To live a digital life ใช้ชีวิตอย่างไรในยุค Digital อีก 20 ปีข้างหน้า

ในปัจจุบันนี้ เทคโนโลยีที่ได้นำพามนุษย์เราก้าวสู่สังคมดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ กับชีวิตประจำวันที่จะต้องวนเวียนกับการพึ่งพาอุปกรณ์ไฮเทคเพื่อเข้าถึงโลกออนไลน์ เช่น smart phone เพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะ คุยกับเพื่อนกับแฟน ติดตามข่าวสาร หรือ ทำธุรกิจ.

ผมคิดว่า เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นสอดคล้องกับกิจกรรมประจำวันของพวกเรา ซึ่งมันก็อาจจะมีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป. เริ่มที่เรื่องใกล้ตัวก่อนแล้วกัน เรื่องการเรียนเมื่อพูดถึงการเรียนแล้ว คนส่วนใหญ่ก็น่าจะนึกถึง การอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ ซึ่งนี่แหละ เทคโลยีน่าจะมีบทมากกับแวดวงในอย่างมากในอนาคต ในอีก 20 ปี ข้างหน้า เราอาจะไม่ได้ใช้กระดาษเขียนหนังสือ การอ่านหนังสือ อาจจะถูกแทนที่โดย E-Book ซึ่งอ่านได้ใน TABLET เมื่อคนนิยมเสพสื่อหาความรู้ผ่านโลกออนไลน์ที่ทำได้ทุกที่ทุกเวลา ห้องสมุดก็คงไม่จำเป็นอีกต่อไป.

ต่อเนื่องจากข้างบน นอกเหนือจาก การอ่านหนังสือใน E-Book และ TABLET แล้ว หลายๆคนคงรู้จักคำว่า Post-it ใช่ไหมครับ, สิ่งที่ผมคิดว่าการใช้ชีวิตที่สะดวกและง่ายขึ้นในเรื่องของการทำ short note คือ กระดาษโน๊ตอิเล็กทรอนกส์ (e-pepper) เป็นอุปกรณ์ที่สามารถทำหน้าที่แทน Post-it ได้ครับ ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงการวิจัยจาก Microsoft.

ต่อมาเป็นเรื่องของ Cloud computing นะครับ ถึงแม้ว่า การเก็บข้อมูลผ่าน Drive online จะเป็นที่นิยมในระดับหนึ่ง แต่ก็มีกลุ่มคนบ้างกลุ่มเช่น baybebomber ยังขาดความรู้ความเข้าใจและวิธีการใช้งานของระบบนี้ ผมมั่นใจว่า ระบบ clound computing จะเป็นที่นิยมมากขึ้นในอนาคตแน่นอน เราจะสามารถแชร์ไฟล์ทำงาน หรือ เปิดงานได้ทุกที่แค่มี internet

เรื่องการสื่อสาร, เหมือนหยิบของวิเศษโดเรมอนเอามาอยู่ในชีวิตจริง เดี๋ยวนี้ถ้าเราจะแปลภาษาอะไรก็ใช้ google translate ภาษาจะไม่เป็นกำแพงของชีวิตอีกต่อไป ถ้าอีก 20 ปีข้างหน้า เครื่องแปลภาษาที่ สามารถพกพาได้ ราคาเป็นมิตร ชีวิตทางด้านการทำงาน การท่องเทียว หรือ ทางด้านการเรียนของเราจะง่ายขึ้นเยอะครับ

มาพูดถึงเรื่อง transportation บ้างดีกว่าเนอะครับ; รถที่ไม่มีคนขับเห็นอยู่ทั่วไปในหนัง แต่ในอีก 20 ปีข้างหน้า มันอาจจะไม่ได้มีแค่ในหนังนะครับ รวมถึงรถที่ ลอยได้ จากการวิจัยของ ทีมนักฟิสิกส์แห่งเกาะอังกฤษ ได้ค้นพบ “การลอยได้” โดยใช้ “แรงแคสิเมียร์” (Casimir force) ซึ่งเป็นแรงที่ทำให้วัตถุติดกันด้วยแรงควอนตัม แต่พวกเขาได้ฝ่ากฎโดยทำให้วัตถุแยกจากกันแทน

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าเทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน โดยภาพรวมแล้ว มันจะทำให้ชีวิตของเราสะดวกสะบายขึ้นมากกว่าที่จะทำให้แย่ลง เทคโลยีแต่ละอันเพิ่มความสามารถของตนเองไปเรือยๆตามแต่ละชนิด เช่น โทรศัพท์มือถือธรรมดาอัพเกรดตัวเองมาเป็น smartphone แต่ความสามารถหลักก็ยังคงเน้นโทรได้อยู่ นาฬิกาข้อมือธรรมดา อัพเกรดตัวเองเป็น smart watch แต่ความสามารถหลักก็ยังเน้นดูเวลาได้อยู่. ในฐานนะที่เป็นผู้บริโภค เราหน้าที่ของเราก็แค่ ปรับ ถ้าใช้เป็นชีวิตเราจะสะดวกขึ้นตามที่เทคโลยีต้องการ.

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่