[Preview] จาก The Impossible ถึง A Monsters Calls: J.A. Bayona จะทำให้เราเสียน้ำตาอีกครั้ง

"A Monster Calls" กำลังเปิดฉายรอบพิเศษในไทยอยู่ตอนนี้ และกำลังจะเข้าฉายในอเมริกาช่วงปลายปี หลายคนรู้จักหนังเรื่องนี้ เพราะเป็นผลงานล่าสุดของ "Felicity Jones" (ปีนี้งานเยอะจริงๆ) และยังเป็นกลับการเล่น Motion-Capture และพากย์เสียงตัวละครอีกครั้งของ "Liam Neeson" ในบทอสุรกายต้นไม้ยักษ์ ที่แม้จะทำให้หลายคนนึกถึง Groot ใน Guardians of the Galaxy แต่รับประกันได้ว่าแตกต่างอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ผมตื่นเต้นสุดๆ กับเรื่องนี้ กับเป็นผู้กำกับเรื่องนี้ "J.A. Bayona" ซึ่งส่วนตัวคิดว่านี่คือหนึ่งในคลื่นลูกใหม่ที่มาแรงมากในยุคนี้

ว่าแต่ J.A. Bayona เป็นใครกันละ



"J.A. Bayona" หรือ "Juan Antonio Garcia Bayona" เป็นผู้กำกับชาวสเปน ที่เติบโตมาจากสายโฆษณาและกำกับมิวสิควิดีโอ เมื่อตอนที่ J.A. อายุได้ 19 ปี เขาได้พบกับ "Guillermo del Toro" ในงานเทศกาลภาพยนตร์แห่งขึ้น ที่กำลังอยู่ในช่วงโปรโมตหนังเรื่องแรกของเขา "Cronos" ซึ่ง J.A. ยกย่อง Guillermo ว่าเป็นเหมือนทั้งอาจารย์ เพื่อน และแรงบันดาลใจในการเข้าสู่วงการหนัง รวมไปถึง Guillermo ยังเข้ามาช่วยผลักดัน J.A. ด้วยการเป็น Producer ให้หนังเรื่องแรกของ J.A. ด้วย

เสริม - ต่อมา Guillermo del Toro นับเป็นผู้กำกับและผู้อำนวยการสร้างเชื้อสายสเปนที่โด่งดังมากที่สุดในยุคนี้ ผลงานเด่นๆ เช่น Blade II, Hellboy, Pan's Labyrinth, Pacific Rim เป็นต้น


The Orphanage




หลังเรียนจบ J.A. เริ่มต้นทำงานในสายโฆษณาและกำกับมิวสิควิดีโอ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปินในประเทศ ก่อนที่ในปี 2004 จะได้เข้าสู่วงการหนังอย่างเต็มตัว เมื่อได้พบกับ "Sergio G. Sanchez" นักเขียนบท ซึ่งได้เสนอบทร่างเบื้องต้นหนังเรื่องหนึ่งให้กับ J.A. กำกับ ซึ่ง J.A. ก็ไม่พลาดโอกาสนี้ และด้วยความช่วยเหลือจาก Gullermo del Toro ที่มานั่งแท่นเป็น Excecutive Producer ให้ J.A. ขยายเรื่องราวจากในบทเริ่มต้น จนกลายมาเป็น "The Orphange" ออกฉายในปี 2007 เรื่องราวของครอบครัวที่ย้ายมาอาศัยในบ้านที่เคยเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า และต้องเจอเรื่องราวแปลกประหลาดต่างๆ

เพียงแค่เรื่องแรก ผลงานของ J.A. ก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ขึ้นอันดับ 1 ในสเปน และคว้ารางวัลมากมายทั้งจากในและต่างประเทศ จุดเด่นของ The Orphange คือแม้ฉากหน้าจะเหมือนเป็นหนังผี แต่พอดูจบแล้วจะเศร้า อบอุ่น และน้ำตาซึมได้เลย ซึ่งตรงนี้กลายมาเป็นจุดเด่นของ J.A. ในตอนหลังๆ ด้วย ที่จะเห็นได้ว่า J.A. เป็นผู้กำกับที่ค่อนข้างเก่งกาจในเรื่องกับการเล่นกับอารมณ์ของคนดูได้อย่างอยู่หมัด


The Impossible




ผลงานลำดับที่ 2 ของ J.A. และเป็นผลงานที่สร้างชื่อให้เขามากที่สุด รวมถึงน่าจะเป็นผลงานที่ทำให้คนไทยรู้จักผู้กำกับคนนี้มากที่สุดด้วยก็คือ "The Impossible" สร้างจากเรื่องจริงจากครอบครัวชาวยุโรปที่ประสบเหตุสึนามิในประเทศไทย เมื่อปี 2004 J.A. โชว์ความสามารถการเล่นกับอารมณ์ในเรื่องนี้ได้อย่างสุดๆ การพลัดพลาด ความเจ็บปวด ความหวัง ความสิ้นหวัง ทุกอย่างรวมกันทำให้เราน้ำตาไหลพรากๆ กับเรื่องนี้ได้ไม่ยาก และหลายครั้งด้วย ที่สำคัญ J.A. ยังเป็นหนึ่งในคนที่ที่กำกับการแสดงของนักได้ดีมาก เห็นได้จากเขาสามารถทำให้ "Tom Holland" เกิดได้อย่างสุดๆ ในเรื่องนี้ ทั้งที่แสดงเป็นเรื่องแรก และตอนนี้ Tom ก็ไปไกลจนถึงได้รับบทเป็น "Spoider-Man" ใน MCU แล้ว ส่วน "Naomi Watts" ก็ได้เข้าชิงออสการ์จาก The Impossible ด้วย

The Impossible ยังแสดงให้เห็นว่า J.A. มีศักยภาพในการคุมหนังใหญ่ๆ ได้ The Orphange นั้นยังเป็นหนังสเปนเล็กๆ แต่ The Impossible นั้นขยายสเกลใหญ่ขึ้น ดูมีความเป็นหนังระดับยุโรป จากเรื่องที่เล่าและนักแสดงที่มาเล่น การสร้างฉากสึนามิที่เน้นใช้ของจริง ก็ทำได้สมจริงมาก นั่นทำให้ต่อมา J.A. ได้รับข้อเสนอให้กำกับหนัง Hollywood ฟอร์มยักษ์เรื่องแรกอย่าง "World War Z 2" อย่างไรก็ตาม ด้วยปัญหาความล่าช้าของตัวหนัง และคิวการถ่ายทำที่ไม่ลงตัว ประกอบกับ J.A. ก็กำลังมีโปรเจคหนังของตัวเองอีกเรื่องหนึ่ง ทำให้ J.A. ถอนตัวจาก World War Z 2 ไป (ซึ่งตอนนี้โปรเจค WWZ2 ก็ยังหาผู้กำกับไม่ได้) กระนั้น ตอนหลัง J.A. ก็ได้ข้อเสนอกำกับหนังฟอร์มยักษ์อีกครั้งกับ "Jurassic World 2" แต่ก่อนที่เราจะได้ดูกันในปี 2018 ตอนนี้ผลงานล่าสุดของ J.A. ก็ออกมาแล้วนั่นก็คือ "A Monster Calls"


Tom Holland ใน The Impossible



A Monster Calls




ถ้าชอบ The Orphange หรือ The Impossible นั้นบอกได้เลยว่าต้องไม่พลาด "A Monster Calls" ผลงานล่าสุดของ J.A. เรื่องนี้ เพราะมันมีจุดเด่นทุกอย่างที่เราชื่นชอบในงานของ J.A. โดยเฉพาะการบับคั้นทางอารมณ์ เคยร้องกับ The Impossible ยังไง ก็ร้องกับ A Monster Calls อย่างนั้น ที่พิเศษคือหนังค่อยๆ กร่อนเรามาตลอดทั้งเรื่อง ก่อนระเบิดในช่วงท้าย ซึ่งได้ผลเป็นพีคสุด (ต้องพิสูจน์กันเองนะครับ)

ตัวหนังสร้างจากวรรณกรรมเยาวชนของ "Patrick Ness" ที่ได้รับคำยกย่องมากมาย เรื่องราวของเด็กวัย 12 ขวบ ที่ต้องเผชิญปัญหาชีวิตทั้งแม่ที่กำลังจะตาย พ่อที่ทิ้งไปมีชีวิตใหม่ ย่าที่ไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่ โรงเรียนที่มีแต่คนคอยกลั่นแกล้ง และ "อสุรกาย" ที่มาเยี่ยมเยียนเขาทุกคืน ซึ่งค่อนข้างหนักหนาสาหัสกว่าที่เด็กวัย 12 ปีปกติจะรับไหว

นอกจากเรื่องที่บีบคั้นหัวใจแล้ว หนังยังได้ทีมนักแสดงที่ถ่ายทอดออกมาได้เยี่ยมยอดด้วย ทั้ง Felicty Jones, Sigourmey Weaver หรือกระทั่ง Liam Neeson ที่แม้จะมาแค่เสียงกับ Montion-Capture ก็ตาม แต่ที่โดดเด่นสุดคือนักแสดงหน้าใหม่อย่าง "Lewis MacDougall" ซึ่ง J.A. เคยทำให้ Tom Holland เกิดได้อย่างสุดๆ ใน The Impossible อย่างไร เขาก็ทำให้ Lewis เกิดได้อย่างสุดๆ เช่นกันใน A Monster Call



โดยส่วนตัวแล้ว "J.A. Bayona" เป็นหนึ่งในผู้กำกับที่น่าจับตามองมาก และมีคุณสมบัติจะเป็นผู้กำกับระดับ A-List ได้ไม่ยาก ทั้งการเล่าเรื่องที่สามารถเอาอารมณ์ของคนดูได้อยู่หมัด ความสามารถในการรีดเค้นศักยภาพของนักแสดง รวมไปถึงศักยภาพในการทำหนังฟอร์มยักษ์ ซึ่งพิสูจน์ได้จากการกำกับฉากสึนามิใน The Impossible หรือกำกับตัวละคร CG ใน A Monster Calls น่าสนใจว่า "Jurassic World 2" ผลงานเรื่องต่อไปของ J.A. อาจเป็น Jurassic ภาคที่เศร้าสุดก็เป็นไปได้ แต่ ณ ตอนนี้อย่าพลาด A Monster Calls กันนะครับ






เกร็ดน่ารู้จาก A Monster Call

- นอกจากเป็น Motion- Capture และให้เสียงตัวละครอสุรกายแล้ว Liam Neeson ยังโผล่หน้าจริงๆ มาให้เห็นในเรื่องด้วย แม้จะเป็นส่วนเล็กๆ แต่สำคัญทีเดียว (อย่าลืมลองสังเกตดูนะครับ)

- Felicity Jones ลดน้ำหนักลงหลายสิบกิโล เพื่อรับบทแม่ที่กำลังป่วยเป็นมะเร็งในเรื่องนี้ ซึ่งส่วนตัวคาดว่าเวทีออสการ์ปีหน้าน่าจะมีชื่อเธอด้วยแน่นอน

- Tom Holland เข้ามามีส่วนร่วมใน A Monster Calls ด้วย โดยทำหน้าที่เป็นสแตนด์อินแทนตัวอสุรกาย ในฉากที่ Lewis MacDougall ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับอสุรกาย

- OST. ของ A Monster Calls คือเพลง "Tear Up This Town" โดยวง Keane ซึ่ง Keane กับ J.A. ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เพราะก่อนหน้านี้ J.A. เคยกำกับมิวสิควีดิโอเพลง "Disconcented" ให้กับ Keane มาแล้ว

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

Tear Up This Town by Keane



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่