย่างชัดเจน
"กูกำลังมองอยู่ ฮ่าๆๆ" "คณะเรามีหน้าตาแบบนี้ด้วยหรอ"
"นั่นดิ" เราสองคนยิ้มให้กับแบบมีนัย ว่างานนี้ไม่ใครก็ใคร ฮ่าๆๆๆ ก่อนที่เราจะดึงสติกลับมาทำหน้าที่พิธีกรต่อ และนี่เองก็เป็นการเจอ คนที่ผมกำลังจะเล่าถึงครั้งแรก และการเจอกันครั้งนี้ไม่มีอะไรนอกจากจดจำว่า น้องเป็นคนที่ถือพานไหว้ครูที่เจออยู่ในหอศิลป์ใหญ่คณะเรานี่เอง
+++เดี๋ยวมาต่อ EP. 2 นะยู ^^