เรื่องมีอยู่ว่า
1. เราไปญี่ปุ่น ราว 10 วัน โดยลง Tokyo กลับ Osaka และระหว่างเดินทางได้วางแผนไปดู Toyota Commemorative Museum of technology and industries ที่เมือง Nagoya โดยนั่ง Shinkansen จาก Shin Osaka ไป เราไปถึง ก็ต้องเสียเวลาไปเลือกรองเท้าแตะให้กับคนที่ไปด้วยซึ่ง เท้าเจ็บเนื่องจากรองเท้ากัด จนได้รองเท้าที่ต้องการ แล้วไปทานอาหารที่ร้านหยดเหรียญ ซึ่งยืนทานอาหารในสถานี Nagoya แต่ว่าร้านนี้เจ้าของยุ่งมากขายดี เราทานเสร็จ ได้ลืมรองเท้าเจ้ากรรมเอาไว้ ไม่ได้หยิบมา พอไปที่สถานีรถไฟ Sako จึงทราบ วันจันทร์หยุด Museum ปิด เลยเดินทางไปเที่ยวต่อที่เมืองอื่น กว่าจะนึกได้ก็เดินทางไปไกลแล้ว ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า เขาจะเก็บเอาไว้ให้ไหมหรือเปล่า

ความที่ตั้งใจจะไปดู Museum ให้ได้ เลยไปใหม่ในวันอังคารรุ่งขึ้น แล้วเลยแวะไปถามที่ร้าน ดังกล่าวว่าเห็นรองเท้าไหม ปรากฏว่าเขาเห็นแต่เอาไปฝากไว้ที่ Lost & found โดยผู้ช่วยเขาพยายามสื่อให้ผมและเขียนหนังสือภาษาญี่ปุ่นให้ลองไปถาม ผมไปปรากฏว่าไม่ได้เรื่องไม่เข้าใจกัน กลับมาถามที่ร้านเขาใหม่ คราวนี้ คุณผู้หญิงเจ้าของร้าน ยอมละมือที่ขายของ Ramen มาเลยทั้งที่คนมากมาย และพาผมไปที่เดิมอีกซึ่งไกลพอควร ส่งภาษากันจน จนท. เข้าใจและได้รองเท้าคืน ผมว่าเป็นมุมที่ดีและน่ารักของคนญี่ปุ่น ที่พยายามช่วยเหลืออย่างดีที่สุดเพื่อคืนของให้เราให้ได้ รู้สึกประทับใจมาก แม้ว่าของจะได้มีราคาค่างวดมากมายก็ตาม
2. อีก
2 วันต่อมาวันจะกลับซื้อของซึ่งเป็นขนมทานเล่น 2 กล่องใส่ถุงกระดาษหิ้วแล้วจะเอาไปฝากญาติ เขาฝากสั่งมา ตอนผ่าน Security ที่ Kansai Airport เราดันลืมไว้ จนผ่าน ตม. นั่ง Shuttle และมาที่ Gate แล้วนั่งรอจนเกือบได้เวลาเรียกขึ้นเครื่องแล้ว นึกได้ว่าน่าจะลืมไว้ พยายามจะเดิมกลับไปเอาแต่ออกย้อนกลับไปไม่ถูก และคงไม่ทันแล้วและกว่าจะผ่าน ตม. กลับออกไป และกลับมาอีกไม่ทันแน่ ไปขอความช่วยเหลือของ เจ้าหน้าที่ ของ Airline ซึ่งเป็นคนญี่ปุ่น เขาพยายามสอบถามและบอกให้ผมไปเอา แต่เดินกลับไปไม่ถูกแน่ เขาเลยติดต่อให้ จนท. ที่เป็น Ground staff ให้เดินไปเอาของเอาของที่ว่านั่นกลับมาให้ที่ gate ทันเวลาเลย น่าดีใจมากเพราะไม่คิดว่าจะได้ของคืนแล้วเนื่องจาก เวลากระชั้น และอยู่ไกลมากตั้งนั่งรถไฟ Shuttle ไปที่ main terminal
ผมได้ยินเรื่องดีๆของคนญี่ปุ่นหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ อดมาเล่าให้พวกเราฟังไม่ได้จริงๆ เพราะความประทับใจในการช่วยเหลือของเขาทั้ง 2 เหตุการณ์
ไปญี่ปุ่นคราวนี้ พบเรื่องดีๆของคนญี่ปุ่น 2 เรื่อง ลืมของไว้แล้วได้คืน กับลืมของฝากที่สนามบินแล้ว เจ้าหน้าที่ไปตามให้
1. เราไปญี่ปุ่น ราว 10 วัน โดยลง Tokyo กลับ Osaka และระหว่างเดินทางได้วางแผนไปดู Toyota Commemorative Museum of technology and industries ที่เมือง Nagoya โดยนั่ง Shinkansen จาก Shin Osaka ไป เราไปถึง ก็ต้องเสียเวลาไปเลือกรองเท้าแตะให้กับคนที่ไปด้วยซึ่ง เท้าเจ็บเนื่องจากรองเท้ากัด จนได้รองเท้าที่ต้องการ แล้วไปทานอาหารที่ร้านหยดเหรียญ ซึ่งยืนทานอาหารในสถานี Nagoya แต่ว่าร้านนี้เจ้าของยุ่งมากขายดี เราทานเสร็จ ได้ลืมรองเท้าเจ้ากรรมเอาไว้ ไม่ได้หยิบมา พอไปที่สถานีรถไฟ Sako จึงทราบ วันจันทร์หยุด Museum ปิด เลยเดินทางไปเที่ยวต่อที่เมืองอื่น กว่าจะนึกได้ก็เดินทางไปไกลแล้ว ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า เขาจะเก็บเอาไว้ให้ไหมหรือเปล่า
ความที่ตั้งใจจะไปดู Museum ให้ได้ เลยไปใหม่ในวันอังคารรุ่งขึ้น แล้วเลยแวะไปถามที่ร้าน ดังกล่าวว่าเห็นรองเท้าไหม ปรากฏว่าเขาเห็นแต่เอาไปฝากไว้ที่ Lost & found โดยผู้ช่วยเขาพยายามสื่อให้ผมและเขียนหนังสือภาษาญี่ปุ่นให้ลองไปถาม ผมไปปรากฏว่าไม่ได้เรื่องไม่เข้าใจกัน กลับมาถามที่ร้านเขาใหม่ คราวนี้ คุณผู้หญิงเจ้าของร้าน ยอมละมือที่ขายของ Ramen มาเลยทั้งที่คนมากมาย และพาผมไปที่เดิมอีกซึ่งไกลพอควร ส่งภาษากันจน จนท. เข้าใจและได้รองเท้าคืน ผมว่าเป็นมุมที่ดีและน่ารักของคนญี่ปุ่น ที่พยายามช่วยเหลืออย่างดีที่สุดเพื่อคืนของให้เราให้ได้ รู้สึกประทับใจมาก แม้ว่าของจะได้มีราคาค่างวดมากมายก็ตาม
2. อีก 2 วันต่อมาวันจะกลับซื้อของซึ่งเป็นขนมทานเล่น 2 กล่องใส่ถุงกระดาษหิ้วแล้วจะเอาไปฝากญาติ เขาฝากสั่งมา ตอนผ่าน Security ที่ Kansai Airport เราดันลืมไว้ จนผ่าน ตม. นั่ง Shuttle และมาที่ Gate แล้วนั่งรอจนเกือบได้เวลาเรียกขึ้นเครื่องแล้ว นึกได้ว่าน่าจะลืมไว้ พยายามจะเดิมกลับไปเอาแต่ออกย้อนกลับไปไม่ถูก และคงไม่ทันแล้วและกว่าจะผ่าน ตม. กลับออกไป และกลับมาอีกไม่ทันแน่ ไปขอความช่วยเหลือของ เจ้าหน้าที่ ของ Airline ซึ่งเป็นคนญี่ปุ่น เขาพยายามสอบถามและบอกให้ผมไปเอา แต่เดินกลับไปไม่ถูกแน่ เขาเลยติดต่อให้ จนท. ที่เป็น Ground staff ให้เดินไปเอาของเอาของที่ว่านั่นกลับมาให้ที่ gate ทันเวลาเลย น่าดีใจมากเพราะไม่คิดว่าจะได้ของคืนแล้วเนื่องจาก เวลากระชั้น และอยู่ไกลมากตั้งนั่งรถไฟ Shuttle ไปที่ main terminal
ผมได้ยินเรื่องดีๆของคนญี่ปุ่นหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ อดมาเล่าให้พวกเราฟังไม่ได้จริงๆ เพราะความประทับใจในการช่วยเหลือของเขาทั้ง 2 เหตุการณ์