สวัสดีค่ะ
ปัญหาชีวิตครอบครัว เชื่อว่ามีกันทุกบ้านค่ะ เราเองก็เช่นกัน
เราผิด และ พลาดเอง ที่มองคนเพียงสั้นๆ แต่ยังไงก็ยังเชื่อว่า ท้ายที่สุดชีวิตจริงของคนทั้งคู่ ถ้าไปด้วยกันได้ ก็คือได้ แต่ ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ต้องแยกกันไป
ไม่ว่าจะใช้เวลาคบกัน หรือ ดูใจกันมายาวนานแค่ไหนก็ตาม เหมือ ดาราหลาย ๆ คู่ที่คบกันมานานก็ยังเลิกกัน คบกันไม่เกี่เดือนก็แต่งงาน มีลูกครองคู่กันได้
เราเองก็เช่นกัน ด้วยที่คบกับพ่อของลูกไม่นาน ปีกว่า ก็แต่งงานกัน เนื่องจากมีน้อง ซึ่งทางฝ่ายชายเองก็เคยบอกไว้ "ถ้าไม่ท้อง ก็ไม่แต่ง"
ระหว่างที่รู้ตัวว่ามีน้อง ช่วงท้องอ่อนๆ ยังทำงานอยู่ กทม. ซึ่งตอนนั้น พ่อของลูกเรา ของเรียกว่า ("แฟน" ก่อนนะค่ะ) ก็ได้มาทำงานที่ กทม. ย้ายมาอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน เกิดทะเลาะกัน ซึ่งปกติแล้ว เราเวลาทะเลาะกับคนรัก พยายามจะใจเย็น พูดด้วยเหตุผล หากเริ่มมีอารมณ์เราจะเริ่มเดินหนี เพราะเราเชื่อว่า การทะเลาะกัน หากทั้ง 2 ฝ่าย ร้อน ด้วยกันทั้งคู่ จะมีแต่คำพูดที่ไม่ดี ว่าร้าย ใส่อารมณ์ ต่อกัน ซึ่ง จะทำให้คู่ตัวเองเกิดความรู้สึกในด้านลบ ลงไปเรื่อยๆ ดังนั้น พยายามออกห่าง หาก รู้ตัวว่าเริ่มมีอารมณ์แล้ว ซึ่ง เราเองก็เคยบอกกับ แฟนเรา ไว้ก่อนแล้วว่าเราเป็นแบบนี้
การทะเลาะกันครั้งนี้ เค้าหอบเสื้อผ้าออกจากที่พักเวลากลางดึก (ไม่แน่ใจ เที่ยงคืนป่าว) เราเองก็พยายามโทร รอ ให้เค้ากลับมา แต่ก็ไม่ ด้วยความที่รู้จักนิสัยเค้า คือ ตัวเค้าจะเป็นฝ่ายถูกเสมอ ไม่ผิด เค้าดีที่สุด เราเลยตัดสินใจลงมาจากที่พักไปดูที่รถ ซึ่ง เค้าก็อยู่ในรถจริงๆ กำลังเล่นโทรศัพท์ ไม่แน่ใจว่ากำลังคัยกับใคร หือ พยายามติดต่อใครรึป่าว หรือ เล่นเน็ตเฉยๆ และเราเองก็พยายามอธิบายด้วยเหตุผล ง้อ ให้เค้ากลับขึ้นห้องก่อน เช้า ค่อยว่ากันว่าจะเอาไง ซึ่งเค้าว่าจะไปหาที่อยู่ที่ใหม่ (เราก็เฉยนะ) ดูทีท่าก่อน สรุป เค้าเต้นอยู่ 2 วันก็นิ่งไป
หลังจากนั้นไม่นานก็กลับมาอยู้ จว. เดิม (สรุป มีน้องจริงๆ) ระหว่างที่รู้ตัวว่าท้อง จึงวางแผนแต่งงาน ระหว่างเตรียมงาน มีอุปสรรคมากมายเกิดขึ้น เพราะต้องแข่งกับเวลา ฤกษแต่งงาน ที่มีเวลาเตรียมงานเพียง 2 เดือน(ถ้าจำไม่ผิด) เราพยายามประหยัดงบ เหมือนกับทุกคู่ สืบราคา ติดต่อ รอเฟิร์ม กับหลายๆ ที่ ซึ่งสรุปว่า จะเอากับทางเพื่อนเค้า คือ ได้ในราคาที่ถูกกว่าเจ้าอื่นหน่อย ทุกกันทุกอย่างเวลาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ด้วยความที่เราค่อนข้างที่จะวางแผนล่วงหน้า และ มักจะเช็ค เฟิร์ม เก็บ รายละเอียดเสมอกับงานที่ทำ งานแต่งก็เช่นกัน ให้คุณแฟนนัดกับเพื่อนเพื่อเฟิร์มรายละเอียด ได้ตามที่คุยมั้ย เพื่อวางเงินมัดจำกัน สรุปนัดกัน พอถึงเวลาจริง เพื่อนเค้ากลับเดินทางไปเที่ยวต่าง จว. สะงั้น (ดูท่า ราคาคุย) สรุป คือต้องมานั่งหา ติดต่อ เองใหม่ทั้งหมด เราเองก็ว่าแฟนไป มัวแต่ชะล่าใจ นิ่ง สุดท้ายก็เป็นแบบนี้ ดี...ที่เราย้ำ กำชับกับแฟน ไม่งั้น ไม่รู้นะว่าที่คุยไว้ไม่เป็นจริงเลย การหาใหม่ทั้งหมดมีเวลาแค่เกือบ 2 สัปดาห์ ทุกอย่างผ่านหมด ยกเว้น เรื่องซุ้มแต่งงาน ซึ่งแฟนเค้าว่า เค้ากับเพื่อนจะทำเอง
ระหว่างที่ตั้งท้องอ่อน เรากลับมาอยู่ที่คอนโดเรา ส่วนแฟน ทำงาน กทม. หยุด เสาร์-อาทิตย์ แต่เรา หยุด อาทิตย์ เท่านั้น
ขับรถไปทำงานเอง ส่วนหาหมหอตามนัด แฟนเราจะขับไปส่งเพื่อฟังผลการตรวจด้วยกัน วันหนึ่ง ระหว่างเดินทางไปหาหมอ เราก็คุยกับคร่าวๆ สรุปว่า ลูกจะให้ใครเลี้ยง ซึ่งแม่เค้า ขอเรียกว่า (แม่ย่า) อยู่บ้านคนเดียว เหงา อยากมีหลาน อยากเลี้ยง จะขอเลี้ยงเอง เราเองก็โอเค แต่ ด้วยความที่เห็นแม่เค้าเป็นคนใจดีมาก มากเกิน เราจึงคุยกับแฟนเราว่า ถ้าเลี้ยงหลานตามใจจะให้ไปยู่กับตานะ เพราะ ตา เป็นอดีต ผอ. เกษียร อยู่บ้าน ซึ่งเป็นครูมาก่อน อย่างน้อยก็ฝึก หัด วินัยกัน (ขู่นิดๆ) แฟนเรา พูดขึ้นมาว่า "พ่อแกดีนักหรอ ดูเลี้ยงลูกมาแต่ละคนซิ" (ขอท้าวความก่อน) ระหว่างที่คบกัน ครอบครัวพี่สาวเรามีปัญหา เลิกกัน ซึ่งพี่สาวเราเป็นฝ่ายผิดก่อนไปมีคนอื่น (แต่หากถามปัญหาจริงๆ ลึกๆ เชื่อว่า ขึ้นชื่อว่าภรรยา ก็ย่อมอดทนถึงที่สุดแล้ว) เราก็นึกในใจ เอ๊ะ!! ยังไง เรื่องของครอบครัวใครก็เป็นเรื่องของเค้า ทำไมมาโยงกัน และทำไมต้องมาว่าบุพการีเรา?? (ดูท่าไม่ค่อยจะดีและ) เลยกะว่า ขอดูแฟนไปอีกหน่อย หากไม่ดี อาจจะไม่แต่ง หรืออะไรก็ว่ากันไป ช่วงวันหยุด เย็นวันศุกร์ เค้าจะกลับจาก กทม. มาค้างคอนโดเรา พอเย็นวันเสาร์เราเลิกงานก็เดินทางไปบ้านเค้า ซึ่งมีแม่ กับพี่สาวเค้าอยู่ที่นั่น หน้าที่เราคือซักเสื้อผ้าเรา และ เสื้อผ้าเค้า ที่หอบมาจาก กทม. ทุกสัปดาห์ ด้วยแฟนเราเป็นคนชอบดื่มมาก....... ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่การดื่มจะต้องมีของกินเยอะหน่อย วันนั้น แฟน ใจดีแวะ แม็คแวลู่ ซื้อแซลมอลมาฝาก ซึ่งเราก็บอกว่า ถ้าสดก็เอา ไม่สด ไม่เอานะ (เรื่องของเรื่องแวะซื้อเครื่องดื่ม) แต่ยังนึกถึงเราด้วย ระหว่างที่กิน เค้าก็เรียกเรากิน ซึ่งเค้าเองก็กินไปก่อน 1 ชิ้น พอเรากินไป 1 ชิ้น ปรากฎว่ามันไม่ค่อยสด ประกอบกับชิ้นหนา ซึ่งเราไม่ชอบ กินและตะดึ๋ยๆ เลยพอแค่นั้น เมื่อน้ำเมาเค้าที่ แฟนเราก็ออกฤทธิ์ บ่น ว่า โวยวายใส่เรา เราซื้อมาให้ หาให้กินแล้วยังไม่กิน เรื่องมาก งั้นงี้ และเตะโต๊ะที่วางจานแซลมอล สรุปคือโดนจาน บังคับให้เรากินให้หมด แต่เราก็ยินยันว่าไม่กิน อารมณ์เค้าก็ร้อนแรงขึ้น เราเห็นแล้วคือเครียดอ่ะ เลยว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อ จะกลับไปนอนคอนโด ซึ่งตอนนั้นประมาณ 4 ทุ่มกว่า และเราก็ท้องแก่มากและ แทนที่เค้าจะนิ่งหรือลดลง กลับยิ่งกว่าเดิม เราเลยจัดสินใจหยิบกุญแจจะกลับคอนโด เค้ามาฉุดกระชาก ลากถูกเรา จนล้ม เข้าถลอกได้แผลนิดหน่อย ระหว่างนั้น แม่เค้าก็เข้ามาห้ามลูกชาย และขอร้องให้เรานอนที่นั่นเพื่อให้ทุกอย่างจบ แต่ลูกชายเค้าก็ฟ้องแม่ ว่า เราอย่างั้น อย่างงี้ สรุป เลยนอนนั่นเพื่อให้จบ (เราเองก็นึกในใจ นี่ขนาดเราท้องแก่ ยังแบบนี้เลย อนาคต เราจะเป็นยังไงต่อ??)
ระหว่างนั้น ก็พยายามให้โอากสแฟน มีหลายเรื่องที่ดูไม่เข้าท่า พูดจา แสดง กิริยาวาจาไม่ดี ซึ่งเราเอง ปกติ เป็นคนเปิดเผย ชอบ หรือไม่ชอบ คิด อ่าน อะไรจะบอกแฟนให้เค้ารู้ ทราบ หมด และเป็นคนที่แสดงทีท่าให้เห็นชัดเจนตลอด ซึ่งเค้าเองก็รู้ เราพยายามถามแฟนเราว่า วันคลอดจะเข้าห้องคลอดมั้ย คือ วางแผนว่าคลอดเอง ไม่ผ่า ซึ่งเค้าก็ยืนยันตลอดว่า ไม่เข้า คงเพราะเค้าขี้กลัวมั้ง จนวันคลอดมาถึง นาทีที่ขอคำยืนยันจากเค้าว่า เข้า หรือ ไม่เข้า (เรื่องของเรื่อง คือ อยากให้เค้าได้เห็นว่า เราที่เป็นภรรยาเค้า อุ้มท้องลูกเค้า กว่าจะคลอดลูกเหนื่อย เจ็บปวด ลำบากแค่ไหน ให้เค้าได้เห็น ได้รู้ เพื่อที่จะ รักเรา และ ลูก ให้มาก) เพราะเท่าที่ดูที่เห็น ณ ตอนนั้น เค้ารักตัวเอง เอง ครอบครัวทางบ้านเค้าเท่านั้น โดยฉะเพาะแม่ย่า ซึ่งไม่มีใครดีเกินไปจากนี้
ช่วงที่คลอด คชจ. ตา(พ่อเรา) ช่วยค่าคลอดมา 20,000 บาท ซึ่งเค้าเองมีเงินไม่พอ บอกกับเราว่า ขอยืมพ่อเราก่อนเดี๋ยวคืนให้ถ้ามี แต่พ่อเราตั้งใจให้เลย คือ ช่วย วันแต่งงาน พ่อเราไม่เอาสินสอดสักบาท ให้เงินลูกไปทำทุน ซึ่งทางเราเองก็ไม่มีทั้งคู่ วางแผนกันว่า แหวนเพชรเรา เราหาเอง ทอง เราหาเอง เงินวางแฟนเราหา (เพื่อวางเท่านั้น) แหวนเพชรเค้า เราหาซท้อแฟนเราจ่าย สรุป พ่อ แม่ เราคืนทุกอย่าง แถมยังใส่ซองช่วยงานตอนเช้า และตอนกลางคืนอีก รวม 2 ซอง (สุดยอดเลย พ่อเรา)
พ่อของลูกทำทีมาง้อขอคืนดี แต่ไม่เคารพบุพการีเรา เจอไม่ทัก ไม่ไหว้ พยายามหลบไม่สู้หน้า ถ้าเป็นท่านสมาชิกจะคืนดีมั้ยค่ะ?
ปัญหาชีวิตครอบครัว เชื่อว่ามีกันทุกบ้านค่ะ เราเองก็เช่นกัน
เราผิด และ พลาดเอง ที่มองคนเพียงสั้นๆ แต่ยังไงก็ยังเชื่อว่า ท้ายที่สุดชีวิตจริงของคนทั้งคู่ ถ้าไปด้วยกันได้ ก็คือได้ แต่ ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ต้องแยกกันไป
ไม่ว่าจะใช้เวลาคบกัน หรือ ดูใจกันมายาวนานแค่ไหนก็ตาม เหมือ ดาราหลาย ๆ คู่ที่คบกันมานานก็ยังเลิกกัน คบกันไม่เกี่เดือนก็แต่งงาน มีลูกครองคู่กันได้
เราเองก็เช่นกัน ด้วยที่คบกับพ่อของลูกไม่นาน ปีกว่า ก็แต่งงานกัน เนื่องจากมีน้อง ซึ่งทางฝ่ายชายเองก็เคยบอกไว้ "ถ้าไม่ท้อง ก็ไม่แต่ง"
ระหว่างที่รู้ตัวว่ามีน้อง ช่วงท้องอ่อนๆ ยังทำงานอยู่ กทม. ซึ่งตอนนั้น พ่อของลูกเรา ของเรียกว่า ("แฟน" ก่อนนะค่ะ) ก็ได้มาทำงานที่ กทม. ย้ายมาอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน เกิดทะเลาะกัน ซึ่งปกติแล้ว เราเวลาทะเลาะกับคนรัก พยายามจะใจเย็น พูดด้วยเหตุผล หากเริ่มมีอารมณ์เราจะเริ่มเดินหนี เพราะเราเชื่อว่า การทะเลาะกัน หากทั้ง 2 ฝ่าย ร้อน ด้วยกันทั้งคู่ จะมีแต่คำพูดที่ไม่ดี ว่าร้าย ใส่อารมณ์ ต่อกัน ซึ่ง จะทำให้คู่ตัวเองเกิดความรู้สึกในด้านลบ ลงไปเรื่อยๆ ดังนั้น พยายามออกห่าง หาก รู้ตัวว่าเริ่มมีอารมณ์แล้ว ซึ่ง เราเองก็เคยบอกกับ แฟนเรา ไว้ก่อนแล้วว่าเราเป็นแบบนี้
การทะเลาะกันครั้งนี้ เค้าหอบเสื้อผ้าออกจากที่พักเวลากลางดึก (ไม่แน่ใจ เที่ยงคืนป่าว) เราเองก็พยายามโทร รอ ให้เค้ากลับมา แต่ก็ไม่ ด้วยความที่รู้จักนิสัยเค้า คือ ตัวเค้าจะเป็นฝ่ายถูกเสมอ ไม่ผิด เค้าดีที่สุด เราเลยตัดสินใจลงมาจากที่พักไปดูที่รถ ซึ่ง เค้าก็อยู่ในรถจริงๆ กำลังเล่นโทรศัพท์ ไม่แน่ใจว่ากำลังคัยกับใคร หือ พยายามติดต่อใครรึป่าว หรือ เล่นเน็ตเฉยๆ และเราเองก็พยายามอธิบายด้วยเหตุผล ง้อ ให้เค้ากลับขึ้นห้องก่อน เช้า ค่อยว่ากันว่าจะเอาไง ซึ่งเค้าว่าจะไปหาที่อยู่ที่ใหม่ (เราก็เฉยนะ) ดูทีท่าก่อน สรุป เค้าเต้นอยู่ 2 วันก็นิ่งไป
หลังจากนั้นไม่นานก็กลับมาอยู้ จว. เดิม (สรุป มีน้องจริงๆ) ระหว่างที่รู้ตัวว่าท้อง จึงวางแผนแต่งงาน ระหว่างเตรียมงาน มีอุปสรรคมากมายเกิดขึ้น เพราะต้องแข่งกับเวลา ฤกษแต่งงาน ที่มีเวลาเตรียมงานเพียง 2 เดือน(ถ้าจำไม่ผิด) เราพยายามประหยัดงบ เหมือนกับทุกคู่ สืบราคา ติดต่อ รอเฟิร์ม กับหลายๆ ที่ ซึ่งสรุปว่า จะเอากับทางเพื่อนเค้า คือ ได้ในราคาที่ถูกกว่าเจ้าอื่นหน่อย ทุกกันทุกอย่างเวลาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ด้วยความที่เราค่อนข้างที่จะวางแผนล่วงหน้า และ มักจะเช็ค เฟิร์ม เก็บ รายละเอียดเสมอกับงานที่ทำ งานแต่งก็เช่นกัน ให้คุณแฟนนัดกับเพื่อนเพื่อเฟิร์มรายละเอียด ได้ตามที่คุยมั้ย เพื่อวางเงินมัดจำกัน สรุปนัดกัน พอถึงเวลาจริง เพื่อนเค้ากลับเดินทางไปเที่ยวต่าง จว. สะงั้น (ดูท่า ราคาคุย) สรุป คือต้องมานั่งหา ติดต่อ เองใหม่ทั้งหมด เราเองก็ว่าแฟนไป มัวแต่ชะล่าใจ นิ่ง สุดท้ายก็เป็นแบบนี้ ดี...ที่เราย้ำ กำชับกับแฟน ไม่งั้น ไม่รู้นะว่าที่คุยไว้ไม่เป็นจริงเลย การหาใหม่ทั้งหมดมีเวลาแค่เกือบ 2 สัปดาห์ ทุกอย่างผ่านหมด ยกเว้น เรื่องซุ้มแต่งงาน ซึ่งแฟนเค้าว่า เค้ากับเพื่อนจะทำเอง
ระหว่างที่ตั้งท้องอ่อน เรากลับมาอยู่ที่คอนโดเรา ส่วนแฟน ทำงาน กทม. หยุด เสาร์-อาทิตย์ แต่เรา หยุด อาทิตย์ เท่านั้น
ขับรถไปทำงานเอง ส่วนหาหมหอตามนัด แฟนเราจะขับไปส่งเพื่อฟังผลการตรวจด้วยกัน วันหนึ่ง ระหว่างเดินทางไปหาหมอ เราก็คุยกับคร่าวๆ สรุปว่า ลูกจะให้ใครเลี้ยง ซึ่งแม่เค้า ขอเรียกว่า (แม่ย่า) อยู่บ้านคนเดียว เหงา อยากมีหลาน อยากเลี้ยง จะขอเลี้ยงเอง เราเองก็โอเค แต่ ด้วยความที่เห็นแม่เค้าเป็นคนใจดีมาก มากเกิน เราจึงคุยกับแฟนเราว่า ถ้าเลี้ยงหลานตามใจจะให้ไปยู่กับตานะ เพราะ ตา เป็นอดีต ผอ. เกษียร อยู่บ้าน ซึ่งเป็นครูมาก่อน อย่างน้อยก็ฝึก หัด วินัยกัน (ขู่นิดๆ) แฟนเรา พูดขึ้นมาว่า "พ่อแกดีนักหรอ ดูเลี้ยงลูกมาแต่ละคนซิ" (ขอท้าวความก่อน) ระหว่างที่คบกัน ครอบครัวพี่สาวเรามีปัญหา เลิกกัน ซึ่งพี่สาวเราเป็นฝ่ายผิดก่อนไปมีคนอื่น (แต่หากถามปัญหาจริงๆ ลึกๆ เชื่อว่า ขึ้นชื่อว่าภรรยา ก็ย่อมอดทนถึงที่สุดแล้ว) เราก็นึกในใจ เอ๊ะ!! ยังไง เรื่องของครอบครัวใครก็เป็นเรื่องของเค้า ทำไมมาโยงกัน และทำไมต้องมาว่าบุพการีเรา?? (ดูท่าไม่ค่อยจะดีและ) เลยกะว่า ขอดูแฟนไปอีกหน่อย หากไม่ดี อาจจะไม่แต่ง หรืออะไรก็ว่ากันไป ช่วงวันหยุด เย็นวันศุกร์ เค้าจะกลับจาก กทม. มาค้างคอนโดเรา พอเย็นวันเสาร์เราเลิกงานก็เดินทางไปบ้านเค้า ซึ่งมีแม่ กับพี่สาวเค้าอยู่ที่นั่น หน้าที่เราคือซักเสื้อผ้าเรา และ เสื้อผ้าเค้า ที่หอบมาจาก กทม. ทุกสัปดาห์ ด้วยแฟนเราเป็นคนชอบดื่มมาก....... ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดา ที่การดื่มจะต้องมีของกินเยอะหน่อย วันนั้น แฟน ใจดีแวะ แม็คแวลู่ ซื้อแซลมอลมาฝาก ซึ่งเราก็บอกว่า ถ้าสดก็เอา ไม่สด ไม่เอานะ (เรื่องของเรื่องแวะซื้อเครื่องดื่ม) แต่ยังนึกถึงเราด้วย ระหว่างที่กิน เค้าก็เรียกเรากิน ซึ่งเค้าเองก็กินไปก่อน 1 ชิ้น พอเรากินไป 1 ชิ้น ปรากฎว่ามันไม่ค่อยสด ประกอบกับชิ้นหนา ซึ่งเราไม่ชอบ กินและตะดึ๋ยๆ เลยพอแค่นั้น เมื่อน้ำเมาเค้าที่ แฟนเราก็ออกฤทธิ์ บ่น ว่า โวยวายใส่เรา เราซื้อมาให้ หาให้กินแล้วยังไม่กิน เรื่องมาก งั้นงี้ และเตะโต๊ะที่วางจานแซลมอล สรุปคือโดนจาน บังคับให้เรากินให้หมด แต่เราก็ยินยันว่าไม่กิน อารมณ์เค้าก็ร้อนแรงขึ้น เราเห็นแล้วคือเครียดอ่ะ เลยว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อ จะกลับไปนอนคอนโด ซึ่งตอนนั้นประมาณ 4 ทุ่มกว่า และเราก็ท้องแก่มากและ แทนที่เค้าจะนิ่งหรือลดลง กลับยิ่งกว่าเดิม เราเลยจัดสินใจหยิบกุญแจจะกลับคอนโด เค้ามาฉุดกระชาก ลากถูกเรา จนล้ม เข้าถลอกได้แผลนิดหน่อย ระหว่างนั้น แม่เค้าก็เข้ามาห้ามลูกชาย และขอร้องให้เรานอนที่นั่นเพื่อให้ทุกอย่างจบ แต่ลูกชายเค้าก็ฟ้องแม่ ว่า เราอย่างั้น อย่างงี้ สรุป เลยนอนนั่นเพื่อให้จบ (เราเองก็นึกในใจ นี่ขนาดเราท้องแก่ ยังแบบนี้เลย อนาคต เราจะเป็นยังไงต่อ??)
ระหว่างนั้น ก็พยายามให้โอากสแฟน มีหลายเรื่องที่ดูไม่เข้าท่า พูดจา แสดง กิริยาวาจาไม่ดี ซึ่งเราเอง ปกติ เป็นคนเปิดเผย ชอบ หรือไม่ชอบ คิด อ่าน อะไรจะบอกแฟนให้เค้ารู้ ทราบ หมด และเป็นคนที่แสดงทีท่าให้เห็นชัดเจนตลอด ซึ่งเค้าเองก็รู้ เราพยายามถามแฟนเราว่า วันคลอดจะเข้าห้องคลอดมั้ย คือ วางแผนว่าคลอดเอง ไม่ผ่า ซึ่งเค้าก็ยืนยันตลอดว่า ไม่เข้า คงเพราะเค้าขี้กลัวมั้ง จนวันคลอดมาถึง นาทีที่ขอคำยืนยันจากเค้าว่า เข้า หรือ ไม่เข้า (เรื่องของเรื่อง คือ อยากให้เค้าได้เห็นว่า เราที่เป็นภรรยาเค้า อุ้มท้องลูกเค้า กว่าจะคลอดลูกเหนื่อย เจ็บปวด ลำบากแค่ไหน ให้เค้าได้เห็น ได้รู้ เพื่อที่จะ รักเรา และ ลูก ให้มาก) เพราะเท่าที่ดูที่เห็น ณ ตอนนั้น เค้ารักตัวเอง เอง ครอบครัวทางบ้านเค้าเท่านั้น โดยฉะเพาะแม่ย่า ซึ่งไม่มีใครดีเกินไปจากนี้
ช่วงที่คลอด คชจ. ตา(พ่อเรา) ช่วยค่าคลอดมา 20,000 บาท ซึ่งเค้าเองมีเงินไม่พอ บอกกับเราว่า ขอยืมพ่อเราก่อนเดี๋ยวคืนให้ถ้ามี แต่พ่อเราตั้งใจให้เลย คือ ช่วย วันแต่งงาน พ่อเราไม่เอาสินสอดสักบาท ให้เงินลูกไปทำทุน ซึ่งทางเราเองก็ไม่มีทั้งคู่ วางแผนกันว่า แหวนเพชรเรา เราหาเอง ทอง เราหาเอง เงินวางแฟนเราหา (เพื่อวางเท่านั้น) แหวนเพชรเค้า เราหาซท้อแฟนเราจ่าย สรุป พ่อ แม่ เราคืนทุกอย่าง แถมยังใส่ซองช่วยงานตอนเช้า และตอนกลางคืนอีก รวม 2 ซอง (สุดยอดเลย พ่อเรา)