กฎหมาย VS วิชาธรรมกาย อะไรศักดิ์สิทธิ์กว่ากัน ?



http://www.thairath.co.th/content/792387
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
คำว่า "ควรสั่งฟ้อง" ของอัยการ
ทำให้เห็นสถานการณ์ที่ชัดเจนหลายอย่าง
1. หลักฐานในมือพนักงานสอบสวน
2. เงื่อนไขที่จะสั่งฟ้องได้
3. แรงบีบจากอำนาจนอกระบบ
4. เจตนาตั้งแต่ต้นของฝ่ายชี้นำ
5. แรงหนุนของสื่อมวลชน
ซึ่งทั้งหมดรวมกันเป็นแรงกดดันพุ่งใส่อัยการ
จึงต้องหาทางออกโดยใช้คำว่า "ควรสั่งฟ้อง"
ซึ่งเป็นการแสดงความคิดเห็นเท่านั้น
แต่ยังไม่ใช่คำสั่งฟ้อง
สาเหตุที่ยังใช้เป็นคำสั่งไม่ได้
เพราะยังติดเงื่อนไขหลายอย่าง
ที่ทำให้องค์ประกอบข้อหาฟอกเงินยังไม่ครบ
สภาพของข้อหาไม่ชัดเจน จึงยังสั่งฟ้องไม่ได้
ถ้าพูดเป็นภาษาชาวบ้านก็คือ
ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลและหลักฐานที่เพียงพอ
จึงสั่งฟ้องในข้อหาฟอกเงินไม่ได้
แต่การที่ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แบบนี้
ก็สะท้อนให้เห็นว่า มีแรงบีบที่ขีดเส้นทางสั่งฟ้อง
ให้อัยการต้องทำตามไว้ล่วงหน้าแล้ว
เพราะทันทีที่ได้ยินคำว่า "ควรสั่งฟ้อง"
ก็เกิดปฏิกิริยาจาก "กองเชียร์ฝ่ายสั่งฟ้อง"
รีบโหมกระแสโซเชียลทันที โดยลืมดูไปว่า
นั่นคือ ความคิดเห็น แต่ยังไม่ใช่คำสั่ง จึงยังไม่มีผล
มันจึงกลายเป็นปรากฏการณ์
"ออกตัวล้อฟรี" ของกองเชียร์สั่งฟ้อง
ทั้งที่จริงคือ ยังสั่งฟ้องไม่ได้
เพราะหลักฐานข้อมูลยังไม่ครบตามที่กล่าวมา
คำถามที่ตามมาก็คือ
แรงบีบจากอำนาจมืดนอกระบบมาจากใคร
ทำไมถึงสามารถบีบให้อัยการต้องหาทางออก
ด้วยการนำวิชาตีความวรรณกรรมภาษาไทย
มาใช้ร่วมกับวิชากฎหมายได้ถึงขนาดนี้
ถ้ามองในฐานะคนกลาง
ต้องบอกเรื่องนี้น่าเห็นใจทุกฝ่าย
ทั้งฝ่ายอัยการ ฝ่ายสหกรณ์ และฝ่ายวัดพระธรรมกาย
เพราะนอกจากเสียเวลา เสียทรัพย์แล้ว
ยังต้องมารับมือกับการแทรกแซง
จากอำนาจมืดนอกระบบด้วย
แต่ที่สุดแล้ว ผู้มีหน้าที่รักษาความยุติธรรม
ก็ควรยืนหยัดรักษาหลักการยุติธรรม
ให้แก่ประชาชนเป็นที่พึ่งให้ได้
อย่าให้แรงบีบจากอำนาจมืดนอกระบบ
มาทำให้กระบวนการยุติธรรม
กลายเป็นเครื่องมือทำร้ายประชาชนเด็ดขาด
เพราะมันจะเป็นตราบาปของระบบยุติธรรม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่