
หนังสือTwilight Over Burma: My Life as a Shan Princess
หนังสืออีกหนึ่งเล่มที่อยู่ในกลุ่มมองพม่าผ่านตัวหนังสือที่ฉันสนใจในยามนี้คือ Twilight Over Burma: My Life as a Shan Princess ชื่อภาษาไทยคือ
สิ้นแสงฉาน หนังสือที่เป็นเหมือนบันทึกประวัติชีวิต จากช่วงเวลา 12 ปีที่ได้อยู่ในรัฐฉาน ของ อิงเง่ ซาร์เจนท์ ผู้หญิงชาวออสเตรีย ที่พบรักแท้แต่มีชะตากกรรมอันรันทด ซึ่งในหนังสือนอกจากจะบอกเล่าแง่มุมของความรักของ มหาเทวี และ เจ้าฟ้าหนุ่มรูปงามแล้วในเรื่องราวของหนังสือยังสอดแทรกเกร็ดการเมืองให้เรารับรู้เป็นระยะ
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อหญิงสาวข้ามน้ำข้ามทะเลไปเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยน ที่โคโลราโด สหรัฐอเมริกา ณ ดินแดนแห่งเสรีภาพ เธอได้พบกับ จาแสง นักศึกษาสาขาวิศวกรรมเหมืองแร่ชาวเอเชีย ชายหนุ่มที่มาจาก รัฐฉาน ดินแดนแห่งขุนเขาที่เป็นส่วนหนึ่งของประเทศพม่า แต่ก็มิใช่พม่า มิตรภาพก่อเกิดเป็นความรัก แม้ว่าความรักต่างเชื้อชาติ ณ เวลานั้นยังดูเป็นเรื่องแปลกประหลาด โดยเฉพาะกับผู้หญิงยุโรปและผู้ชายเอเชีย
หลังจากการแสดงความจริงใจของฝ่ายชายที่มุ่งมั่นเรียนภาษาเยอรมัน เพื่อเดินทางไปพบ พ่อกับแม่ ของอิงเง่ ที่ออสเตรีย เพื่อสู่ขออย่างเป็นทางการ ในที่สุดหนุ่มสาวก็ฝ่าฟันทุกอุปสรรคและได้แต่งงานกันในเวลาต่อมา การแต่งงานทีอเมริกาจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย มีเพียงเพื่อนฝูงที่คุ้นเคย
เมื่อทั้งสองจบการศึกษา จาแสงพาอิงเง่กลับรัฐฉาน ในวันที่เรือใหญ่เข้าเทียบท่าเมืองย่างกุ้งผู้คนมากมายรายล้อมอยู่บริเวณริมแม่น้ำ วงดนตรีปี่ แตร และมโหรีประโคมรับอย่างเอิกเกริก อิงเง่ตื่นตากับวัฒนธรรมของชาวพม่า และชาวไทใหญ่ จนต้องถามสามีว่าคนหล่านี้เขามารอรับใครกัน มีคนใหญ่คนโต เดินทางมาเราด้วยทำไมสามีรู้แล้วไม่บอกเธอ จาแสง บอกเรียบๆว่า คนเหล่านี้มารับ “เรา” นั่นแหละ
วันนั้นเองที่เธอรู้ว่า สามีที่เธอรักสุดหัวใจ ไม่ได้เป็นแค่ นายจาแสง คนธรรมดาสามัญ แต่เขาคือ เจ้าจาแสง เจ้าฟ้าองค์สุดท้ายของเมืองสีป่อ แห่งรัฐฉาน ดินแดนปกครองตนเองของชาวไทใหญ่หนึ่งใน สหพันธรัฐฉาน กลุ่มนครรัฐที่เป็นการรวมตัวกันของเมืองเล็กเมืองน่อยแห่งหุบเขา คนเหล่านี้ไม่ใช่ชาติพันธ์ุพม่า ไม่เคยอยากรวมกับพม่า ถ้าไม่เพราะความจำเป็นบังคับ และเพราะเบื้องลึกเบื้องหลังของดินแดนแห่งนี้ชุ่มโชกไปด้วยเลือดเนื้อและเหงื่อไคลจากการดิ้นรนเพื่ออิสระภาพ อิงเง่ รู้ดีในเวลาต่อมาว่า สามีของเธอในฐานะผู้นำชาติ จะต้องมีภาระกิจมากมายเพื่อนำพาชาติของเขาไปสู่อิสรภาพและความรุ่งเรือง และ ยิ่งได้รู้ความจริงของภาระแห่งบทบาท สตรีหมายเลขหนึ่ง ก็ยิ่งสร้างความสับสน ให้กับหญิงสาวต่างชาติต่างภาษา ที่ความรักนำพามายังบ้านเมืองใหม่แต่เธอก็พยายามใช้ชีวิตและทำประโยชน์บางอย่างให้บ้านเมืองในฐานะ “มหาเทวี” แห่งรัฐฉาน
ความสุขไม่จีรังและความทุกข์มาเร็วกว่าที่คาด เช้าวันหนึ่ง อิงเง่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า สามี ซึ่งเดินทางไปเยี่ยมพี่สาวและทำธุระที่ย่างกุ้งยังไม่กลับมา การหายตัวไปของเจ้าจาแสงเกิดขึ้นก่อนวันปฏิวัติของนายพลเนวิน ไม่กี่วัน และหลังจากการรวบอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ เนวิน ก็นำพาพม่าเข้าสู่สรภูมิเลือดของการสังหารเผ่าพันธ์ุที่ไม่ใช่พม่า
เจ้าหลวงของรัฐอิสระใหญ่น้อย และผู้นำชนเผ่าต่างๆถูกจับกุม คุมขัง และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ชนเผ่าต่างภาษาถูกปฏิเสธการเป็นส่วนหนึ่งในดินแดนอันสมบูรณ์ ทั้งที่พวกเขาอยู่กันมานับร้อยปี ที่เลวร้ายที่สุดคือการเกิดขึ้นของ ใบอนุญาตข่มขืน เพื่อสนองนโยบายขยายพันธุ์พม่าของรัฐบาลกลาง เด็กและหญิงชาวบ้านในรัฐฉาน ถูกข่มขืนอย่างทารุณจากทหารพม่า เป็นความน่าสะพรึงกลัวที่ต้องสงสัย ว่านี่มันคือสิ่งที่มนุษย์กระทำต่อกันจริงๆหรือ คนประเภทไหนกันกระทำต่อกันได้ขนาดนี้
สำหรับตัวหนังสือเองนั้น อิงเง่เลือกเขียนในรูปแบบที่ค่อยๆเล่าเรื่อง ทีละเรื่อง เหมือนเป็นบันทึกความทรงจำที่สวยงามและมีความสุขของผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเคยมีรักแท้ แต่แล้ววันหนึ่งทุกอย่างมันก็หายไปเหมือนอากาศธาตุ การพลัดพรากจากคนที่รัก ไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตาย นำความเจ็บร้าวมาให้เสมอ ลองจินตนาการถึงการพลัดพรากอย่างที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือตายเถิดว่า มันจะเป็นเช่นไร
เมื่อไม่นานมานี้ สิ้นแสงฉาน ถูกนำมาทำดัดแปลงทำภาพยนตร์โดยบริษัทหนัง ออสเตรีย แต่น่าเสียดายที่ประเทศไทยไม่ให้ฉาย เพราะกลัวกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างไทย พม่า ฉันถึงเลือกมาอ่านหนังสือ เพื่อหาคำตอบให้กับหลายๆเรื่อง เพราะอย่างน้อย นี่คือ สื่อ ที่ถูกปิดกั้นน้อยที่สุด ณ โมงยามนี้
เจ้าฟ้าหลวงจาแสง

พระมหาเทวีกับพระธิดา

ครอบครัวเจ้าฟ้าหลวง และมหาเทวีของชาวไทใหญ่

สิ้นแสงฉานฉบับภาพยนตร์

อิงเง่ และ เจ้าจาแสง ฉบับภาพยนตร์

อิงเง่ ซาร์เจนท์ ณ ปัจจุบันพำนักอยู่ที่สหรัฐอเมริกาพร้อมครอบครัว
[CR] "สิ้นแสงฉาน"เมื่อรักดับสลายในสายธารแห่งอำนาจ
หนังสือTwilight Over Burma: My Life as a Shan Princess
หนังสืออีกหนึ่งเล่มที่อยู่ในกลุ่มมองพม่าผ่านตัวหนังสือที่ฉันสนใจในยามนี้คือ Twilight Over Burma: My Life as a Shan Princess ชื่อภาษาไทยคือ
สิ้นแสงฉาน หนังสือที่เป็นเหมือนบันทึกประวัติชีวิต จากช่วงเวลา 12 ปีที่ได้อยู่ในรัฐฉาน ของ อิงเง่ ซาร์เจนท์ ผู้หญิงชาวออสเตรีย ที่พบรักแท้แต่มีชะตากกรรมอันรันทด ซึ่งในหนังสือนอกจากจะบอกเล่าแง่มุมของความรักของ มหาเทวี และ เจ้าฟ้าหนุ่มรูปงามแล้วในเรื่องราวของหนังสือยังสอดแทรกเกร็ดการเมืองให้เรารับรู้เป็นระยะ
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อหญิงสาวข้ามน้ำข้ามทะเลไปเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยน ที่โคโลราโด สหรัฐอเมริกา ณ ดินแดนแห่งเสรีภาพ เธอได้พบกับ จาแสง นักศึกษาสาขาวิศวกรรมเหมืองแร่ชาวเอเชีย ชายหนุ่มที่มาจาก รัฐฉาน ดินแดนแห่งขุนเขาที่เป็นส่วนหนึ่งของประเทศพม่า แต่ก็มิใช่พม่า มิตรภาพก่อเกิดเป็นความรัก แม้ว่าความรักต่างเชื้อชาติ ณ เวลานั้นยังดูเป็นเรื่องแปลกประหลาด โดยเฉพาะกับผู้หญิงยุโรปและผู้ชายเอเชีย
หลังจากการแสดงความจริงใจของฝ่ายชายที่มุ่งมั่นเรียนภาษาเยอรมัน เพื่อเดินทางไปพบ พ่อกับแม่ ของอิงเง่ ที่ออสเตรีย เพื่อสู่ขออย่างเป็นทางการ ในที่สุดหนุ่มสาวก็ฝ่าฟันทุกอุปสรรคและได้แต่งงานกันในเวลาต่อมา การแต่งงานทีอเมริกาจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย มีเพียงเพื่อนฝูงที่คุ้นเคย
เมื่อทั้งสองจบการศึกษา จาแสงพาอิงเง่กลับรัฐฉาน ในวันที่เรือใหญ่เข้าเทียบท่าเมืองย่างกุ้งผู้คนมากมายรายล้อมอยู่บริเวณริมแม่น้ำ วงดนตรีปี่ แตร และมโหรีประโคมรับอย่างเอิกเกริก อิงเง่ตื่นตากับวัฒนธรรมของชาวพม่า และชาวไทใหญ่ จนต้องถามสามีว่าคนหล่านี้เขามารอรับใครกัน มีคนใหญ่คนโต เดินทางมาเราด้วยทำไมสามีรู้แล้วไม่บอกเธอ จาแสง บอกเรียบๆว่า คนเหล่านี้มารับ “เรา” นั่นแหละ
วันนั้นเองที่เธอรู้ว่า สามีที่เธอรักสุดหัวใจ ไม่ได้เป็นแค่ นายจาแสง คนธรรมดาสามัญ แต่เขาคือ เจ้าจาแสง เจ้าฟ้าองค์สุดท้ายของเมืองสีป่อ แห่งรัฐฉาน ดินแดนปกครองตนเองของชาวไทใหญ่หนึ่งใน สหพันธรัฐฉาน กลุ่มนครรัฐที่เป็นการรวมตัวกันของเมืองเล็กเมืองน่อยแห่งหุบเขา คนเหล่านี้ไม่ใช่ชาติพันธ์ุพม่า ไม่เคยอยากรวมกับพม่า ถ้าไม่เพราะความจำเป็นบังคับ และเพราะเบื้องลึกเบื้องหลังของดินแดนแห่งนี้ชุ่มโชกไปด้วยเลือดเนื้อและเหงื่อไคลจากการดิ้นรนเพื่ออิสระภาพ อิงเง่ รู้ดีในเวลาต่อมาว่า สามีของเธอในฐานะผู้นำชาติ จะต้องมีภาระกิจมากมายเพื่อนำพาชาติของเขาไปสู่อิสรภาพและความรุ่งเรือง และ ยิ่งได้รู้ความจริงของภาระแห่งบทบาท สตรีหมายเลขหนึ่ง ก็ยิ่งสร้างความสับสน ให้กับหญิงสาวต่างชาติต่างภาษา ที่ความรักนำพามายังบ้านเมืองใหม่แต่เธอก็พยายามใช้ชีวิตและทำประโยชน์บางอย่างให้บ้านเมืองในฐานะ “มหาเทวี” แห่งรัฐฉาน
ความสุขไม่จีรังและความทุกข์มาเร็วกว่าที่คาด เช้าวันหนึ่ง อิงเง่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า สามี ซึ่งเดินทางไปเยี่ยมพี่สาวและทำธุระที่ย่างกุ้งยังไม่กลับมา การหายตัวไปของเจ้าจาแสงเกิดขึ้นก่อนวันปฏิวัติของนายพลเนวิน ไม่กี่วัน และหลังจากการรวบอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ เนวิน ก็นำพาพม่าเข้าสู่สรภูมิเลือดของการสังหารเผ่าพันธ์ุที่ไม่ใช่พม่า
เจ้าหลวงของรัฐอิสระใหญ่น้อย และผู้นำชนเผ่าต่างๆถูกจับกุม คุมขัง และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ชนเผ่าต่างภาษาถูกปฏิเสธการเป็นส่วนหนึ่งในดินแดนอันสมบูรณ์ ทั้งที่พวกเขาอยู่กันมานับร้อยปี ที่เลวร้ายที่สุดคือการเกิดขึ้นของ ใบอนุญาตข่มขืน เพื่อสนองนโยบายขยายพันธุ์พม่าของรัฐบาลกลาง เด็กและหญิงชาวบ้านในรัฐฉาน ถูกข่มขืนอย่างทารุณจากทหารพม่า เป็นความน่าสะพรึงกลัวที่ต้องสงสัย ว่านี่มันคือสิ่งที่มนุษย์กระทำต่อกันจริงๆหรือ คนประเภทไหนกันกระทำต่อกันได้ขนาดนี้
สำหรับตัวหนังสือเองนั้น อิงเง่เลือกเขียนในรูปแบบที่ค่อยๆเล่าเรื่อง ทีละเรื่อง เหมือนเป็นบันทึกความทรงจำที่สวยงามและมีความสุขของผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเคยมีรักแท้ แต่แล้ววันหนึ่งทุกอย่างมันก็หายไปเหมือนอากาศธาตุ การพลัดพรากจากคนที่รัก ไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตาย นำความเจ็บร้าวมาให้เสมอ ลองจินตนาการถึงการพลัดพรากอย่างที่ไม่รู้ว่าเป็นหรือตายเถิดว่า มันจะเป็นเช่นไร
เมื่อไม่นานมานี้ สิ้นแสงฉาน ถูกนำมาทำดัดแปลงทำภาพยนตร์โดยบริษัทหนัง ออสเตรีย แต่น่าเสียดายที่ประเทศไทยไม่ให้ฉาย เพราะกลัวกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างไทย พม่า ฉันถึงเลือกมาอ่านหนังสือ เพื่อหาคำตอบให้กับหลายๆเรื่อง เพราะอย่างน้อย นี่คือ สื่อ ที่ถูกปิดกั้นน้อยที่สุด ณ โมงยามนี้
เจ้าฟ้าหลวงจาแสง
พระมหาเทวีกับพระธิดา
ครอบครัวเจ้าฟ้าหลวง และมหาเทวีของชาวไทใหญ่
สิ้นแสงฉานฉบับภาพยนตร์
อิงเง่ และ เจ้าจาแสง ฉบับภาพยนตร์
อิงเง่ ซาร์เจนท์ ณ ปัจจุบันพำนักอยู่ที่สหรัฐอเมริกาพร้อมครอบครัว