เมือวานไปนั่งกินไก่ ... (ซึ่งก็ไม่บ่อยที่จะได้ไปกินในร้าน ปรกติจะลากไปกินในน้ำ)
เราก็ซัดไก่ไป 5 ชิ้น วิงแซบอีก 3 นักเก็ตอีก 3 ... ก็พอลองท้องไปใด้หน่อย
แต่เราสังเกตุโต๊ะข้าง ผู้หญิงนางหนึ่ง กินไก่ 1 ชิ้น แต่กินไม่หมด ... นางเลาะ ๆ เล็ม ๆ เฉพาะขอบ ๆ ไก่ แต่เนื้อในยังเหลืออยู่เพียบ
นางมากันหลายคน ... แต่ก็กินกันแค่นั้นแหละ ... ส่วนมากจะเม้าท์มอย แล้วก็เดินลุกจากไป ... เหลือไก่ส่วนหน้าอก กำลังอุ่น ๆ เนื้อกำลังแน่น ๆ ... อยากจะเข้าไปหยิบมากินเหลือเกิน แต่ก็อดใจไว้เพราะไม่ใช่แถวบ้าน
แต่มันก็สะกิดในใจว่า ... ไก่ชิ้นเล็ก ๆ แค่นี้ทำไมกินกันไม่หมดนะ
พอเรากินไก่เสร็จเราก็ออกมาเดินย่อยซักพัก ... ประมาณชั่วโมงนึงก็หิวอีก
คราวนี้เลยเข้าไปร้าน ชาบูบุฟเฟ่ แห่งนึง ... เดินเข้าไปคนเดียว พนักงานทำหน้าเอ๋อ ๆ ประมาณว่า ... เมิงจะมาแดรกคนเดียวจริง ๆ หรือคะ ??
เราเลยส่งสายตาบอกไปว่า ... "ใช่ ข้ามาคนเดียว" ... มาถึงเราก็ไม่เสียเวลาเลย หยิบทุกอย่างบนสายพาน เทใส่หม้อต้ม แล้ว จกกินอย่างเมามัน
จานเปล่าของเราพูนขึ้นเรื่อย ๆ เยอะกว่าพวกที่มากันเป็นครอบครัวซะอีก ... นั่งจกจนครบ 1 ชั่วโมง หมดเวลาพอดี ...
จุกซิครับ แทบเดินไม่ได้ แน่นท้องมาก ทรมานแสนสาหัส เดินไปจ่ายตังค์ด้วยตัวงอ ๆ ... เพราะสุดจะก้าวขาจริง ๆ
ค่อย ๆ เดินออกมาจากร้านเอามือกุมท้อง หน้าตาเหมือนคนปวดขี้ ... เด็กในร้าน และ คนอื่น ๆ คงคิดว่าเรา ขี้แตก ... หารู้ไม่ว่าที่จะแตกมันเป็นท้องเราตะหาก ...
เดินมาฟูดคอร์ด นั่งเลียแผลใจพักนึง แต่ก็นั่งบิดไป บิดมาด้วยความทรมานแทบลงไปกลิ้ง ... สายตาเหลือบไปเห็นคู่ขา คู่นึงเดินกระหนุ๋งกระหนิง ถือข้าวไก่เทอริยากิมาคนละจาน นักกินประมาณ 30 นาทีก็จากไปเหลือไว้แต่ข้าวพูน ๆ พร้อมชิ้นเนื้อไก่ สองสามชิ้น ... เรานั่งดูแล้วก็ถอนใจ ... ข้าวน้อยยังกะถ้วยไหว้เจ้า แค่นี้ยังกินกันไม่หมด ช่างอนาถนัก เวลาแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดโต๊ะ และ เขี่ยชิ้นไก่ทิ้ง ... เหมือนเขี่ยหัวใจเราทิ้งไปด้วยเลย ทำไม่ถามเราซักคำ "พ่อหนุ่มอยากกินข้าวเหลือ ๆ นี่บ้างไหม" ... (เห้ยยยย เราทำจริง ๆ นะ ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว เวลาใครกินไม่หมด เรารับอาสากินแทนให้ตลอดเลย)
พอวันนี้มาทำธุรที่มหาวิทยาลัยแห่งนึง (จขกท เรียนจบไปเป็นชาติแล้วนะ ไม่ใช่นักศึกษาแถวนั้น ... เห็นยั่งงี้ก็เหอะมีการศึกษากับเค๊าเหมือนกัน)
เห็นคนมาเยอะแยะเข้าใจว่ามาสอบเข้าราชการอะไรบางอย่าง มีซุ้มร้านขายข้าวอยู่ร้านนึง จขกท ก็เข้าไปสั่ง พะโล้กับไข่ดาว โอ้แม่เจ้า ... ทำไมป้าโหดร้ายหยั่งงี้นะ ... ข้าวราดแกงราคา 35 บาท ป้าให้มาเหมือนเอาไว้ไหว้ตึ่จู๋

เลย ... ในใจรับข้าวมาด้วยความเจ็บแค้น แต่ มันก็เป็นความผิดเราเองที่ไม่ถามราคาก่อน ... ขณะที่อารมย์กำลังขุ่นมัวอยู่นั้น ก็เห็นสาวน่ารักนางนึงมาสั่งข้าวเหมือนกัน ... ในใจพรางคิดว่า แม่นางช่างน่ารักเยี่ยงนี้เห็นทีต้องขอเบอร์ซะแล้ว ... แต่ทุกอย่างก็ต้องสะดุดลงเมื่อนางบอกกับป้าว่า ... "ป้าคะ เอาข้าวออกหน่อยค่ะ" เรานี่หลุดคำว่า "หืออออ !!! ออกมาเบา ๆ เลย (รู้สึกนางจะได้ยินด้วย) ... โหววววววว น้องสาว ข้าวแค่หยิบมือน้องยังให้ป้าเขี่ยออกอีกหราาาาาาา ....
ทำไมคนประเทศนี้มันกินน้อย มักน้อย กันจังอ่ะ ....
หลายที่ หลายเหตุการณ์ บางครั้งเห็นแล้วมันเสียดาย สั่งของอร่อยมา แต่เหลือเต็มโต๊ะ บางคนกินแค่ชิ้นเนื้อที่โป๊ะหน้ามาสองสามคำ แล้วก็ทิ้งเหลือข้าวไว้บานเลย ... เราเนี่ยจะบอกให้ผ่านความลำบากมาก่อน ข้าวทุกเม็ด เนื้อทุกชิ้น เราฟาดเรียบ เพราะเรานึกถึงตอนที่เราลำบาก อดมื้อกินมื้อแล้วเราเสียดาย
บ่นแค่นี้แหละ ไปกินข้าวต่อแระ
คนไทย ... ทำไมมีแต่พวก ... กระเพาะเล็ก
เราก็ซัดไก่ไป 5 ชิ้น วิงแซบอีก 3 นักเก็ตอีก 3 ... ก็พอลองท้องไปใด้หน่อย
แต่เราสังเกตุโต๊ะข้าง ผู้หญิงนางหนึ่ง กินไก่ 1 ชิ้น แต่กินไม่หมด ... นางเลาะ ๆ เล็ม ๆ เฉพาะขอบ ๆ ไก่ แต่เนื้อในยังเหลืออยู่เพียบ
นางมากันหลายคน ... แต่ก็กินกันแค่นั้นแหละ ... ส่วนมากจะเม้าท์มอย แล้วก็เดินลุกจากไป ... เหลือไก่ส่วนหน้าอก กำลังอุ่น ๆ เนื้อกำลังแน่น ๆ ... อยากจะเข้าไปหยิบมากินเหลือเกิน แต่ก็อดใจไว้เพราะไม่ใช่แถวบ้าน
แต่มันก็สะกิดในใจว่า ... ไก่ชิ้นเล็ก ๆ แค่นี้ทำไมกินกันไม่หมดนะ
พอเรากินไก่เสร็จเราก็ออกมาเดินย่อยซักพัก ... ประมาณชั่วโมงนึงก็หิวอีก
คราวนี้เลยเข้าไปร้าน ชาบูบุฟเฟ่ แห่งนึง ... เดินเข้าไปคนเดียว พนักงานทำหน้าเอ๋อ ๆ ประมาณว่า ... เมิงจะมาแดรกคนเดียวจริง ๆ หรือคะ ??
เราเลยส่งสายตาบอกไปว่า ... "ใช่ ข้ามาคนเดียว" ... มาถึงเราก็ไม่เสียเวลาเลย หยิบทุกอย่างบนสายพาน เทใส่หม้อต้ม แล้ว จกกินอย่างเมามัน
จานเปล่าของเราพูนขึ้นเรื่อย ๆ เยอะกว่าพวกที่มากันเป็นครอบครัวซะอีก ... นั่งจกจนครบ 1 ชั่วโมง หมดเวลาพอดี ...
จุกซิครับ แทบเดินไม่ได้ แน่นท้องมาก ทรมานแสนสาหัส เดินไปจ่ายตังค์ด้วยตัวงอ ๆ ... เพราะสุดจะก้าวขาจริง ๆ
ค่อย ๆ เดินออกมาจากร้านเอามือกุมท้อง หน้าตาเหมือนคนปวดขี้ ... เด็กในร้าน และ คนอื่น ๆ คงคิดว่าเรา ขี้แตก ... หารู้ไม่ว่าที่จะแตกมันเป็นท้องเราตะหาก ...
เดินมาฟูดคอร์ด นั่งเลียแผลใจพักนึง แต่ก็นั่งบิดไป บิดมาด้วยความทรมานแทบลงไปกลิ้ง ... สายตาเหลือบไปเห็นคู่ขา คู่นึงเดินกระหนุ๋งกระหนิง ถือข้าวไก่เทอริยากิมาคนละจาน นักกินประมาณ 30 นาทีก็จากไปเหลือไว้แต่ข้าวพูน ๆ พร้อมชิ้นเนื้อไก่ สองสามชิ้น ... เรานั่งดูแล้วก็ถอนใจ ... ข้าวน้อยยังกะถ้วยไหว้เจ้า แค่นี้ยังกินกันไม่หมด ช่างอนาถนัก เวลาแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดโต๊ะ และ เขี่ยชิ้นไก่ทิ้ง ... เหมือนเขี่ยหัวใจเราทิ้งไปด้วยเลย ทำไม่ถามเราซักคำ "พ่อหนุ่มอยากกินข้าวเหลือ ๆ นี่บ้างไหม" ... (เห้ยยยย เราทำจริง ๆ นะ ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว เวลาใครกินไม่หมด เรารับอาสากินแทนให้ตลอดเลย)
พอวันนี้มาทำธุรที่มหาวิทยาลัยแห่งนึง (จขกท เรียนจบไปเป็นชาติแล้วนะ ไม่ใช่นักศึกษาแถวนั้น ... เห็นยั่งงี้ก็เหอะมีการศึกษากับเค๊าเหมือนกัน)
เห็นคนมาเยอะแยะเข้าใจว่ามาสอบเข้าราชการอะไรบางอย่าง มีซุ้มร้านขายข้าวอยู่ร้านนึง จขกท ก็เข้าไปสั่ง พะโล้กับไข่ดาว โอ้แม่เจ้า ... ทำไมป้าโหดร้ายหยั่งงี้นะ ... ข้าวราดแกงราคา 35 บาท ป้าให้มาเหมือนเอาไว้ไหว้ตึ่จู๋
ทำไมคนประเทศนี้มันกินน้อย มักน้อย กันจังอ่ะ ....
หลายที่ หลายเหตุการณ์ บางครั้งเห็นแล้วมันเสียดาย สั่งของอร่อยมา แต่เหลือเต็มโต๊ะ บางคนกินแค่ชิ้นเนื้อที่โป๊ะหน้ามาสองสามคำ แล้วก็ทิ้งเหลือข้าวไว้บานเลย ... เราเนี่ยจะบอกให้ผ่านความลำบากมาก่อน ข้าวทุกเม็ด เนื้อทุกชิ้น เราฟาดเรียบ เพราะเรานึกถึงตอนที่เราลำบาก อดมื้อกินมื้อแล้วเราเสียดาย
บ่นแค่นี้แหละ ไปกินข้าวต่อแระ