[CR] GO...GO!! หนีร้อน ไปพึ่งเย็น @แม่กลางหลวง เชียงใหม่


            
             สวัสดีค่าเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน ช่วงปลายฝนต้นหนาวที่ผ่านมามีแพลนไปเที่ยวที่ไหนกัน? นี่เป็นรีวิวทริปไปเชียงใหม่ของพวกเราครั้งแรกเลย ทริปนี้เราวางแผนกันไว้ว่าอยากไปสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติ สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนกันเต็มที่  ช่วงปลายเดือนตุลาคนนี่แหละอากาศคงกำลังดี สุดท้ายก็มาลงเอยที่เชียงใหม่จนได้ สถานที่ที่เราเลือกคือ หมู่บ้านแม่กลางหลวง เชียงใหม่ ศึกษาหาข้อมูลของหมู่บ้านพอสมควรเหมือนกันทั้งการเดินทาง วันเวลา กิจกรรมที่จะทำ ผลสรุปก็คือ เราจะเดินทางด้วยเครื่องบินค่ะ(สบายสุด5555) ทริปนี้เราวางไว้ทั้งหมด 4วัน 3คืน ส่วนที่พักเราพักในศูนย์นักท่องเที่ยวของหมู่บ้าน ก่อนไปก็ทำการติดต่อกับพี่ผู้จัดการที่พักหมู่บ้านไป ชื่อพี่อุ่นค่ะ (พี่เค้าใจดีมากกก ดูแลดีสุดๆ ใครไปแล้วเจอพี่อุ่นก็ทักทายได้ค่ะ) ส่วนโปรแกรมท่องเที่ยว เราสามารถเลือกได้เอง ว่าวันนี้อยากไปไหนอยากทำอะไรให้บอกพี่เค้า พี่เค้าก็จะพาไปค่ะ ดังนั้นตารางกิจกรรมคร่าวๆ คือ
                    
                      วันแรก: กรุงเทพฯ-เชียงใหม่-หมู่บ้านแม่กลางหลวง
                      .
                      วันที่สอง: ร้านกาแฟอุ่มเอิบ-เดินน้ำตกผาดอกเสี้ยว(น้ำตกรักจัง)-แวะดูการทอผ้าของชาวบ้าน - ชิมกาแฟพี่สมศักดิ์
                      .
                      วันที่สาม: ไร่ซูกินี-ป่าบงเปียง-น้ำตกห้วยทรายเหลือง
                      .
                      วันที่สี่: กาแฟแม่กลางหลวง-ดอยอินทนนท์--พระมหาธาตุ-สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ น้ำตกวชิรธาร-กลับกรุงเทพ
(วันสุดท้ายนี่โปรแกรมอัดแน่นสุดๆ อย่างที่บอกว่าพี่อุ่นเค้าใจดีมากกก วันนั้นเลยพาตระเวนเที่ยวรอบเลย)


Day 1 (วันแห่งการเดินทาง)

เราไปถึงสนามบินดอนเมืองกันประมาณ 11โมง เวลานี้คนค่อนข้างเยอะเลยแถวยาวเหยียด ระหว่างรอเช็คอิน แต่เวลาเหลือเฟือ เครื่องเราออกตอนบ่ายโมง

คราวนี้บินกับไลอ้อนแอร์ เพราะได้ตั๋วโปรนั่นเอง
ถึงสนามบินเชียงใหม่ตอน 14.30 เลยเวลาไปประมาณ15นาที ออกมาปุ๊บโทรหาพี่อุ่นปั๊ปเลยเพราะตกลงว่าให้พี่เค้ามารับที่สนามบิน เพื่อเข้าหมู่บ้านค่ะ ราคาขาเดียว 1500บาท (ถ้าเหมารวมไปกลับ 3000บาท) จากนั้นมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านแม่กลางหลวงกันเลย ตอนแรกออกมาท้องฟ้าแจ่มใสมาก เลยบอกพี่อุ่นว่าพี่คะขอนั่งกระบะหลังเลยละกัน ไปๆมาๆอ่าวฝนตกซะงั้น ต้องย้ายเข้าไปนั่งข้างในเลยแป่ววว  
ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนิดๆ กว่าจะมาถึงหมู่บ้าน มาถึงประมาณสี่โมงเย็นค่ะ อากาศครึ้มๆ ฝนตกปอยๆ
.
.
ที่พักของเราชื่อ “บ้านกลางนา2” เป็นที่พักของศูนย์นักท่องเที่ยวในชุมชน บรรยากาศโดยรอบสงบดีค่ะ มีเสียงน้ำตกนอนฟังเพลินๆด้วย
เก็บของกันเสร็จแล้ว ก็ออกไปหาอะไรกินกันเถอะ

ที่นี่เป็นร้านอาหารของศูนย์ท่องเที่ยวค่ะ อาหารส่วนใหญ่เป็นอาหารเหนือ อาหารพื้นบ้าน (อร่อย พี่แม่ครัวก็ใจดีมากก) รอบๆก็จะมีร้านกาแฟ ร้านขายของชำทั่วไป มานี่รับรองไม่อดตายแน่นอน.

Day 2 (ร้านกาแฟอุ่มเอิบ-น้ำตกผาดอกเสี้ยว(น้ำตกรักจัง)-แวะดูการทอผ้าของชาวบ้าน - ชิมกาแฟพี่สมศักดิ์)


ตอนเช้าอากาศจะเย็นๆชื้นๆหน่อยเพราะว่าเมื่อคืนฝนตกทั้งคืน ช่วงปลายเดือนต.ค.นาจะเป็นสีเหลืองๆหน่อย แต่ยังไม่เต็มที่ น่าจะเต็มที่ช่วงต้นเดือนพ.ย

ในรูปจะเห็นว่านาล้มไปบ้าง เพราะว่าเมื่อคืนฝนตก
เดินสำรวจหมู่บ้านกันซะเลย ข้างๆเป็นบ่อเลี้ยงปลาสเตอร์เจียน (ไฮโซวว)

มีแปลงซูกินีอยู่ใกล้ๆด้วย แต่ว่าเสียดายมาไม่ทันชาวบ้านเก็บไปก่อนแล้ว พี่เค้าบอกถ้าอยากเก็บต้องมาประมาณ 8-9โมง

ข้างๆมีแปลงสตอเบอรรี่ด้วย แต่ช่วงนี้ยังไม่ออกลูกจะออกประมาณเดือนธันวาคม
.
.
สภาพตอนนี้ค่ะทุกโค้นน ปัญหาคือเมื่อคืนฝนตก ดินเลยแฉะมากเดินยากหน่อยรองเท้าแต่ละคนเลยสภาพนี้ เละเทะ

เดินย่ำๆมาเรื่อยๆ เจอป้ายร้านกาแฟอุ่มเอิบ เลี้ยวไปทางนี้เลยยย

ทางไปอุ่มเอิบผ่านรีสอร์ทหลายที่เลยค่ะ วิวสวยๆทั้งนั้น

เดินชมบรรยากาศมาเรื่อยๆ มาถึงแล้วร้านกาแฟอุ่มเอิบ


เป็นร้านกาแฟเล็กๆอยู่ปลายนาค่ะ บรรยากาศดี นั่งจิบกาแฟเพลินๆได้
เราสั่งชาเขียวร้อน นมเย็น แล้วก็นมสดเย็น รวมแล้วรสชาติใช้ได้เลย โดยเฉพาะชาเขียวแต่นมเย็นหวานไปนิด

บรรยากาศรอบๆร้าน มีทุ่งนา น้ำตก ลมเย็นสบาย
จากนั้นตอนบ่าย เราติดต่อกับพี่ในหมู่บ้าน ให้พาไปน้ำตกผาดอกเสี้ยว(น้ำตกรักจัง)
การเดินทางจากหมู่บ้านไม่ไกลค่ะนั่งรถประมาณ15นาที หลังกระบะรับลมกันเลย

นั่งรถมาถึงจุดเดินป่า จากนั้นต้องเดินเท้าเข้าไปใช้เวลา1-2ชั่วโมง การเดินน้ำตกผาดอกเสี้ยวจะต้องมีไกด์นำทางทุกครั้งเป็นกฎระเบียบของทางอุทยาน ของเรามีชาวบ้านในหมู่บ้านเป็นไกด์นำทางให้

มีแปลงดอกเบญจมาศอยู่ด้วย แต่ดอกยังไม่บานเลย
อันนี้เป็นน้ำจากต้นไม้ พี่ไกด์ให้เราลองชิมได้
มีแก้วให้พร้อมเลย รสชาติหวานๆ สดชื่นมวกก
มาถึงน้ำตกกันบ้าง น้ำตกที่นี่จะแบ่งเป็นชั้นๆไปค่ะ
ทางค่อนข้างชันแล้วก็ลื่น เดินต้องระวังกันด้วย

มาถึงน้ำตกไฮไลท์ของเราบ้าง ตรงนี้เรียกน้ำตกรักจัง ที่เรียกเพราะว่าเป็นหนึ่งในฉากของภาพยนตร์เรื่อง “รักจัง” น้ำตกอลังการ ถ่ายรูปดีงามมม

วิวอีกแบบหนึ่งของน้ำตกผาดอกเสี้ยว เห็นนาขั้นบันได แปลงสตอเบอรรี่อยู่ไกลๆ
วิวดีงามมมมม
  
เห็นลูกสตอเบอรรี่อยู่นิดๆ
เจออีกกรุ้ปพอดีเลย
เดินมาเรื่อยๆ ใกล้ถึงหมู่บ้านละเจ้า สรุปเราใช้เวลาเดินกันประมาณ1ชั่วโมงกว่าๆ ขาอ่อนเลยทีเดียว
เสร็จจากเดินน้ำตก ก็จะมาโผล่ที่หมู่บ้านพอดี พี่ไกด์พาเรามาดูชาวบ้านเค้าทอผ้ากัน มีเสื้อ กระเป๋าให้เลือกซื้อกันด้วย
อันนี้เป็นที่ทอผ้า ชาวบ้านใจดีมากๆเลย ให้ลองทำด้วยแต่ทำเป็นมั้ย......ไม่เป็น5555
ต่อจากทอผ้า เราก็มาชิมกาแฟพี่สมศักดิ์กัน ชิมฟรีนะจ้ะ
มื้อเย็นของเราค่ะ หมูกระทะ ยะยะยะ เดินมาทั้งวันขอจัดหมูกระทะเลยละกัน เห็นอย่างนี้นี่เยอะมากกินกันแทบไม่หมด
.
.
Day 3 (ไร่ซูกินี-ป่าบงเปียง-น้ำตกห้วยทรายเหลือง)


ฝากท้องไว้ที่ร้านเดิมเลยค่า เมนูง่ายๆวันนี้ กะเพราที่รักลองสั่งผัดซูกินีมากิน ลองชิมก่อนไปเก็บจริงรสชาติแปลกดีแฮะ แอบคล้ายๆบวบแต่อร่อยไปอีกแบบ

หลังจากกินข้าวกันเสร็จก็ลุยโลดดดดด วันนี้ตั้งใจไปเก็บซูกินี หลังจากที่เมื่อวานเรานกกันมาจิ้บๆๆ พี่เจ้าของสวนเค้าพาไปเองเลย แต่พี่เค้าขี่มอเตอร์ไซด์ไป ส่วนเรานั้นนน...เดินค่า555 ทางไกลมากกก อันนี้สภาพทางเหมือนเดินขึ้นเขา
ผ่านสวนดอกไม้ด้วย
ในที่สุดก็มาถึงสวนซูกินีแล้ว เย้ๆๆ
ซูกินีเป็นพืชโครงการหลวง ส่งออกเป็นอันดับต้นๆของหมู่บ้าน ชาวบ้านจะเก็บซูกินีทุกๆเช้า เลือกเก็บลูกใหญ่ๆเพราะส่งขายได้ราคาดีส่วนลูกเล็กก็จะเก็บไว้ทำกินเอง ว่าแล้วลงมือกันดีกว่า
ที่จริงเก็บซูกินีพี่เค้าแนะนำให้ใส่เสื้อแขนยาวขายาวนะ เพราะว่าถ้าโดนใบซูกินีมันจะคันค่ะ แต่ว่าไม่ทันแล้ววว เดินไปเกาไปเลยทีเดียว5555
คนนี้พี่เจ้าของสวนค่ะ ก่อนกลับพี่เค้าให้ซูกินีมาตั้งสองลูก ใจดีอีกแล้ววว
เสร็จภารกิจเช้า ตอนบ่ายเราวางแผนไว้จะไปป่าบงเปียงกัน ติดต่อพี่เค้าไว้ตั้งแต่ตอนเช้า ว่าแล้วเริ่มเดินทางกันเลย
ชื่อสินค้า:   แม่กลางหลวง บ้านป่าปงเปียง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่