ระบบการศึกษาไทยจากประสบการณ์ตรง

สวัสดีครับเท่ วันนี้ผมมาขอพูดเกี่ยวกับระบบการศึกษาไทยนิดนึง (อันนี้เป็นกระทู้แรกของผมนะครับ ขออภัยในสิ่งที่เขียนด้วยนะครับ)ทุกๆวันนี้ทำไมระบบการศึกษาไทยมันถึงไม่ดีพอ????? ผมขอเล่าจากประสบการณ์ตรงที่ผมได้รับมา ซึ่งคุณอาจจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็แล้วแต่ ผมเรียนโรงเรียนเอกชนในกรุงเทพนี้แหละ เรียนเป็นอิงลิชโปรแกรม แต่ตอนนี้อยู่มหาวิทยาลัยแล้ว ด้วยความที่ว่าครอบครัวของผมมีฐานะปลานกลาง ไม่ได้เดือดร้อนอะไร และอยู่กินค่อนข้างสบาย ทำให้ผมเป็นคนค่อนข้างขี้เกียจและไม่ตั้งใจเรียน  และไม่เห็นความสำคัญของการศึกษา ด้วยที่บุคลิกที่เป็นคนขี้เกียจ ไม่เอาไหน ไม่เปิดรับสิ่งต่างๆที่เข้ามา ติดเพื่อน ติดเกมส์ ติดความสุขความสบาย เวลาเรียนส่วนใหญ่ผมก็ไม่ค่อยเข้า พยายามหาทางโดดเรียนให้เยอะที่สุด ไม่เคยทำการบ้าน พอถึงเวลาส่งก็ลอกเพื่อนเอา เวลาสอบก็ไม่เคยอ่านหนังสือ ส่วนใหญ่ก็จะลอกกันซะส่วนใหญ่ ทำอะไรก็ขัดกับคนอื่นไปหมด คิดว่าการที่ต้องตื่นเช้าไปเรียนนี้เป็นอะไรที่ทรมานที่สุด และน่าเบื่อมากๆที่ต้องอยู่โรงเรียนทั้งวัน ก็เลยทำตัวอินดี้นิดๆ ออกแนวเกเรหน่อยๆ55
ประหลาดใจประหลาดใจ

                        พอมาถึงช่วงม.6ที่ผมต้องเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ซึ่งก็พึ่งจะมาคิดในสิ่งที่อยากเรียนนี้แหละ ซึ่งมหาลัยที่ผมอยากจะเข้าก็เข้ายากพอสมควร เป็นมหาลัยชั้นนำของประเทศและภาคอินเตอร์ เพราะว่ามันใกล้บ้านแล้วเพื่อนๆก็เข้าด้วย ช่วงนั้นก็เลยศึกษาหาข้อมูล ลองฝึกทำข้อสอบ ซึ่งมันเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ซึ่งตอนนั้นผมแทบจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ทั้งๆที่เรียนภาคอิงลิชโปรแกรม เพราะความไม่ตั้งใจเรียนเนี้ยแหละ  ก็ลองพยายามไปเรียนพิเศษ ฝึกทำแบบฝึกหัดบางเป็นเวลาหลายเดือน พอถึงเวลาสอบมันก็ไม่ทันอยู่ดี แต่ยังดีที่มหาลัยมีคอร์สเตรียมภาษาก่อนเข้ามหาลัย ซึ่งผมก็ใช้เวลาไปหนึ่งปีเต็ม กว่าจะเข้าได้  (ก็สมควรอยู่55+)  ซึ่งช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา ชีวิตของเราก็เริ่มเปลี่ยนแปลง มีความรับผิดชอบมากขึ้น มีความคิด ใส่ใจต่อสิ่งรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นสังคม สิ่งแวดล้อม มันขัดเกลาอะไรเราหลายๆอย่าง อาจจะเป็นเพราะด้วยความที่ว่าผมอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง อยากเรียนมหาลัยดีๆ อยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่ก็ยังมีท้อแท้บาง เหนื่อยบางตามภาษาคนทั่วไป
เค้าล้อเล่นเค้าล้อเล่น

                        พอที่นี้ถึงเวลาเข้าไปสู่รั้วมหาลัยแล้ว กฎเกณฑ์อะไรต่างๆมันก็เข้มงวดขึ้น ซึ่งก็ต้องใช้เวลาปรับตัวกันบาง ด้วยความที่ว่ามหาลัยมันไม่เหมือนโรงเรียนอะซิ ผมก็เลยทำตัวเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ไม่งั้นคงไปไม่รอด ผมอยากจะพูดถึงระบบที่มันต่างกัน จนทำให้ผมต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง   ในโรงเรียน ไม่ว่าผมจะไม่ตั้งใจเรียนขนาดไหน ไม่ส่งการบ้าน กาข้อสอบบมั่วๆ ยังไงผมก็เรียนต่อไปได้และไม่โดนไล่ออก ถ้าตกก็แค่แก้ศูนย์ ลอกการบ้านส่งนิดๆหน่อยๆก็ผ่านแล้ว  เกรดเฉลี่ยอะไรก็ไม่สนใจ แค่เรียนไปวันๆ แต่พอมาถึงมหาลัยเขาก็มีกฎมากมายที่ผมพึงรู้ตอนเข้า อย่างเช่น ถ้าเกรดต่ำกว่า2.00หลายๆเทอม ก็จะโดนไล่ออกนะ ขาดเรียนเกิน5ครั้ง หมดสิทธิสอบนะ  ผมก็เลยเหมือนถูกขัดเกลาไปโดยปริยาย เพราะว่าสิ่งแวดล้อม สังคม ที่รายล้อมเรา กดดันเรา และทุกคนส่วนใหญ่ก็แข่งขันกัน ทั้งด้านการศึกษา กิจกรรม การพัฒนาตัวเอง   ก็เลยทำให้เปลี่ยนความคิดการใหญ่เลยที่เดียว ผมกลายเป็นคนค่อนข้างมีความรับผิดชอบ แทบจะไม่ได้โดดเรียนเลย ค่อนข้างมีระเบียบวินัย มีวิสัยทัศน์การไกล อ่านหนังสือสอบและตั้งใจเรียน แต่ก็ไม่ได้ดีไปซะทีเดียว เพราะยังมีตัวตนเดิมอยู่บาง (แหะๆ) ระบบทางมหาวิทยาลัยของผมอาจจะไม่เหมือนที่อื่นที่ว่า แต่ละเทอมนั้นเราจะไม่ได้เรียนกับเพื่อนซะส่วนใหญ่ แบบเดินเรียนไปเรื่อยๆ ก็เลยทำให้ตั้งใจเรียนด้วยมั่ง เพราะจะเจอผู้คนไม่ซ้ำกันเลยแต่ละเทอม แต่ก็เหมือนเป็นการฝึกเข้าสังคม การร่วมมือความสมัคคี ได้สังคมที่กว้างขวางมากขึ้น รู้จักการทำงานเป็นทีม
เยี่ยมเยี่ยม

                        สุดท้ายแล้วก็เข้าใจว่าที่มหาลัยต้องมีกฎเกณ์เข้มงวดก็เพราะว่าต้องการให้คนเรามีทักษะ ความสามารถ ที่สามารถเอาไปใช้ได้ในชิวิตจริง ทำงานจริงๆ มันไม่ใช้แค่เรียนๆเล่นๆไปวันๆแล้ว แล้วก็บอกตรงๆเลยว่าเพราะระบบที่มันต่างกัน ทั้งสิ่งแวดล้อม และสังคมด้วย ทำให้ความรู้จากการศึกษาของผมมันได้พัฒนาขึ้นไปจริงๆ ซึ่งผมก็อาจจะบอกได้ว่า ถ้ามหาลัยไม่เข้มงวดเหมือนโรงเรียนผมอาจจะเป็นคนไม่เอาไหนอยู่ก็ได้  มันอาจจะฟังดูเหมือนเป็นสิ่งที่บังคับจิตใจเรา แต่มันก็ยังดีที่ทำให้คนเป็นคนได้นะ แต่เราก็ต้องมีใจที่อยากจะพัฒนาตัวเอง ถึงจะประสบความสำเร็จได้ ทั้งหมดอยู่ที่ตัวเราเองเลย ขอบคุณครับที่อ่านจนจบ

จุ๊บๆจุ๊บๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่