#SeoulAllaySis ,, เกาหลีนี้มีคิ้วท์ ♡


"แก ไปเกาหลีกันม่ะ สิงหานี้?"
"น่าสน ตัดสินใจแปป"

"เนี่ย ตั๋วโปรไปกลับไม่ถึงแปดพัน"
"โอ้ย go go"

สวัสดีค่ะ/อัสสลามมุอาลัยกุม  ทริปนี้ของพวกเราเป็นการแบคแพคไปโซล ช่วงวันที่ 10-15 สิงหาคม 2559 ทั้งหมด 6 วัน 5 คืน
ในเดือนที่ขึ้นชื่อว่า 'ร้อนที่สุด' ของเกาหลีใต้


♡ ค่าใช้จ่ายก่อนเดินทาง

'ตั๋วเครื่องบินไปกลับ  Air Asia X ล่วงหน้า 3 เดือน+กระเป๋าขากลับ(2คน) 30 kg  คนละ 8298 บาท
'ที่พัก  5 คืน จองผ่าน booking.com คนละ 4350 บาท
'ตั๋ว everland + sim net  คนละ 1850 บาท

♡ เตรียมตัวก่อนเดินทาง
'เราหาข้อมูลจากเพจต่างๆและกระทู้พันทิป รวมถึงแอพต่างๆเหล่านี้


1. Korea Subway

แอพสถานีรถไฟฟ้า ที่ให้เราเลือกต้นทาง-ปลายทาง พร้อมบอกวิธีเดินทาง 2 แบบ คือ ใช้เวลาน้อยที่สุดกับเปลี่ยนสายน้อยที่สุด ใช้เวลากี่นาที เปลี่ยนสายยังไงบ้าง รวมถึงบอกราคาตั๋วด้วย บอกแม้กระทั่งรถไฟจะมาเวลาไหน อีกกี่นาที โหลดไว้ค่ะ
แล้วชีวิตในเกาหลีจะสบาย

2. Halal Korea

แอพนี้มีประโยชน์ต่อเพื่อนๆชาวมุสลิมมาก เข้ามาจะเจอหน้าหลัก ซึ่งเราสามารถดูเวลาละหมาด ทิศกิบลัต อ่านอัลกุรอาน
และหาข้อมูลการท่องเที่ยว อาหารฮาลาลได้จากแอพนี้

หมวดReataurants * ดีงามมากกกก มีการแบ่งหมวดหมู่ร้านอาหารเป็น 5 ประเภท ได้แก่ Halal certified, Self certified, Muslim friendly, Muslim welcome และ Pork free จากรูป เมื่อกดเลือก Halal certified จะมีรายชื่อร้านอาหารและประเภทอาหาร เมื่อเรากดเลือก สามารถดูรายละเอียดสถานที่ของร้านนั้นๆได้

และด้านล่างของหมวด Reataurants จะมี Useful Korean Expression เป็นบทสนทนาเกี่ยวกับการสั่งอาหารแบบสั้นๆ และมีปุ่มกดเลือกเสียงภาษาเกาหลีได้ทั้ง ช/ญ สำเนียงคิ้วท์มาก ชอบเปิดฟังแล้วพูดตาม 55

อีกอย่างหมวด Scan ไว้สแกนบาร์โคดของผลิตภัณฑ์ในเกาหลี ว่าสามารถกินได้หรือไม่ได้ ถ้าฮาลาลหรือสามารถกินได้จะมีจอสีเขียวแจ้งว่า You can consume this product ถ้ากินไม่ได้ จะขึ้นจอสีแดงแจ้งว่าปนเปื้อนเนื้อสัตว์/หมู/เจลาติน บางอย่างก็ไม่มีข้อมูล จะขึ้นว่า No Data ซึ่งเราสามารถส่งรูปผลิตภัณฑ์และส่วนประกอบไปยังแอพ เพื่อให้เขาปรับปรุงข้อมูลและพัฒนาแอพต่อไปได้อีกด้วย

3. Seoul PASS

เราใช้แอพนี้หาตั๋วลดราคาจ้า อย่างที่เห็นตั๋วเข้า Everland ลดเหลือ 35000 จาก 52000 วอน อีกอย่างที่เราสนใจคือ sim ค่ะ ไว้เล่นเนต อันนี้เนต unlimitted 5 วัน ราคา 24500 จาก 27500 วอน รวมๆแล้ว เราได้ส่วนลดจากแอพนี้ถึง 25% ขั้นตอนการจ่ายเงินจะจ่ายผ่านบัตรเครดิตหรือ paypal ก็ได้ และจะมีอีเมล์ส่งมายืนยันการสั่งซื้อและชำระเงิน ปริ้นใบจองเก็บไว้ ก็เรียบร้อยค่ะ

4. Visit Korea

แอพขององค์การท่องเที่ยวเกาหลี ใช้หาข้อมูลท่องเที่ยวที่ต่างๆ ตามหมวดหมู่ที่เราสนใจ

5. K-book

แอพหาข้อมูล แต่จะเป็นการดาวน์โหลดหนังสือเรื่องที่เราสนใจมาเก็บไว้ ของเราก็จะเป็น Gwangjang Market ,
Muslim friendly restaurant, Korea Cooking.

♡ เดินทางกันเลย

DAY 0 : 9 Aug 2016

เราไปถึงสนามบินดอนเมืองกันเกือบๆห้าทุ่ม บินไฟลท์ตี 1.55 น. เช็คอินล่วงหน้าแล้วไปขอใบ ตม.ที่เคาท์เตอร์ Air Asia
ก่อนจะมุ่งตรงไปด่าน ตม. คืนนี้คนค่อนข้างเยอะพอสมควร นั่งเม้าท์กันไปเรื่อยๆ จนถึงเวลา Boarding

ไฟลท์นี้ส่วนใหญ่เป็นคนเกาหลีเกือบทั้งลำ ตอนตรวจบอร์ดดิ้งพาส พนักงานใช้เวลาในการยืนยันข้อมูลนานมาก จนเราสองคนกังวล
10 นาทีผ่านไปก็ได้คืนมา และปรากฎตัว v. บนบอร์ดดิ้งของเราสองคน ถามพนักงานก็ได้ความว่า
คนไทยต้องทำการ verify (v.) กับทางเกาหลีก่อนทุกคน

ขึ้นเครื่อง เก็บกระเป๋า คาดเข็มขัดแล้วปิดตานอน ง่วงมากกก รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนสัญญาณรัดเข็มขัดดังหลังจากผ่านไป 1 ชม. มั้ง
และเราก็นอนไม่หลับอีกเลย ร้องไห้



DAY 1 : 10 Aug 2016

สัญญาณเตือนรัดเข็มขัดดังขึ้นอีกครั้ง เครื่องบินกำลังจะแลนด์ดิ้งลงสนามบินอินชอน เก้าโมงเช้าตามเวลาเกาหลี เราสองคนกำลังเดินมุ่งหน้าเข้า ตม.ที่ขึ้นชื่อว่าเข้มงวดมากโดยเฉพาะกับคนไทย พร้อมๆกับซักซ้อมการตอบคำถาม ยื่นต่อแถวเดียวกัน เราจะเข้าไปก่อน เพราะเคยมาเกาหลีแล้วครั้งนึง อาจจะช่วยให้ผ่านง่ายขึ้น พวกเราเลือกช่อง ตม.ผู้ชาย เพราะให้เหตุผลกันว่า
ตม.ผู้หญิงมีการแปรปรวนของฮอร์โมนมากกว่า ถ้าเจ้เหวี่ยงขึ้นมาจะแย่เอานะ (กระต่ายตื่นตูมมาก 555)

พอถึงคิวเราสองคน จนท.ตัดแถวไปอยู่ช่อง ตม.หญิง ข้างๆ (ม่ายยยย) แล้วเพื่อนเราก้ได้เข้าไปก่อน ตอนนั้นแอบหัวเราะแล้วมองหน้ากันแบบเหวอๆ ผ่านไปสามนาที เพื่อนเราก็ผ่านฉลุย และเราก็ตามไปแบบผ่านฉลุยเหมือนกัน โดยคุณ ตม. ไม่ถามอะไรเลยสักคำ ><

ลากกระเป๋าออกมามองหาบูธแลกเงิน เราพบว่า การใช้เงินดอลล่าร์แลกเป็นเงินวอนนั้นถูกและคุ้มกว่าแลกจากเงินบาทเป็นเงินวอน
แล้วต่อด้วยบูธของ KT เพื่อไปเอาซิมที่เราซื้อกันมาล่วงหน้า เรายื่นไปจองให้จนท.เช็คว่าได้จ่ายเงินมาเรียบร้อยแล้ว จนท.จัดการเปลี่ยนซิมและเปิดใช้งานอินเตอร์เนตให้เราสองคน ใช้เวลาแค่ 10 กว่านาทีก็เรียบร้อย

หน้าตาของบูธ KT ที่สนามบินอินชอน

พวกเราซื้อตั๋วรถไฟ AREX แบบจอดทุกสถานีเพื่อไปลง Hongik Station หรือย่านฮงแด ค่าตั๋วประมาณ 4650 วอน
นั่งเพลินๆประมาณ 50 นาทีก็ถึงฮงแด เดินไปที่พักย่าน Hapjeong  อีกราวๆ 15 นาที
ก็ถึง Issue Seoul Guesthouse

เราจองห้องเดี่ยวเตียงสองชั้น 5 คืน ทั้งหมด 8700 บาท ห้องขนาดน่ารักกำลังดี ห้องน้ำรวม มี 2 ห้อง บน/ล่างแต่สะอาดนะ
จ่ายเงินเสร็จก็เข้าห้อง และนอนพักไปเกือบชั่วโมง ตื่นมาก็หิว ล้างหน้าล้างตาออกไปหาอะไรกินกันดีกว่า


เราแวะซื้อ T-money ที่เซเว่นแถวๆที่พัก ได้บัตรลาย Gaspard Et Lisa มา คิ้วท์มาก ราคา 2500 วอน
และเติมเงินในบัตรคนละ 50000 วอน

พวกเราไปฝากท้องกันที่ย่าน Itaewon ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Seoul Central Masjid และร้านอาหารเกาหลีฮาลาล!
ออกจากรถไฟใต้ดินเราก็เดินๆๆ และพบว่า พวกเรามาผิดทาง ผิดไกลมาก 555 ถ้าดูจากแผนที่พวกเราต้องเดินตามเส้นสีม่วง
(ดาวม่วง คือ Seoul Central Masjid) แต่เส้นสีดำคือทางที่พวกเราเดิน ระหว่างทางมีคาเฟ่และแกลอรี่ดีๆเยอะมาก

เดินขึ้นเขากันไปยาวๆ แล้ววกกลับมาหามัสยิด เดินซิกแซกมาตามตรอกซอกซอยเงียบๆ ชอบอะไรแบบนี้มาก มันดูเรียลๆ
ได้เห็นวิธีการจัดการขยะของแต่ละบ้าน ได้สังเกตเห็นว่า ถ้าบ้านไหนมีคนอยู่จะเปิดประตูบ้านประตูรั้วไว้
(คือถ้าเป็นที่ไทย โจรขึ้นบ้านได้ง่ายๆเลย)

เห็นยอดโดมแล้ว แสดงว่ามาถูกทาง


ทางขึ้น Seoul Central Masjid (เนินชันมากกกกก)


Seoul Central Masjid หรือมัสยิดกลางกรุงโซล เป็นมัสยิดแห่งแรกในประเทศเกาหลี ครอบคลุมพื้นที่ 5,000 ตารางเมตร
ได้รับการบริจาคจากรัฐบาลเกาหลี ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างแม่น้ำฮันกังกับภูเขานัมซาน
สามปีก่อนเราเคยขอพรให้ได้กลับมาที่นี่อีก ตอนนี้เราได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง อัลฮัมดุลิลละฮฺมาก จุ๊บๆ


กำแพงทางเดินใกล้มัสยิด มีการเพ้นท์รูปสีสันสดใสตลอดแนว จากข้างบนสามารถมองเห็นวิวย่าน Hannam-dong ด้วย


ออกจากมัสยิด ก็เดินต่อไปร้านอาหาร ร้านที่เราเลือกวันนี้คือ Eid Halal Restaurant ร้านเล็กๆคิ้วท์ๆ สีแดง 10 กว่าที่นั่ง
ร้านนี้เป็นร้านอาหารเกาหลีฮาลาล พวกเราสั่ง Bulgogi คนละเซต ประกอบด้วย ข้าว บุลโกกิ ซุปสาหร่าย และเครื่องเคียงพวกกิมจิ น้ำฟรี


เนื้อจานใหญ่และเยอะมากกกกก กินสองคนหนึ่งจานยังได้เลย รสชาติเหมือนผัดพริกเนื้อแบบไม่เผ็ดของไทยเลย ฮ่าๆ แต่ก็อร่อยนะคะ
ทุกอย่างบนโต๊ะมันเข้ากันไปหมด ที่สำคัญกิมจิร้านนี้อร่อยมาก พวกเราขอเติมกันสามรอบแน่ะ ระหว่างกินทางร้านก็เสิร์ฟ Omija tea หรือชาโอมิจะ เป็นชา berry ชนิดหนึ่ง หอมมากและอร่อยด้วย พวกเราก็ไม่พลาดที่จะขอเติมกันอีกแล้ว มื้อนี้หมดไปคนละ 12000 วอน

กินเสร็จก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ มุ่งไปทางย่าน Hannam-dong อิแทวอนฝั่งนี้จะค่อนข้างเงียบกว่าอีกฝั่ง มีแกลอรี่เล็กๆแฝงตัวอยู่เป็นระยะๆ และเป็นบ้านอยู่อาศัย ไม่ค่อยมีชาวต่างชาติสักเท่าไหร่ จะเห็นความคิ้วท์ของป้ายคาเฟ่ต่างๆ เช่น มนุษย์อวกาศ ปลาโลมา แมวเหมียว เรียงรายตามถนนเส้นนี้

น้องแมวแอบนอนตากลมบนดาดฟ้าของบ้านหลังนึง และตามดาดฟ้าของคนที่นี่มักจะมีโหลดองกิมจิหรือเครื่องปรุงต่างๆแทบทุกหลัง

สกิลการจอดรถขั้นเทพของเจ้าของรถคันนี้ ถ้าจอดพลาดนี่ ไม่ตกเนินเขาก็ท้องรถพังอะ 55

พวกเราเดินถ่ายรูป ชี้ชวนดูนู้นนี่ไปเรื่อยๆ ผ่านร้านขายของเก่า ร้านขายของชำ และโบสถ์ จนกระทั่งถึงละแวกนึง พวกเราไม่เดินสวนกับใครเลย แอบกลัวเล็กๆ แต่ก็เดินซอกแซกไปเรื่อยๆ จนไปเจอกับผนังอันนี้

กำแพงภาพวาดขนาดใหญ่บนเนินสูงชัน ซ่อนอยู่ระหว่างคอนโดด้านล่างกับหมู่บ้านด้านบน พวกเราถ่ายรูปกันพอสมควรก็เดินลงมาจนเจอถนนใหญ่ และเดินเรื่อยๆจนถึงสถานี Hannam แล้วนั่งกลับมา Hongdae

วิวบนเขาที่เราเดินจากมาตอนพลบค่ำ เห็นยอดโบสถ์กับ Namsan Tower ไกลๆด้วย ยิ้ม

Hongdae ♡

Shopping time ค่ะ เดินมั่วๆเรื่อยๆ เข้าร้านนู้นออกร้านนี้ แนะนำร้าน Playground เสื้อผ้าราคาถูก ส่วนมากจะเป็นของผู้ชาย ถุงเท้าร้านนี้คู่ละ 500 วอนเอง คุณภาพดีด้วย เสื้อผ้าก็ดีมีตั้งแต่เสื้อยืด เสื้อเชิ้ต กางเกง หมวก กระเป๋า บรรดาอปป้าที่ขายก็งานดี ร้องเพลงก็ดี 555 ร้านปิดตี 1 เดินได้ยาวๆ จากที่เดินๆร้านนี้มีสองสาขา สาขานึงมีชั้นใต้ดินด้วย และคนเยอะทั้งสองสาขาเลย

ก่อนมา เราตั้งใจจะมากินร้าน Mint Heim ให้ได้ เป็นร้านของหวานที่ทุกอย่างจะเป็นสีมิ้นท์ แต่ร้านปิด ร้องงงงงง ร้องไห้

ช้อปปิ้งจนเหนื่อย แวะพักที่ร้านน้ำปั่นเกือบชั่วโมงแล้วเดินกลับที่พัก คืนนี้หลับสบายเลย 55
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่