จากกรณีนายอิศราชนุวัฒภ์ วรรคาวิสันต์ หรือเจมส์ อายุ 23 ปี ลูกของพล.ต.วิทยา วรรคาวิสันต์ ผบ.มทบ.38 ถูกการ์ดของมาลินสกายกลางเมืองเชียงใหม่รุมทำร้ายร่างกายจนเจ็บสาหัส ดั้งจมูกหัก ฟันแตกและตาซ้ายมีปัญหามองไม่เห็น เหตุเกิดกลางดึกวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยเหยื่ออ้างจะเข้าห้องน้ำในผับแต่การ์ดห้ามไว้ เพราะกลุ่มดาราชื่อดังใช้อยู่จนกลายเป็นข่าวครึกโครม
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 28 พ.ย. ที่โรงพยาบาลลานนา อ.เมืองเชียงใหม่ นางปุนยวัจนา วรรคาวิสันต์ มารดาของ “เจมส์” ที่โดนรุมทำร้ายในร้านมาลิน สกาย ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนแรกตนเป็นห่วงเรื่องลูกชายของตนจะตาบอด ซี่งแพทย์ได้บอกกับตนว่าไม่ต้องห่วง ไม่ตาบอด แต่น้องเขาอาจจะใช้สายตาได้ไม่ปกติเหมือนกับคนทั่วไป อาจจะมองเห็น 70 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่ามีการกระทบกระเทือนตรงนั้น ส่วนน้องเขาจะให้การกับตำรวจเมื่อไหร่นั้นคิดว่าอีกประมาณ 2-3 วัน
ส่วนคู่กรณีติดต่อมาเพื่อจะขอเจรจาหรือยัง นางปุนยวัจนา กล่าวว่า “คุณแม่ก็รอผู้ชายคนชื่อบอลมาติดต่อแม่อยู่ค่ะ คุณแม่อยากเจอคนชื่อบอล คุณแม่อยากฝากว่า คุณบอลคุณต้องรับผิดชอบเพราะว่าลูกของคุณแม่เห็นว่าคุณเป็นคนสั่งการ และทุกคำพุดที่คุณพูดกับลูกระหว่างที่ลูกโดนซ้อม ฉันได้ยินทุกคำพูด คุณพอจะเข้าใจไหมความเจ็บปวดที่ลูกฉันขอร้องว่า “อย่าทำผม อย่าทำผม ขอร้องเถอะครับ พวกคุณไม่ได้ยินเหรอ
“ทำไมคุณถึงได้สั่งให้คนลากลูกของดิฉันไป พูดได้เลยนะค่ะว่าฉันคนเป็นแม่ คุณลองไปถามแม่ของคุณดูซิคุณบอลว่าถ้าคุณโดนอย่างลูกฉันแล้วแม่ของคุณได้ยินเสียงลูกร้องให้ขอช่วย แต่แม่ช่วยอะไรไม่ได้เลย”
นางปุนยวัจนากล่าวว่า พวกคุณตอนนั้นพวกคุณทำไมไม่หยุด ลูกฉันเป็นนักศึกษาคนเดียว เขาไม่ใช่เด็กเกเร ไปถามเพื่อน ๆ ไปถามอาจารย์ ไปดูการศึกษาของลูกฉันได้ คุณต้องรับผิดชอบถ้าคุณเป็นลูกผู้ชายจริง มาคุยกับฉัน มาคุยอย่างลูกผู้ชาย แล้วดาราผู้หญิงที่ออกมาให้สัมภาษณ์มาแถลงข่าว ฉันไม่เคยไปว่าอะไรให้พวกคุณเลย ไม่เคยไปเอ่ยชื่อพวกคุณด้วยซ้ำไป ฉะนั้นคุณไม่ต้องมาเกี่ยวเรื่องนี้ ฉันขอคนชื่อบอลนั่นแหละ ออกมาค่ะ ออกมาคุยกับฉัน
ผู้สื่อข่าวถามกรณีแจ้งความดำเนินคดีกับ”บอล”กฤษณะหรือไม่ นางปุนยวัจนากล่าวว่า ตอนนี้คุณพ่อกับคุณแม่รอดูว่าอาการของน้องจะเป็นอย่างไร แล้วถึงจะแจ้งความ ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิดนั้น ตนไม่เชื่อไม่เชื่อว่ามันจะเสีย กล้องทั้ง 4 กล้องจะเสียพร้อมกันเลยหรือ แล้วถ้ามันเสียถามหน่อยว่า เขาไปซ่อมร้านไหนเมื่อไหร่ ซึ่งตนได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งออกมาให้แถลงข่าวให้ข่าวซึ่งไม่ใช่ชื่อคุณบอล มาให้ข่าวว่าเป็นเจ้าของสถานที่สถานบันเทิงตรงนั้นว่า เขาบอกว่ากล้องเสียมาได้ประมาณ 2-3 เดือน แต่มีคนอีกเป็นหมื่น ๆ คนส่งภาพภาพหนึ่งมาให้ตน ภาพตรงที่เกิดเหตุคืนวันที่ 21 ต.ค. เวลาเกือบทุ่ม เป็นภาพกล้องของร้านของเขา จึงขอถามว่าทำไมบอกว่าถอดไปซ่อมเมื่อ 2-3 เดือนก่อน
“ขอกราบวิงวอนขอให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นเห็นเหตุการณ์ที่แท้จริง และเป็นคนที่สามารถพูดความจริงตรงความจริง ช่วยออกมาให้ข่าวออกมาให้ความกระจ่างกับสังคมด้วย ฉันกับสามีได้คุยกันแล้วถึงเหตุการณ์ตรงนี้ คนที่ทำกับลูกเรา ต้องเป็นคนที่มีอิทธิพล หรือไม่ก็มีอิทธิพลที่ใหญ่หนุนหลังอยู่แน่นอน เราจะขอดำเนินคดีถึงที่สุด”นางปุนยวัจนากล่าว
วันนี้มีคนมาหาตน บอกว่าชื่อกฤษณะ อุ้มลูกน้อยมาด้วย เขาบอกว่าตอนนี้มีคนขู่ฆ่าเขา เขาบอกเขาไม่ได้ชื่อบอล เขาเป็นเจ้าของร้านกาแฟ ซึ่งตรงนี้ตนอยากขอความเป็นธรรมให้กับน้องเขาด้วย ชื่อเขาเหมือนกันเฉย ๆ แต่คนละนามสกุล
ตอนนี้มีคนมาให้กำลังใจครอบครัวของตนเยอะ ต้องขอขอบคุณ ส่วนคุณอุ้ม ดาราสาว หากต้องการมาเยี่ยมลูกชาย ตนก็ยินดี และตนก็จะขอคุยกับคุณอุ้มตรง ๆ ว่า “คุณอุ้มไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ และคุณอุ้มก็ไม่ควรที่จะออกมาให้ข่าว
ที่มา :
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_118809
เมียนายพลร่ำไห้ท้า ”บอล-กฤษณะ” มาคุยกันแบบลูกผู้ชาย ยันไม่เคยพาดพิงถึง ”อุ้ม-ลักขณา”
จากกรณีนายอิศราชนุวัฒภ์ วรรคาวิสันต์ หรือเจมส์ อายุ 23 ปี ลูกของพล.ต.วิทยา วรรคาวิสันต์ ผบ.มทบ.38 ถูกการ์ดของมาลินสกายกลางเมืองเชียงใหม่รุมทำร้ายร่างกายจนเจ็บสาหัส ดั้งจมูกหัก ฟันแตกและตาซ้ายมีปัญหามองไม่เห็น เหตุเกิดกลางดึกวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยเหยื่ออ้างจะเข้าห้องน้ำในผับแต่การ์ดห้ามไว้ เพราะกลุ่มดาราชื่อดังใช้อยู่จนกลายเป็นข่าวครึกโครม
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 28 พ.ย. ที่โรงพยาบาลลานนา อ.เมืองเชียงใหม่ นางปุนยวัจนา วรรคาวิสันต์ มารดาของ “เจมส์” ที่โดนรุมทำร้ายในร้านมาลิน สกาย ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนแรกตนเป็นห่วงเรื่องลูกชายของตนจะตาบอด ซี่งแพทย์ได้บอกกับตนว่าไม่ต้องห่วง ไม่ตาบอด แต่น้องเขาอาจจะใช้สายตาได้ไม่ปกติเหมือนกับคนทั่วไป อาจจะมองเห็น 70 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่ามีการกระทบกระเทือนตรงนั้น ส่วนน้องเขาจะให้การกับตำรวจเมื่อไหร่นั้นคิดว่าอีกประมาณ 2-3 วัน
ส่วนคู่กรณีติดต่อมาเพื่อจะขอเจรจาหรือยัง นางปุนยวัจนา กล่าวว่า “คุณแม่ก็รอผู้ชายคนชื่อบอลมาติดต่อแม่อยู่ค่ะ คุณแม่อยากเจอคนชื่อบอล คุณแม่อยากฝากว่า คุณบอลคุณต้องรับผิดชอบเพราะว่าลูกของคุณแม่เห็นว่าคุณเป็นคนสั่งการ และทุกคำพุดที่คุณพูดกับลูกระหว่างที่ลูกโดนซ้อม ฉันได้ยินทุกคำพูด คุณพอจะเข้าใจไหมความเจ็บปวดที่ลูกฉันขอร้องว่า “อย่าทำผม อย่าทำผม ขอร้องเถอะครับ พวกคุณไม่ได้ยินเหรอ
“ทำไมคุณถึงได้สั่งให้คนลากลูกของดิฉันไป พูดได้เลยนะค่ะว่าฉันคนเป็นแม่ คุณลองไปถามแม่ของคุณดูซิคุณบอลว่าถ้าคุณโดนอย่างลูกฉันแล้วแม่ของคุณได้ยินเสียงลูกร้องให้ขอช่วย แต่แม่ช่วยอะไรไม่ได้เลย”
นางปุนยวัจนากล่าวว่า พวกคุณตอนนั้นพวกคุณทำไมไม่หยุด ลูกฉันเป็นนักศึกษาคนเดียว เขาไม่ใช่เด็กเกเร ไปถามเพื่อน ๆ ไปถามอาจารย์ ไปดูการศึกษาของลูกฉันได้ คุณต้องรับผิดชอบถ้าคุณเป็นลูกผู้ชายจริง มาคุยกับฉัน มาคุยอย่างลูกผู้ชาย แล้วดาราผู้หญิงที่ออกมาให้สัมภาษณ์มาแถลงข่าว ฉันไม่เคยไปว่าอะไรให้พวกคุณเลย ไม่เคยไปเอ่ยชื่อพวกคุณด้วยซ้ำไป ฉะนั้นคุณไม่ต้องมาเกี่ยวเรื่องนี้ ฉันขอคนชื่อบอลนั่นแหละ ออกมาค่ะ ออกมาคุยกับฉัน
ผู้สื่อข่าวถามกรณีแจ้งความดำเนินคดีกับ”บอล”กฤษณะหรือไม่ นางปุนยวัจนากล่าวว่า ตอนนี้คุณพ่อกับคุณแม่รอดูว่าอาการของน้องจะเป็นอย่างไร แล้วถึงจะแจ้งความ ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิดนั้น ตนไม่เชื่อไม่เชื่อว่ามันจะเสีย กล้องทั้ง 4 กล้องจะเสียพร้อมกันเลยหรือ แล้วถ้ามันเสียถามหน่อยว่า เขาไปซ่อมร้านไหนเมื่อไหร่ ซึ่งตนได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งออกมาให้แถลงข่าวให้ข่าวซึ่งไม่ใช่ชื่อคุณบอล มาให้ข่าวว่าเป็นเจ้าของสถานที่สถานบันเทิงตรงนั้นว่า เขาบอกว่ากล้องเสียมาได้ประมาณ 2-3 เดือน แต่มีคนอีกเป็นหมื่น ๆ คนส่งภาพภาพหนึ่งมาให้ตน ภาพตรงที่เกิดเหตุคืนวันที่ 21 ต.ค. เวลาเกือบทุ่ม เป็นภาพกล้องของร้านของเขา จึงขอถามว่าทำไมบอกว่าถอดไปซ่อมเมื่อ 2-3 เดือนก่อน
“ขอกราบวิงวอนขอให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นเห็นเหตุการณ์ที่แท้จริง และเป็นคนที่สามารถพูดความจริงตรงความจริง ช่วยออกมาให้ข่าวออกมาให้ความกระจ่างกับสังคมด้วย ฉันกับสามีได้คุยกันแล้วถึงเหตุการณ์ตรงนี้ คนที่ทำกับลูกเรา ต้องเป็นคนที่มีอิทธิพล หรือไม่ก็มีอิทธิพลที่ใหญ่หนุนหลังอยู่แน่นอน เราจะขอดำเนินคดีถึงที่สุด”นางปุนยวัจนากล่าว
วันนี้มีคนมาหาตน บอกว่าชื่อกฤษณะ อุ้มลูกน้อยมาด้วย เขาบอกว่าตอนนี้มีคนขู่ฆ่าเขา เขาบอกเขาไม่ได้ชื่อบอล เขาเป็นเจ้าของร้านกาแฟ ซึ่งตรงนี้ตนอยากขอความเป็นธรรมให้กับน้องเขาด้วย ชื่อเขาเหมือนกันเฉย ๆ แต่คนละนามสกุล
ตอนนี้มีคนมาให้กำลังใจครอบครัวของตนเยอะ ต้องขอขอบคุณ ส่วนคุณอุ้ม ดาราสาว หากต้องการมาเยี่ยมลูกชาย ตนก็ยินดี และตนก็จะขอคุยกับคุณอุ้มตรง ๆ ว่า “คุณอุ้มไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ และคุณอุ้มก็ไม่ควรที่จะออกมาให้ข่าว
ที่มา : https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_118809