จากกรณีที่มีการทะเลาะวิวาทกันที่เชียงใหม่ และผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นลูกนายพล หรือ เจมส์บอนด์ อายุ 23 ปี ถูกกลุ่มการ์ดผับดังที่จังหวัดเชียงใหม่รุมทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น ตำรวจสามารถควบคุมตัว 1 ในคนร้ายที่ก่อเหตุได้คือ นายถนอมศักดิ์ พิพัฒน์กิจการ อายุ 43 ปี ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการสอบปากคำถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แต่เนื่องจาก หนึ่งในดารามีแฟนเป็นเจ้าของร้านดังกล่าว เรื่องนี้จะไม่เป็นที่สนใจถ้าเหตุการในวันนั้นไม่มี กลุ่มดาราไปทานข้าวที่นั้น
เพื่อที่จะได้แย่งพื้นที่สื่อมากที่สุด เรียกผู้เสพข่าวให้มากที่สุด ตามด้วย ยอด like ยอดแชร์ที่จะ กระดังเข้ามา ก็ต้องใช้วิธีสกปรก
โดยการโยงดารา ที่กำลังเป็นที่น่าสนใจให้มีประเด็นเกี่ยวข้องด้วยการพาดหัวข่าวแรงๆ บิดเบือนหน้าหาไปในทางที่ต้องการให้เป็นข่าว
ผู้บริโภคซึ่งก็รู้ๆ กันอยู่แล้วว่า ส่วนใหญ่กระแสมาอย่างไรก็จะตามไปอย่างนั้น บ้างก็อ่านแต่พาดหัวข่าว บ้างก็ไม่อ่านเลยแชร์อย่างเดียว
จนเกิดประเด็นวิภาควิจารย์ไปต่างๆ นาๆ ตั้งๆ ที่เรื่องอยู่ระหว่างการสอบปากคำ สอบสวนกันอยู่ ยังไม่ได้ข้อสรุปอะไรเลย แต่ดาราก็ตงเป็นจำเลย
ตามข่าวนั้นไปเสียแล้ว
จึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาจัดการจัดระเบียบการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเสียที ซึ่งผมขอเสนอดังนี้ครับ
1. ผู้ที่สามารถเขียนข่าว หรือเผยแพร่ข่าวสารได้จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาติ หรือมีใบประกอบวิชาชีพเท่านั้น
2. เว็บไซต์หรือเพจเฟคบุ๊คะ ที่สามารถเขียนข่าวหรือเผยสารได้ ต้องได้รับการอนุญาติ มีการจดทะเบียนที่ถูกต้อง อยู่ต้องเป็นเว็บไซต์หรือเพจที่อยู่
ในกลุ่มประเภท ข่าวสาร หรือ เผยแพร่ข่าวสารเท่านั้น ไม่ใช้ เว็บไซต์หรือเพจเฟสบุค ขายยาลดน้ำหนัก แชร์คลิปชาวบ้าน ขายสินค้าต่างๆ ซึ่งไม่ได้
อยู่ในกลุ่มประเภทเผยแพร่ข่าวสารเลย ไม่ควรที่จะเผยแพร่ข่าวเพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ได้ ควรจำกัดให้สิ้นซาก
3. ผู้ที่ได้รับอนุญาติให้เผยแพร่ข่าวสารได้ ควรมีตัวตนสถานที่ที่ชัดเจน ว่าหน่วยงานไหน เลขที่ใบอนุญาติที่เท่าไหร่
เนื่องจากผู้เขียนข่าวต้องรับผิดชอบทุกคำทุกตัวอักษรที่เขียนข่าวออกไป
4. ควรมีบทลงโทษเรื่องจรรยาบรรณของสื่อสารมวลชน เหมือนที่มีการลงโทษกับนักข่าว
5. ควรบรรจุเรื่องนี้ให้อยู่ใน พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ด้วย
"สรุปง่ายๆ ถ้าไม่ใช้นักข่าว คุณไม่มีสิทธิ์เขียนข่าว
แต่คุณสามารถเผยแพร่ข่าวที่นักข่าวเขียนหรือสำนักข่าวเขียนได้"
คิดได้เท่านี้ก่อนครับ ใครมีอะไรเพิ่มเติมเขียนเพิ่มเติมที่คอมเม้นด้านล่างเลยครับ
และถ้าคิดว่ามีประโยชน์กรุณาเอาไปเผยแพร่ให้ถึงผู้ที่เกียวข้องด้วยเถิด
พวกผู้บริโภคอย่างเราๆ จะได้บริโภคข่าวสารที่ถูกต้องเสียทีครับ
ปล. อยากให้ผู้ที่มีความรู้กว่าผม เอาข้อมูลนี้ไปสรุปจะเผยแพร่เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ www.change.org (เว็บเพื่อการเปลี่ยนแปลง)
ตัวอย่าง พิจารณาเอาเองนะครับว่า สื่อเป็นอย่างไร
ถึงเวลาที่จะจัดกระเบียบการเผยแพร่ข่าวสารหรือยัง กรณีโยงดาราขายข่าว
แต่เนื่องจาก หนึ่งในดารามีแฟนเป็นเจ้าของร้านดังกล่าว เรื่องนี้จะไม่เป็นที่สนใจถ้าเหตุการในวันนั้นไม่มี กลุ่มดาราไปทานข้าวที่นั้น
เพื่อที่จะได้แย่งพื้นที่สื่อมากที่สุด เรียกผู้เสพข่าวให้มากที่สุด ตามด้วย ยอด like ยอดแชร์ที่จะ กระดังเข้ามา ก็ต้องใช้วิธีสกปรก
โดยการโยงดารา ที่กำลังเป็นที่น่าสนใจให้มีประเด็นเกี่ยวข้องด้วยการพาดหัวข่าวแรงๆ บิดเบือนหน้าหาไปในทางที่ต้องการให้เป็นข่าว
ผู้บริโภคซึ่งก็รู้ๆ กันอยู่แล้วว่า ส่วนใหญ่กระแสมาอย่างไรก็จะตามไปอย่างนั้น บ้างก็อ่านแต่พาดหัวข่าว บ้างก็ไม่อ่านเลยแชร์อย่างเดียว
จนเกิดประเด็นวิภาควิจารย์ไปต่างๆ นาๆ ตั้งๆ ที่เรื่องอยู่ระหว่างการสอบปากคำ สอบสวนกันอยู่ ยังไม่ได้ข้อสรุปอะไรเลย แต่ดาราก็ตงเป็นจำเลย
ตามข่าวนั้นไปเสียแล้ว
จึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ผู้ที่เกี่ยวข้องออกมาจัดการจัดระเบียบการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเสียที ซึ่งผมขอเสนอดังนี้ครับ
1. ผู้ที่สามารถเขียนข่าว หรือเผยแพร่ข่าวสารได้จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาติ หรือมีใบประกอบวิชาชีพเท่านั้น
2. เว็บไซต์หรือเพจเฟคบุ๊คะ ที่สามารถเขียนข่าวหรือเผยสารได้ ต้องได้รับการอนุญาติ มีการจดทะเบียนที่ถูกต้อง อยู่ต้องเป็นเว็บไซต์หรือเพจที่อยู่
ในกลุ่มประเภท ข่าวสาร หรือ เผยแพร่ข่าวสารเท่านั้น ไม่ใช้ เว็บไซต์หรือเพจเฟสบุค ขายยาลดน้ำหนัก แชร์คลิปชาวบ้าน ขายสินค้าต่างๆ ซึ่งไม่ได้
อยู่ในกลุ่มประเภทเผยแพร่ข่าวสารเลย ไม่ควรที่จะเผยแพร่ข่าวเพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ได้ ควรจำกัดให้สิ้นซาก
3. ผู้ที่ได้รับอนุญาติให้เผยแพร่ข่าวสารได้ ควรมีตัวตนสถานที่ที่ชัดเจน ว่าหน่วยงานไหน เลขที่ใบอนุญาติที่เท่าไหร่
เนื่องจากผู้เขียนข่าวต้องรับผิดชอบทุกคำทุกตัวอักษรที่เขียนข่าวออกไป
4. ควรมีบทลงโทษเรื่องจรรยาบรรณของสื่อสารมวลชน เหมือนที่มีการลงโทษกับนักข่าว
5. ควรบรรจุเรื่องนี้ให้อยู่ใน พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ด้วย
"สรุปง่ายๆ ถ้าไม่ใช้นักข่าว คุณไม่มีสิทธิ์เขียนข่าว
แต่คุณสามารถเผยแพร่ข่าวที่นักข่าวเขียนหรือสำนักข่าวเขียนได้"
คิดได้เท่านี้ก่อนครับ ใครมีอะไรเพิ่มเติมเขียนเพิ่มเติมที่คอมเม้นด้านล่างเลยครับ
และถ้าคิดว่ามีประโยชน์กรุณาเอาไปเผยแพร่ให้ถึงผู้ที่เกียวข้องด้วยเถิด
พวกผู้บริโภคอย่างเราๆ จะได้บริโภคข่าวสารที่ถูกต้องเสียทีครับ
ปล. อยากให้ผู้ที่มีความรู้กว่าผม เอาข้อมูลนี้ไปสรุปจะเผยแพร่เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ www.change.org (เว็บเพื่อการเปลี่ยนแปลง)
ตัวอย่าง พิจารณาเอาเองนะครับว่า สื่อเป็นอย่างไร