[CR] แบกเป้ตะลุยโลก "ภูกระดึง" 1,500 บาท ก็เที่ยวได้


*****1500บาทก็เที่ยวได้******
+++++ฝากใจไว้ภูกระดึง+++++
-กทม บขส 377 บาท ลงผานกเค้า
-นั่งรถแดง30บาท รอ10คน ถึงตีนภู
-ค่าเข้าคนละ30บาท ค่าเต้นมาเอง30บาท/คืน (เช่าเต้นท์ 250บาท/หลัง)
-ค่ากิน200บาท
-เช่าจักรยาน360บาท
-ค่ารถแดงขากลับ30บาท
-ค่ารถกลับ450บาท ติดต่อรถกลับที่ผานกเค้า
-ใช้จ่ายรวม 1507 บาท
* Alone trip
**หาถุงกันทากไม่ทัน ซื้อถุงเท้ายืดได้ยาวๆมายืดคลุมกางเกง
***หายากันทากไม่ทัน ซื้อซอฟเฟล หรือน้ำหอม มาฉีดเวลาทากเกาะ
**** ไปตามนี้ถึงชัวร์กลับด้วย ^{+++++}^


        สวัสดีนักเดินทางทุกท่านผมขอเป็นส่วนหนึ่งในการรีวิวสถานที่ / และสวัสดีนักเดินทางใหม่ที่อยากจะเดินทางท่องเที่ยว การเดินทางไม่ได้ยากอย่างที่คิด ถึงแม้ท่านจะเริ่มออกเดินทางคนเดียวครั้งแรกก็ตาม อยากให้ท่านรู้ว่ายังมีเพื่อนร่วมทางที่อยู่ทุกที่ทุกมุมโลกที่เป็นเพื่อนท่าน และยังเดินทางอยู่ในขณะนี้ ท่านจะไม่โดดเดียวในการเดินทางเลย และครั้งแรกตื่นเต้นเสมอ ผมขอเชิญชวน และ สนับสนุนนักท่องเที่ยวใหม่ครับ   ผมเองก็ตื่นเต้นเหมือนกันเพราะพึ่งเขียนรีวิวครั้งแรก ฮ่าๆ

                                                                      
  *****แบกเป้ตะลุยโลก*****


         ผมออกเดินทางจากขนส่งหมอชิตตอน 21.30 น. มาถึงผานกเค้าตอนเช้ามืด ลงมาแบบงงๆเหมือนเดิม เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่าที่ไหน ที่นี่ใช่ผานกเค้าหรือเปล่า แต่สิ่งที่สัมผัสได้สิ่งแรกหลังจากลงรถ คือ ลมหนาวที่ประทะเข้ากับตัวผมอย่างจัง โอ้พระเจ้า! ไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวมา ก็คิดในใจว่าถ้าข้างล่างหนาวขนาดนี้ข้างบนจะขนาดไหน ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นเข้าไปอีก จุดที่ลงรถที่ผานกเค้าจะอยู่ตรงร้านเจ้แป๋วซึ่งเป็นจุดซื้อตั๋วกลับ หลายคนที่มาเที่ยวก็จะจองตั๋วกลับไว้ก่อนเลย และตรงนี้จะมีรถแดงไปยังอุทยาน ค่าไปคันละ300บาท เลยรอรวมจนครบ10คน จึงได้จ่ายแค่30บาท มาถึงอุทยานก็ซื้อตั๋วตามปกติ


        
           ผมเริ่มเดินทางขึ้นเขาตอน7.15 น. ถึงจุดพิชิตตอน 9.30 น. ใช้เวลา2 ชม 15น. รีบขึ้นเผื่อว่าจะได้เที่ยวบนยอดภูกระดึงเยอะๆ เพราะเห็นเค้าบอกว่าข้างบนนั้นนะกว้างมากและมีสถานที่เที่ยวสวยๆให้เราชมเยอะเลย




           
            ผมก็เริ่มเดินเที่ยวคนเดียวในพื้นที่กว้างบนยอดเขา และที่สำคัญตอนที่ผมไปคนน้อยมาก คือการเดินทางส่วนใหญ่ในการเที่ยวชมน้ำตกก็เป็นระยะทางที่ไกลพอสมควร ทำให้ผมคิดว่าเฮ้ยมาถูกทางเปล่าวะ เพราะความรู้สึกคือเดินไปไกลมากยังไม่เห็นผู้คนเลย น้ำตกก็ยังไม่เห็น แล้วไม่มีใครที่ระหว่างทางที่จะทำให้ผมมันใจว่ามาถูกทางแล้ว ก็มีผมกับความคิดผมนี่แหละ ที่เดินทางไปด้วยกัน เดินทางก็ว่าเหนื่อยแล้ว แต่ยังต้องมาสู้กับความคิดอีก บางครั้งก็คิดถึงเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็น หรือสัตว์ป่าทำร้าย  ฮ่าๆ มันตื่นเต้นมันส์ๆ กลัวๆแบบบอกไม่ถูก และเป็นอย่างนี้ทุกครั้งเลยเวลาเข้าป่าคนเดียว แต่ก็ชอบ ลุยๆไป จนเที่ยวชมน้ำตกที่เปิดให้บริการเข้าชมหมดตอน 14.30 น.





          

            จากนั้นผมก็ได้ไปเช่าจักรยานราคา360บาท และได้เจอเพื่อนใหม่สองคนที่ร้านเช่าจักยานเป็นผู้ชายทั้งคู่ นิสัยดีมาก พูดคุยตลกเฮฮา ที่สำคัญพูดเพราะ เพราะพึ่งปลดทหารมา เรียกผมคุณท่านตลอดการเดินทางเลย ครับผม ครับๆ ครับท่าน ผมว่าไปทางนี้ดีนะครับท่าน 5555 คงอยู่กับนายบ่อย ผมว่าเค้าคงฝึกมาดี โดยส่วนตัวผมว่ามันมีเสน่ห์นะคนพูดเพราะ เอาซะผมติดคำว่าผม ท่าน มาด้วยเลย555 ดีๆๆ งั้นท่านผู้อ่านรีวิวตามผมมาอ่านต่อเลยนะครับท่าน ^{++++}^ เราปั่นเลาะผาจนถึงผาหล่มสัก ซึ่งตลอดระยะทางที่ปั่นนั้นเป็นอะไรที่สวยมาก คือเราปั่นท่ามกลางสวนสนและวิวขอบผาที่มองไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณเองต้องมาสัมผัสเอง ด้วยความที่ว่าสวยจนเราสามคนปั่นเพลินจนลืมไปว่าพระอาทิตย์จะลับฟ้าแล้ว พอไปถึงผาหล่มสักมีเวลาแค่5นาทีเท่านั้นก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน และนั้นก็เป็น5นาทีที่สุดยอดมาก ในความรู้สึกผม ผมว่าผาที่ปั่นๆผ่านมาสวยแล้ว แต่ความสวยรวมๆกันยังไม่เท่าผาหล่มสักเลย ผมว่าเป็นอะไรที่คุ้มนะ คุ้มค่าเลยทีเดียว  และหลังจากผ่านไป10นาที ทุกอย่างก็มืดไปหมด คือมืดจริงๆ จะมีก็แต่ไฟติดหมวกที่ส่องทางกลับที่พักเท่านั้น และความหนาวที่เข้ามาอย่างเฉียบพลัน มันหนาวทะลุใยผ้าเลย ด้วยความมืดที่มืดจริงๆ ผมปั่นอยู่รั้งท้ายด้วย ผมจะชอบเหลียวมองด้านหลังเสมอ เพราะดาวที่ลอยเด่นอยู่บนฟ้าตัดกับทิวสนมันชั่งสวยเกินจนบอกไม่ถูก ผมนี่ปั่นไปเหลียวไปเลย จะปั่นตกผาเอา ฮ่าๆ  











             

           ปั่นจนมาถึงที่พัก หิวสุดพลัง!! อยากมากมาย เพราะระหว่างทางพูดถึงหมูกระทะกัน ไม่เป็นอันปั่นเลยผม  สุดท้ายก็ได้กินหมูกระทะอย่างที่นึกไว้ 500 บาท แชร์กันสามคน ตกคนละร้อยกว่าบาท คืออิ่มมากก สามคนกินกันไม่หมด ทั้งที่หิวกันมาทุกคน เค้าให้เยอะจริงๆ  อากาศหนาวววๆนะไออุ่นๆและความอร่อยจากหมูกระทะ[น้ำจิ้มเด็ด] ไม่มีคำบรรยายต้องลองมาเอง^{+++++}^ มาและ!!สิ่งที่ผมแอบกังวลลึกๆอยู่เสมอ "ทากกกกกกกกก" คือนายไม่ต้องดูดเลือดได้ไหม นายกินใบไม้ยอดหญ้าได้ไหม และที่สำคัญมันกัดแล้วแกะออกยากมาก ต้องใช้จำพวกซอฟเฟลหรือน้ำหอมอะไรก็ได้ให้มันระคายเคืองแล้วมันจะคายออก แต่สิ่งที่ตามมาคือเลือดไหลไม่หยุด ทางที่ดีควรเอาพลาสเตอร์ปิดแผลไปด้วยหรือไม่ก็ใช้ยาเส้นยาตรงบริเวณที่โดนมันดูดเลือด ทากจะมีเยอะบริเวณสนามหญ่าหรือตรงบริเวณกางเต้นท์นะครับ มันชอบที่ชื้นๆ นอกจากทากแล้วยังต้องเผชิญความหนาวอีก บอกตรงๆนอนไม่ค่อยหลับ  ความชื้นจากพื้นเต้นท์มากเกินไป เลยเอาเป้มารองเป็นที่นอน เอาเสื้อสองตัวมากอด เราต้องทำอย่างไงก็ได้ให้ช่วงบริเวณปอดอุ่นที่สุด สุดท้ายก็นอนได้แค่สามชั่วโมงจากสี่ทุ่ม จำเป็นต้องลุกนั่งจนถึงตี5 เพื่อนสองคนก็มาปลุก ตื่นยัง? คืออยากจะบอกว่าตื่นนานแว้ววว ฮ่าๆ เดินเข้าไปที่ทำการซึ่งจะอุ่นกว่าข้างนอก ซึ่งวัดได้ 8 องศา ข้างนอกคงน่าจะต่ำกว่า8 องศา มันชั่งท้าทายชีวิตซะจริงๆ มันส์ ลุยต่อ!!




          ซึ่งตี5 จะมีเจ้าหน้าที่พาไปยังผานกแอ่น ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นจะใช้เวลาเดินไป20-30นาทีก็ถึงผานกแอ่น จะมีทะเลหมอกสวยมากครับ เจ้าหน้าที่บอกตรงนั้นจะมีบริการโอวัลตินและกาแฟฟรีด้วยนะ  เย้!! แต่ค่าน้ำร้อน10บาท ขอบคุณครับท่านเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่เล่นมุกได้โดนใจมาก หลังจากผานกแอ่นแล้วก็กลับมาเก็บเต้นท์ แยกย้ายจากเพื่อนใหม่ ลงภูกลับ กทม.









คุณพร้อมเดินทางแล้ว


**** 1,500 บาท ก็เที่ยวได้
**** ชอบลุยๆ ดิบๆ ก็ไม่ต้องเอาไรมาเยอะ
**** ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม
**** สนับสนุนการออกเดินทาง"แผนที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เราออกเดินทาง"
**** ขอบคุณเพื่อนใหม่สำหรับรูปสวยๆ เป็นเกียรติที่ได้ร่วมทางขอบท่าน
**** @แบกเป้ตะลุยโลก
ชื่อสินค้า:   ภูกระดึง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่