[๑๖๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมเป็นที่ระงับความอาฆาตซึ่งเกิดขึ้นแก่ภิกษุโดยประการ
ทั้งปวง ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ
ความอาฆาตพึงบังเกิดขึ้นในบุคคลใด พึงเจริญ
เมตตาสงสารในบุคคลนั้น ๑
ความอาฆาตพึงบังเกิดขึ้นในบุคคลใด พึงเจริญกรุณา
มุทิตา
ในบุคคลนั้น ๑
ความอาฆาตพึงบังเกิดขึ้นในบุคคลใดพึงเจริญอุเบกขาในบุคคลนั้น ๑
ความอาฆาตพึงบังเกิด
ขึ้นในบุคคลใด พึงถึงการไม่นึกไม่ฝักใฝ่ใจในบุคคลนั้น ๑
ความอาฆาตพึงบังเกิดขึ้นในบุคคลใด
พึงนึกถึงความเป็นผู้มีกรรมเป็นของๆ ตนให้มั่นในบุคคลนั้นว่า ท่านผู้นี้เป็นผู้มีกรรมเป็นของๆ
ตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย จักทำกรรมใด
ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม จักเป็นทายาท (ผู้รับผล) ของกรรมเช่นนั้นเอง แล.ดังนี้ ๑
ภิกษุพึงระงับความอาฆาต
ในบุคคลนั้นด้วยประการฉะนี้ ฯ
ว่าด้วยความอาฆาต
ทั้งปวง ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ
ความอาฆาตพึงบังเกิดขึ้นในบุคคลใด พึงเจริญ
เมตตาสงสารในบุคคลนั้น ๑
ความอาฆาตพึงบังเกิดขึ้นในบุคคลใด พึงเจริญกรุณา
มุทิตา
ในบุคคลนั้น ๑
ความอาฆาตพึงบังเกิดขึ้นในบุคคลใดพึงเจริญอุเบกขาในบุคคลนั้น ๑
ความอาฆาตพึงบังเกิด
ขึ้นในบุคคลใด พึงถึงการไม่นึกไม่ฝักใฝ่ใจในบุคคลนั้น ๑
ความอาฆาตพึงบังเกิดขึ้นในบุคคลใด
พึงนึกถึงความเป็นผู้มีกรรมเป็นของๆ ตนให้มั่นในบุคคลนั้นว่า ท่านผู้นี้เป็นผู้มีกรรมเป็นของๆ
ตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย จักทำกรรมใด
ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม จักเป็นทายาท (ผู้รับผล) ของกรรมเช่นนั้นเอง แล.ดังนี้ ๑
ภิกษุพึงระงับความอาฆาต
ในบุคคลนั้นด้วยประการฉะนี้ ฯ