พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจันทรเกษม
มาอยุธยาเป็นสิบรอบ เพราะชอบเป็นการส่วนตัว มาพักผ่อนดูน้ำไหลไปเรื่อย (ที่พักเราอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา) ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยาที่ขึ้นชื่อในการดูเครื่องทองทั้งหลาย ซึ่งเราไปมาหลายรอบแล้ว (เป็นคนบ้า ชอบดูซ้ำแล้วซ้ำอีก) มาคราวนี้ขอไปที่ใหม่บ้างที่ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจันทรเกษม”
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจันทรเกษม ตั้งอยู่บนถนนอู่ทอง ริมแม่น้ำป่าสัก ดูจากแผนที่ตัวพิพิธภัณฑ์ด้านทิศเหนือเบี่ยงไปทางตะวันออกหน่อยๆ เปิดให้เข้าชมวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท แต่ช่วงนี้เข้าฟรี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2560
ความรู้สึกแรกที่เข้ามาเลยคือ สะอาด เงียบมาก นักท่องเที่ยวแวะมาน้อยมาก มีเด็กน้อยนักเรียนใส่ชุดพละมาเก็บกวาดใบไม้ ดูแล้วน่ารักดี อ่านประวัติจากโบรชัวร์เล่าว่าที่นี่เป็นที่ประทับของเจ้านายชั้นสูงตั้งแต่สมัยอยุธยาเรื่อยมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์เล่าให้ฟังว่ารัชกาลที่ 4 มาประทับในยามเสด็จประพาสเมืองอยุธยา เพื่อมาว่าราชการทางหัวเมือง เจ้าหน้าที่บอกว่าเสด็จมาประทับแต่ละครั้งก็เป็นเดือนเหมือนกัน ที่นี่แม้จะมีมายาวนาน แต่สิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่ถูกปรับปรุงสร้างขึ้นใหม่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 เพราะมีบางช่วงที่วังแห่งนี้ถูกเพลิงไหม้ และโดนทำลายไปในช่วงเสียกรุงครั้งที่ 2
พลับพลาจัตุรมุข
ที่แรกที่เข้าไปเป็น
“พลับพลาจัตุรมุข” ในรัชกาลที่ 4 ด้านหน้าเป็นท้องพระโรงใช้ออกว่าราชการ กลางท้องพระโรงประดับด้วยนพปฎลมหาเศวตฉัตรเก้าชั้นบนเพดาน มรพระราชอาสน์ด้วย และมีพระบรมรูปรัชกาลที่ 4 และ 5 เราคนไทยเลยก้มลงกราบท่านก่อน ส่วนด้านหลังใช้เป็นที่ประทับมีการจัดแสดงของใช้ส่วนพระองค์ในรัชกาลที่ 4 มีพระแท่น เตียง ฟูกนอน เครื่องใช้ในห้องน้ำ กระจก ดูได้ตามภาพเลย
ท้องพระโรง
พลับพลาจัตุรมุขเป็นอาคารจัตุรมุข 2 หลังเชื่อมต่อกัน ซึ่งรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใหม่เพื่อใช้เป็นท้องพระโรงออกว่าราชการด้านหน้าส่วนด้านหลังใช้เป็นที่ประทับยามเสด็จประพาสอยุธยา กลางท้องพระโรงจึงทอดพระราชอาสน์ของรัชกาลที่ 4 ไว้ตรงกลางประดับด้วยนพปฎลมหาเศวตฉัตรเก้าชั้นบนเพดาน ซึ่งจัดแสดงเครื่องใช้ส่วนพระองค์ต่างๆ เรียกว่า อยุธยาพิพิธภัณฑสถาน เช่น กระโถนท้องพระโรง 1 คู่ กลองมโหระทึก 1 คู่กรอบไม้ซึ่งเป็นกระจกเงาบานใหญ่แกะสลักลวดลายพรรณพฤกษาแบบศิลปะอิมพีเรียล พระแท่น เตียงไม้ขนาดใหญ่ชุดเฟอร์นิเจอร์ไม้มะเกลือพนักลายหินแบบจีน ห้องด้านขวาจัดแสดงพระพุทธรูป เช่น พระพุทธรูปหินทรายปางนาคปรก ศิลปะขอม ส่วนห้องด้านขวาเป็นเครื่องใช้ห้องน้ำแบบฝรั่ง
[CR] พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจันทรเกษม
มาอยุธยาเป็นสิบรอบ เพราะชอบเป็นการส่วนตัว มาพักผ่อนดูน้ำไหลไปเรื่อย (ที่พักเราอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา) ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยาที่ขึ้นชื่อในการดูเครื่องทองทั้งหลาย ซึ่งเราไปมาหลายรอบแล้ว (เป็นคนบ้า ชอบดูซ้ำแล้วซ้ำอีก) มาคราวนี้ขอไปที่ใหม่บ้างที่ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจันทรเกษม”
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจันทรเกษม ตั้งอยู่บนถนนอู่ทอง ริมแม่น้ำป่าสัก ดูจากแผนที่ตัวพิพิธภัณฑ์ด้านทิศเหนือเบี่ยงไปทางตะวันออกหน่อยๆ เปิดให้เข้าชมวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท แต่ช่วงนี้เข้าฟรี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2560
ความรู้สึกแรกที่เข้ามาเลยคือ สะอาด เงียบมาก นักท่องเที่ยวแวะมาน้อยมาก มีเด็กน้อยนักเรียนใส่ชุดพละมาเก็บกวาดใบไม้ ดูแล้วน่ารักดี อ่านประวัติจากโบรชัวร์เล่าว่าที่นี่เป็นที่ประทับของเจ้านายชั้นสูงตั้งแต่สมัยอยุธยาเรื่อยมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์เล่าให้ฟังว่ารัชกาลที่ 4 มาประทับในยามเสด็จประพาสเมืองอยุธยา เพื่อมาว่าราชการทางหัวเมือง เจ้าหน้าที่บอกว่าเสด็จมาประทับแต่ละครั้งก็เป็นเดือนเหมือนกัน ที่นี่แม้จะมีมายาวนาน แต่สิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่ถูกปรับปรุงสร้างขึ้นใหม่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 เพราะมีบางช่วงที่วังแห่งนี้ถูกเพลิงไหม้ และโดนทำลายไปในช่วงเสียกรุงครั้งที่ 2
ที่แรกที่เข้าไปเป็น “พลับพลาจัตุรมุข” ในรัชกาลที่ 4 ด้านหน้าเป็นท้องพระโรงใช้ออกว่าราชการ กลางท้องพระโรงประดับด้วยนพปฎลมหาเศวตฉัตรเก้าชั้นบนเพดาน มรพระราชอาสน์ด้วย และมีพระบรมรูปรัชกาลที่ 4 และ 5 เราคนไทยเลยก้มลงกราบท่านก่อน ส่วนด้านหลังใช้เป็นที่ประทับมีการจัดแสดงของใช้ส่วนพระองค์ในรัชกาลที่ 4 มีพระแท่น เตียง ฟูกนอน เครื่องใช้ในห้องน้ำ กระจก ดูได้ตามภาพเลย
พลับพลาจัตุรมุขเป็นอาคารจัตุรมุข 2 หลังเชื่อมต่อกัน ซึ่งรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใหม่เพื่อใช้เป็นท้องพระโรงออกว่าราชการด้านหน้าส่วนด้านหลังใช้เป็นที่ประทับยามเสด็จประพาสอยุธยา กลางท้องพระโรงจึงทอดพระราชอาสน์ของรัชกาลที่ 4 ไว้ตรงกลางประดับด้วยนพปฎลมหาเศวตฉัตรเก้าชั้นบนเพดาน ซึ่งจัดแสดงเครื่องใช้ส่วนพระองค์ต่างๆ เรียกว่า อยุธยาพิพิธภัณฑสถาน เช่น กระโถนท้องพระโรง 1 คู่ กลองมโหระทึก 1 คู่กรอบไม้ซึ่งเป็นกระจกเงาบานใหญ่แกะสลักลวดลายพรรณพฤกษาแบบศิลปะอิมพีเรียล พระแท่น เตียงไม้ขนาดใหญ่ชุดเฟอร์นิเจอร์ไม้มะเกลือพนักลายหินแบบจีน ห้องด้านขวาจัดแสดงพระพุทธรูป เช่น พระพุทธรูปหินทรายปางนาคปรก ศิลปะขอม ส่วนห้องด้านขวาเป็นเครื่องใช้ห้องน้ำแบบฝรั่ง