สวัสดี ทุกๆคน นี่เป็นกระทู้แรกของเรา >..<
วันนี้ที่บ้านเราอากาศดี ทำให้เรามานั่งทบทวนตัวเองว่าเราเริ่มเป็น
"สิวเรื้อรัง นานเกือบ2ปี" ได้ยังไง ทั้งๆที่เกิดมาไม่เคยเป็นสิวเยอะแยะขนาดนี้ พอได้มานั่งทบทวนจริงๆจังๆ ก็พบว่าสาเหตุเกิดจาก
"ใจ" เป็นหลัก ใจที่คิดลบ - ใจที่คิดว่าไม่เป็นที่รักของใครเลย (2 ข้อนี้สาเหตุหลักที่เป็นตัวจุดชนวน) - ใจที่ขาดแคลน - ใจที่ผูกจิตคิดแค้นคนที่ทำให้เราเสียใจหรือทำไม่ดีกับเรา (มันน่ากลัวมากเลยนะ เจ้าความคิด
"ลบ") เสาะหาวิธีการนานารักษาก็ไม่หายเป็น
"สิว" สักที (บอกเลยว่าตอนเป็นสิวจิตตกมากๆ ไปไหนก็เจอคนทัก เจอ10คน ทัก 10คน/ เจอ 100คน ทัก 100คน เพราะพวกเค้าไม่เคยเห็นเราเป็น จนทำให้เราไม่อยากไปไหนไม่อยากทำอะไร) จนเรามาค้นเจอว่าสาเหตุหลักที่เราเป็น
"สิว" ต้องรักษาที่
"ใจและความคิด"
หลายคนอาจ งง สงสัย ว่าเป็น
"สิว" แล้วมันไปเกี่ยวอะไรยังไงกับ
"ใจ" และ
"ความคิด" ได้หรอว๊า??? ตอบสั้นๆว่า เกี่ยวข้องกันคะ
ขอเล่าย้อนไปก่อนจะเป็น
"สิว" ตัวเค้าเองเป็นคนผิวขาว (เป็นคนจีนแท้ๆ 100% เลยทำให้หน้าไวต่อแสงแดดจะมีกระขึ้นประปรายบ้าง)
นอกนั้นผิวหน้าก็ดีไม่มีปัญหาอะไร ตอนเรียนมหาลัยเผลอนอนหลับทั้งๆเมพอัพก็ไม่เป็นสิวเลยนะ โชคดีมากๆ (สิวจะขึ้นบ้างสัก2-4 เม็ด ช่วงมีประจำเดือน) จุดเริ่มต้นกำเนิดสิว ช่วงปี 57 เริ่มมีสิวบ้างมากขึ้นกว่าช่วงตอนมีประจำเดือน เป็นๆหายๆ สลับๆกันเป็นเดือนๆ ยาวไปถึงช่วงปลายปี 58 จุดพีคมันอยู่ช่วงเดือนมีนาคม ปี 59 เราเป็นสิวแบบ......ขึ้นพรวดเดียวทั่วทั้งหน้า เม็ดเก่าหาย - เม็ดใหม่มา เป็นแบบนี้ยาวมา 7เดือนกว่าๆ (พูดไปอาจนึกภาพไม่ออกว่า ก่อน - หลัง เป็นยังไง เราเลยมีรูปแนบมาให้ด้วย) เราหมดเงินรักษาสิวเยอะมาก : ซื้อคอร์สฝังสิว, ซื้อชาขับสิว, ซื้อยาสิวตามร้านขายยา, เข้าคลินิกรักษาสิว, ซื้อพวกอาคหารลีน(ซึ่งถ้าคนที่ทานอาหารคลีนจะรู้ดีว่า แพงมาก), เข้ารพ.โรคผิวหนัง2 แห่ง คือเอาง่ายๆ เราเสาะหาวิธีอะไรที่ใครว่าดีใช้ดี ใช้หมดทำหมด แต่...........มันไม่หาย ตรงข้ามมันมาไวแต่เคลมช้า เพราะช่วงนั้นเราตัดสินใจกลับมาช่วยงานที่บ้านเป็นครั้งที่ 2 (ออกจากบ้านครั้งแรกเพราะรู้สึกน้อยใจพ่อแม่ ว่าทำมากกว่าพี่ๆ แต่ไม่เห็นให้อะไรเราเลย, สังเกตมั้ย ณ. ตอนนั้นเราก็คิดลบแล้วนะ) เราขอเตือน!!! ยิ่งคิดแบบไหนก็ยิ่งดึงดูดแบบนั้นเข้ามาในชีวิต ยกตัวอย่าง เช่น คุณไม่ชอบผช./ ผญ เจ้าชู้ คุณก็จะยิ่งดึงดูดคนเหล่านั้นเข้ามาในชีวิต หรือ คุณอยากได้ iphone7มากๆ คุณเดินไปไหนมองไปทางไหนก็จะเห็นแต่ iphone7 แปลกมั้ย? เพราะอะไรนะหรอ เพราะมันคือ
"กฎแรงดึงดูด" คิดแบบไหนกลัวอะไรคุณจะยิ่งได้รับ
ตลอดเวลาที่เป็น
"สิว" เราคิดลบกับคนทุกคน และทุกเรื่อง เราคิดว่าพ่อแม่ ไม่รักเราเท่าลูกคนอื่นๆ ให้เราน้อยกว่าพี่ๆและน้อง เราคิดว่าไม่มีใครรักเราเลย เรามันตัวคนเดียว ทะเลาะมีปากเสียงกับพ่อบ้างแม่บ้าง สลับคนไปมา (อาทิตย์นึง ทะเลาะไปแล้ว6 วัน) แล้วเราก็เอาสิ่งที่อัดอั้นจากการทะเลาะกับพ่อแม่มาลงกใส่แฟน สุดท้ายแฟนเราที่คบกันมา 12ปี ทนอารมณ์เราไม่ไหว เลยนอกใจเลยเป็นครั้งที่ 2 (เห็นมั้ยว่า เราคิดว่า
"ไม่มีใครรักเราเลยเราไม่เป็นที่รักของใคร" สุดท้ายก็ได้แบบนั้นจริงๆ แฟนนอกใจ, พ่อแม่ด่าว่าทุกๆวัน อื่นๆอีกมากมาย) ยอมรับเลยว่าในตอนนั้นเป็นทุกข์มาก (กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ต้องกลับมาทานยาคลายเครียดเหมือนครั้งแรกที่เคยโดนแฟนนอกใจ แต่ก็นอนไม่หลับอยู่ดี) ตอนนั้นมันส่งผลเสียกับสุขภาพ, งาน และกระทบเกือบทุกอย่าง คิดเลยว่าถ้าเรายังเป็นแบบนี้ต่อไปอีก มีหวังเราจะเป็นคนประสาทได้
จุดที่เราเปลี่ยนจาก
"หน้าสิว" เป็นหายเป็นปกติ คือ เราตัดสินใจเข้าเรียนเข็มทิศชีวิตครั้งแรก(ลองเสริชหาข้อมูลในกลูเกิลนะคะ) ในห้องเรียน เราได้ปลดปล่อยสิ่งที่เป็นปมในใจเราพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มซ้ายแก้มขวา เรียนเสร็จวันแรกก็ยัง

จะคิดลบ "ว่าคราบน้ำตาจะทำให้หน้าชั้ลเค็ม แล้วสิวจะผุดขึ้นมากกว่าเดิมมั้ยเนี้ยะ??? มันไม่แปลกหรอก เพราะเราคุ้นเคยกับการดราม่ามา28ปี เราจึงจำเป็นต้องมีครูบาอาจารย์ที่นำพาเราให้พ้นจากร่องน้ำเดิมๆ เราโชคดีที่มีครูอ้อยสอนให้เรา
"คิดดี- ทำดี- พูดดี" ครูอ้อยบอกว่ามันอาจจะยาก แต่ยากเราก็ต้อง
"ทำ" เพราะเมื่อเราทำจะมีสิ่งดีๆ (ทุกอย่างเกิดขึ้น เพื่อพาเราไปในจุดที่ดีที่สุดเสมอ ทันทีที่เราหันด้านที่ดีที่สุดของเราเข้ารับมือ) จบคอร์สแรกก็รักษาใจรักษาสเตรทไม่ให้ตกได้เดือนกว่าๆ ก็กลับมาใจตกอีก เพราะบรรยากาศที่เราอยู่มันเอื้อต่อการกลับมาคิดลบได้ตลอดเวลา แต่เราก็ไม่ท้อนะ เวลาที่เริ่มคิดไม่ดี - ทำไม่ดี - พูดไม่ดี เราจะรีบดึงสติกลับมา กราฟเรามันขึ้นๆลงๆ เมื่อไรแฟนโทรมาเราก็จิตใจดี พูดดี, ทำดี กับคนในบ้าน (มันแย่มากเลยนะ ที่เอาคนๆนึงมาเป็นเครื่องวัดว่าวันนี้ชั้ลจะดีกับคนในบ้าน ก็ต่อเมื่อแฟนโทรมา) เราคิดถึงคำสอนของครูว่า ถ้าเราไม่รักและเคารพ ตัวเอง หรือ พ่อ-แม่ ก็ไม่มีใครเลยที่จะรักเราได้
เลยตัดสินใจเข้าเรียนเข็มทิศชีวิตเป็นครั้งที่ 2 อีกครั้ง บอกเลยคลาสนี้มันทำให้เรา
"คิด" ได้ดีขึ้น มองสิ่งต่างๆ เรื่องต่างๆ คนรอบตัว ดีขึ้น มันเกิดเรื่อง
" มหัศจรรย์" เกิดขึ้นมากมายในครั้งนี้ เราเหมือนเกิดใหม่ เชื่อมั้ยว่าเราสามารถค่อยๆปล่อยวางในตัวแฟนเราได้มากขึ้น กลับมาเริ่มวาดเป้าหมายของตัวเอง(จากที่คิดว่าให้เวลาหมดไปวันๆ), จากที่เคยเรียก ป๊า-ม๊า ว่า
"เจ้และเถ้าแก่" (เพราะคิดว่าเราเป็นลูกจ้างทำงานให้พ่อแม่ คิดว่าพ่อแม่ไม่ได้ให้อะไร) แต่จบคอร์สเดือนกันยายนที่ผ่านมา เราเรียกพ่อแม่ว่า ป๊า-ม๊า ได้เต็มปากเต็มคำ หลังเรียกพ่อแม่ว่า เจ้และเถ้าแก่มา5 ปีเต็มๆ, ได้มีโอกาสเข้าไปกราบเท้าแม่, กอด และ "ขอโทษแม่" (พ่อไม่ได้อยู่ด้วยเลยกราบเท้าแม่ก่อน ส่วนพ่อรอกลับบ้านเราหาโอกาสเข้าไปกราบเท้าพ่ออีกครั้ง)
ที่น่าแปลกคือ
"สิว" ที่เคยเป็นทั่วหน้า อาการแพ้ยาสิวปากบวมลอกแดงตึงเจ็บยิ้มไม่ได้เลยเจ็บมาก ก็หายแทบเป็นปกติ โดยที่ไม่ต้องกินอาหารคลีน, ใช้ยาสิว, กินชาขับสิว, ฝังเข็ม, แหกขี้ตามานั่งขับถ่ายล้างอุจจาระที่ตกค้างที่ลำไส้, ไม่ต้องงดกินนู้นนี้นั่นและของหวานอีกต่อไป, ไม่ต้องผลักไสน้องหมาที่เลี้ยงไว้เพราะกลัวว่าขนมันอาจกระตุ้นให้เกิดสิว เพียงแค่เราเปลี่ยน
"ใจ" และ
"ความคิด" กลับไปรักพ่อแม่รักตัวเอง ปล่อยวางเรื่องแฟน ใครจะเชื่อว่า "สิว" ก็หายแทบไม่มีเลยก็ว่าได้ ที่สำคัญ คือ ตอนนี้บอกเลยว่าตัวเองมีความสุขมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะ ไม่ไปทุกข์หมกหมุ่น, ซึมเศร้า, เสพข่าวขยะ หรือดราม่ากับชีวิต ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้นทำสบู่สมุนไพรรักษาสิว & บำรุงผิวพรรณ เพราะเราคิดว่าเราสิ่งที่เราเจอต้องเป็นประโยชน์ให้กับคนอื่น เพราะว่า
"การที่เราทำเพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน มันยั่งยืน"
สรุปข้อคิด:
"สิว" เปรียบได้กับ
"ความคิดลบ" เมื่อไรสิวมันผุดขึ้นเอาขึ้นเอา แบบไม่มีสาเหตุหรือมีสาเหตุ นั่นแปลว่า มันต้องมีอะไรที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้นกับเรา แล้วเราจะทำยังไงให้ "สิวหายไป" มันมีวิธีรักษาหลากหลายวิธี แบบชั่วคราวก็แค่ไปคลินิก ทาๆกินๆ ยา แต่มันแก้ได้แค่เบื้องต้นเท่านั้น
"ไม่ถาวร" แต่ถ้าเราอยากให้หายดี แค่เปลี่ยน
"ใจและความคิด"
"สิวและความคิดลบ" จะไม่มีวันหายดี ตราบใดที่เรารักษาผิดวิธี เรา ได้ว่าอยากเป็นสิว (ความคิดลบ) มั้ย? รักทุกคนนะคะ และขอบคุณในกำลังใจดีๆคะ
ปล. เพิ่มเติมนะคะ ตอนนี้เราทำสบู่ขาย แต่เราไม่ได้มาบอกว่าซื้อสบู่ของชั้ลเถอะ ซื้อหน่อยเถอะนะ สบู่ชั้ลใช้แล้วหายสิวและทำให้สวยขึ้น เราเขียนชัดเจนนะว่า หายได้ด้วย
ฤทธิ์แห่งใจ และ
สบู่ ที่คิดค้นโดยคนไทยและสมุนไพรไทย (ไม่ได้เขียนว่าหายเพราะสบู่ที่เราทำขาย เจตนาของเรา คือ วันหนึ่งที่เราเจอเรื่องแย่ๆ หรืออุปสรรคเข้ามา จากที่จะมาตั้งคำถามว่า ทำไมชั้ลต้องมาเจอแบบนี้, ทำไมชั้ลถึงโดนหักหลัง และทำไมอีกเยอะแยะ ให้เรามองข้ามอุปสรรคนั้น แล้วมองมันให้เป็นบันไดให้เป็นแรงบันดาลใจลุกขึ้นมาทำสิ่งดีๆเพื่อตัวเองและโลกนี้ แล้วคุณจะมองเห็นสิ่งดีๆในสถานการณ์ร้ายๆนั้น
ขอลบบางประโยคและบางรูปที่อาจจะสื่อสารว่าจขกท. ต้องการนำเสนอขายสบู่ตัวเองปรือเปล่า ทำให้ผู้เข้ามาบางคนเกิดความเข้าใจผิด
อย่าคิดลบเลยนะคะ แต่ก็รับฟังทุกความคิดเห็น และทุกคอมเม้นท์คะ ถ้ามีเวลาก็จะมาตอบทุกข้อสงสัยนะคะ
ก่อนจะเข้าสู่วงจร "สิว" และ "คิดลบ" ในภาพทาแค่การ์นิเยและแป้งเด็ก
ช่วงระยะเวลาที่เป็นสิว ตลอด 2ปี ที่ผ่านมา เราถ่ายกับ iphone4 จริงๆ มีภาพที่ สิว เยอะกว่านี้ แต่เราไม่ได้ถ่ายเก็บไว้ พอจิตตกมากๆเข้า เก็บตัวไม่ส่องกระจกเลยช่วงนั้น
ปากบวม แดง ลอกขึ้นไปทั้งปากและเหนือริมฝีปาก ยิ้มหรือพูดทีเจ็บตึงมากๆ
ฝังเข็มรักษา
สิว ถามว่าหายมั้ย?
ตอบ ไม่หาย ทั้งๆที่ทางคลินิกเคลมว่าฝังจบคอร์สหาย
นี่แค่ส่วนนึงที่เราใช้ ยังมีจิปาถะอีกเยอะแยะ
ขอบคุณ
สิว ในวัน เราจึง
ไม่ท้อ
รักษา "สิว" ด้วย "ฤทธิ์แห่งใจ"
วันนี้ที่บ้านเราอากาศดี ทำให้เรามานั่งทบทวนตัวเองว่าเราเริ่มเป็น "สิวเรื้อรัง นานเกือบ2ปี" ได้ยังไง ทั้งๆที่เกิดมาไม่เคยเป็นสิวเยอะแยะขนาดนี้ พอได้มานั่งทบทวนจริงๆจังๆ ก็พบว่าสาเหตุเกิดจาก "ใจ" เป็นหลัก ใจที่คิดลบ - ใจที่คิดว่าไม่เป็นที่รักของใครเลย (2 ข้อนี้สาเหตุหลักที่เป็นตัวจุดชนวน) - ใจที่ขาดแคลน - ใจที่ผูกจิตคิดแค้นคนที่ทำให้เราเสียใจหรือทำไม่ดีกับเรา (มันน่ากลัวมากเลยนะ เจ้าความคิด "ลบ") เสาะหาวิธีการนานารักษาก็ไม่หายเป็น "สิว" สักที (บอกเลยว่าตอนเป็นสิวจิตตกมากๆ ไปไหนก็เจอคนทัก เจอ10คน ทัก 10คน/ เจอ 100คน ทัก 100คน เพราะพวกเค้าไม่เคยเห็นเราเป็น จนทำให้เราไม่อยากไปไหนไม่อยากทำอะไร) จนเรามาค้นเจอว่าสาเหตุหลักที่เราเป็น "สิว" ต้องรักษาที่ "ใจและความคิด"
หลายคนอาจ งง สงสัย ว่าเป็น "สิว" แล้วมันไปเกี่ยวอะไรยังไงกับ "ใจ" และ "ความคิด" ได้หรอว๊า??? ตอบสั้นๆว่า เกี่ยวข้องกันคะ
ขอเล่าย้อนไปก่อนจะเป็น "สิว" ตัวเค้าเองเป็นคนผิวขาว (เป็นคนจีนแท้ๆ 100% เลยทำให้หน้าไวต่อแสงแดดจะมีกระขึ้นประปรายบ้าง)
นอกนั้นผิวหน้าก็ดีไม่มีปัญหาอะไร ตอนเรียนมหาลัยเผลอนอนหลับทั้งๆเมพอัพก็ไม่เป็นสิวเลยนะ โชคดีมากๆ (สิวจะขึ้นบ้างสัก2-4 เม็ด ช่วงมีประจำเดือน) จุดเริ่มต้นกำเนิดสิว ช่วงปี 57 เริ่มมีสิวบ้างมากขึ้นกว่าช่วงตอนมีประจำเดือน เป็นๆหายๆ สลับๆกันเป็นเดือนๆ ยาวไปถึงช่วงปลายปี 58 จุดพีคมันอยู่ช่วงเดือนมีนาคม ปี 59 เราเป็นสิวแบบ......ขึ้นพรวดเดียวทั่วทั้งหน้า เม็ดเก่าหาย - เม็ดใหม่มา เป็นแบบนี้ยาวมา 7เดือนกว่าๆ (พูดไปอาจนึกภาพไม่ออกว่า ก่อน - หลัง เป็นยังไง เราเลยมีรูปแนบมาให้ด้วย) เราหมดเงินรักษาสิวเยอะมาก : ซื้อคอร์สฝังสิว, ซื้อชาขับสิว, ซื้อยาสิวตามร้านขายยา, เข้าคลินิกรักษาสิว, ซื้อพวกอาคหารลีน(ซึ่งถ้าคนที่ทานอาหารคลีนจะรู้ดีว่า แพงมาก), เข้ารพ.โรคผิวหนัง2 แห่ง คือเอาง่ายๆ เราเสาะหาวิธีอะไรที่ใครว่าดีใช้ดี ใช้หมดทำหมด แต่...........มันไม่หาย ตรงข้ามมันมาไวแต่เคลมช้า เพราะช่วงนั้นเราตัดสินใจกลับมาช่วยงานที่บ้านเป็นครั้งที่ 2 (ออกจากบ้านครั้งแรกเพราะรู้สึกน้อยใจพ่อแม่ ว่าทำมากกว่าพี่ๆ แต่ไม่เห็นให้อะไรเราเลย, สังเกตมั้ย ณ. ตอนนั้นเราก็คิดลบแล้วนะ) เราขอเตือน!!! ยิ่งคิดแบบไหนก็ยิ่งดึงดูดแบบนั้นเข้ามาในชีวิต ยกตัวอย่าง เช่น คุณไม่ชอบผช./ ผญ เจ้าชู้ คุณก็จะยิ่งดึงดูดคนเหล่านั้นเข้ามาในชีวิต หรือ คุณอยากได้ iphone7มากๆ คุณเดินไปไหนมองไปทางไหนก็จะเห็นแต่ iphone7 แปลกมั้ย? เพราะอะไรนะหรอ เพราะมันคือ "กฎแรงดึงดูด" คิดแบบไหนกลัวอะไรคุณจะยิ่งได้รับ
ตลอดเวลาที่เป็น "สิว" เราคิดลบกับคนทุกคน และทุกเรื่อง เราคิดว่าพ่อแม่ ไม่รักเราเท่าลูกคนอื่นๆ ให้เราน้อยกว่าพี่ๆและน้อง เราคิดว่าไม่มีใครรักเราเลย เรามันตัวคนเดียว ทะเลาะมีปากเสียงกับพ่อบ้างแม่บ้าง สลับคนไปมา (อาทิตย์นึง ทะเลาะไปแล้ว6 วัน) แล้วเราก็เอาสิ่งที่อัดอั้นจากการทะเลาะกับพ่อแม่มาลงกใส่แฟน สุดท้ายแฟนเราที่คบกันมา 12ปี ทนอารมณ์เราไม่ไหว เลยนอกใจเลยเป็นครั้งที่ 2 (เห็นมั้ยว่า เราคิดว่า "ไม่มีใครรักเราเลยเราไม่เป็นที่รักของใคร" สุดท้ายก็ได้แบบนั้นจริงๆ แฟนนอกใจ, พ่อแม่ด่าว่าทุกๆวัน อื่นๆอีกมากมาย) ยอมรับเลยว่าในตอนนั้นเป็นทุกข์มาก (กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ต้องกลับมาทานยาคลายเครียดเหมือนครั้งแรกที่เคยโดนแฟนนอกใจ แต่ก็นอนไม่หลับอยู่ดี) ตอนนั้นมันส่งผลเสียกับสุขภาพ, งาน และกระทบเกือบทุกอย่าง คิดเลยว่าถ้าเรายังเป็นแบบนี้ต่อไปอีก มีหวังเราจะเป็นคนประสาทได้
จุดที่เราเปลี่ยนจาก "หน้าสิว" เป็นหายเป็นปกติ คือ เราตัดสินใจเข้าเรียนเข็มทิศชีวิตครั้งแรก(ลองเสริชหาข้อมูลในกลูเกิลนะคะ) ในห้องเรียน เราได้ปลดปล่อยสิ่งที่เป็นปมในใจเราพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้มซ้ายแก้มขวา เรียนเสร็จวันแรกก็ยัง
เลยตัดสินใจเข้าเรียนเข็มทิศชีวิตเป็นครั้งที่ 2 อีกครั้ง บอกเลยคลาสนี้มันทำให้เรา "คิด" ได้ดีขึ้น มองสิ่งต่างๆ เรื่องต่างๆ คนรอบตัว ดีขึ้น มันเกิดเรื่อง " มหัศจรรย์" เกิดขึ้นมากมายในครั้งนี้ เราเหมือนเกิดใหม่ เชื่อมั้ยว่าเราสามารถค่อยๆปล่อยวางในตัวแฟนเราได้มากขึ้น กลับมาเริ่มวาดเป้าหมายของตัวเอง(จากที่คิดว่าให้เวลาหมดไปวันๆ), จากที่เคยเรียก ป๊า-ม๊า ว่า "เจ้และเถ้าแก่" (เพราะคิดว่าเราเป็นลูกจ้างทำงานให้พ่อแม่ คิดว่าพ่อแม่ไม่ได้ให้อะไร) แต่จบคอร์สเดือนกันยายนที่ผ่านมา เราเรียกพ่อแม่ว่า ป๊า-ม๊า ได้เต็มปากเต็มคำ หลังเรียกพ่อแม่ว่า เจ้และเถ้าแก่มา5 ปีเต็มๆ, ได้มีโอกาสเข้าไปกราบเท้าแม่, กอด และ "ขอโทษแม่" (พ่อไม่ได้อยู่ด้วยเลยกราบเท้าแม่ก่อน ส่วนพ่อรอกลับบ้านเราหาโอกาสเข้าไปกราบเท้าพ่ออีกครั้ง)
ที่น่าแปลกคือ "สิว" ที่เคยเป็นทั่วหน้า อาการแพ้ยาสิวปากบวมลอกแดงตึงเจ็บยิ้มไม่ได้เลยเจ็บมาก ก็หายแทบเป็นปกติ โดยที่ไม่ต้องกินอาหารคลีน, ใช้ยาสิว, กินชาขับสิว, ฝังเข็ม, แหกขี้ตามานั่งขับถ่ายล้างอุจจาระที่ตกค้างที่ลำไส้, ไม่ต้องงดกินนู้นนี้นั่นและของหวานอีกต่อไป, ไม่ต้องผลักไสน้องหมาที่เลี้ยงไว้เพราะกลัวว่าขนมันอาจกระตุ้นให้เกิดสิว เพียงแค่เราเปลี่ยน "ใจ" และ "ความคิด" กลับไปรักพ่อแม่รักตัวเอง ปล่อยวางเรื่องแฟน ใครจะเชื่อว่า "สิว" ก็หายแทบไม่มีเลยก็ว่าได้ ที่สำคัญ คือ ตอนนี้บอกเลยว่าตัวเองมีความสุขมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะ ไม่ไปทุกข์หมกหมุ่น, ซึมเศร้า, เสพข่าวขยะ หรือดราม่ากับชีวิต ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้นทำสบู่สมุนไพรรักษาสิว & บำรุงผิวพรรณ เพราะเราคิดว่าเราสิ่งที่เราเจอต้องเป็นประโยชน์ให้กับคนอื่น เพราะว่า "การที่เราทำเพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน มันยั่งยืน"
สรุปข้อคิด: "สิว" เปรียบได้กับ "ความคิดลบ" เมื่อไรสิวมันผุดขึ้นเอาขึ้นเอา แบบไม่มีสาเหตุหรือมีสาเหตุ นั่นแปลว่า มันต้องมีอะไรที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้นกับเรา แล้วเราจะทำยังไงให้ "สิวหายไป" มันมีวิธีรักษาหลากหลายวิธี แบบชั่วคราวก็แค่ไปคลินิก ทาๆกินๆ ยา แต่มันแก้ได้แค่เบื้องต้นเท่านั้น "ไม่ถาวร" แต่ถ้าเราอยากให้หายดี แค่เปลี่ยน "ใจและความคิด"
"สิวและความคิดลบ" จะไม่มีวันหายดี ตราบใดที่เรารักษาผิดวิธี เรา ได้ว่าอยากเป็นสิว (ความคิดลบ) มั้ย? รักทุกคนนะคะ และขอบคุณในกำลังใจดีๆคะ
ปล. เพิ่มเติมนะคะ ตอนนี้เราทำสบู่ขาย แต่เราไม่ได้มาบอกว่าซื้อสบู่ของชั้ลเถอะ ซื้อหน่อยเถอะนะ สบู่ชั้ลใช้แล้วหายสิวและทำให้สวยขึ้น เราเขียนชัดเจนนะว่า หายได้ด้วย ฤทธิ์แห่งใจ และ สบู่ ที่คิดค้นโดยคนไทยและสมุนไพรไทย (ไม่ได้เขียนว่าหายเพราะสบู่ที่เราทำขาย เจตนาของเรา คือ วันหนึ่งที่เราเจอเรื่องแย่ๆ หรืออุปสรรคเข้ามา จากที่จะมาตั้งคำถามว่า ทำไมชั้ลต้องมาเจอแบบนี้, ทำไมชั้ลถึงโดนหักหลัง และทำไมอีกเยอะแยะ ให้เรามองข้ามอุปสรรคนั้น แล้วมองมันให้เป็นบันไดให้เป็นแรงบันดาลใจลุกขึ้นมาทำสิ่งดีๆเพื่อตัวเองและโลกนี้ แล้วคุณจะมองเห็นสิ่งดีๆในสถานการณ์ร้ายๆนั้น
ขอลบบางประโยคและบางรูปที่อาจจะสื่อสารว่าจขกท. ต้องการนำเสนอขายสบู่ตัวเองปรือเปล่า ทำให้ผู้เข้ามาบางคนเกิดความเข้าใจผิด
อย่าคิดลบเลยนะคะ แต่ก็รับฟังทุกความคิดเห็น และทุกคอมเม้นท์คะ ถ้ามีเวลาก็จะมาตอบทุกข้อสงสัยนะคะ
ก่อนจะเข้าสู่วงจร "สิว" และ "คิดลบ" ในภาพทาแค่การ์นิเยและแป้งเด็ก
ช่วงระยะเวลาที่เป็นสิว ตลอด 2ปี ที่ผ่านมา เราถ่ายกับ iphone4 จริงๆ มีภาพที่ สิว เยอะกว่านี้ แต่เราไม่ได้ถ่ายเก็บไว้ พอจิตตกมากๆเข้า เก็บตัวไม่ส่องกระจกเลยช่วงนั้น
ปากบวม แดง ลอกขึ้นไปทั้งปากและเหนือริมฝีปาก ยิ้มหรือพูดทีเจ็บตึงมากๆ
ฝังเข็มรักษา สิว ถามว่าหายมั้ย? ตอบ ไม่หาย ทั้งๆที่ทางคลินิกเคลมว่าฝังจบคอร์สหาย
นี่แค่ส่วนนึงที่เราใช้ ยังมีจิปาถะอีกเยอะแยะ
ขอบคุณ สิว ในวัน เราจึง ไม่ท้อ