ทริปทั่วริ่งสายอ่อน ที่ไม่อ่อนกับ เส้นทางในตำนาน กำแพงเพชร – บ่อเกลือ – ภูลังกา 2วัน1คืน

ขออนุญาตแนะนำตัวเองก่อนนะค้าบบบบ
สวัสดีครับผมก็เป็นผู้ชายคนนึงแหละครับที่มีใจรักในการขับขี่ยานยนต์โดยเฉพาะเจ้า2ล้อคันใหญ่ๆที่เขาเรียกๆกัน ว่า”บิ๊กไบค์”  ผมใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กว่าอยากมีซักคันจนเริ่มทำงานก็เก็บเงิน(เม้มภรรยา5555)จนสามารถถอยมาได้ 1 คัน (ผมขี่ kawazaki ER6N เป็นเครื่องยนต์ 2 สูบ 650ซีซี) ซึ่งการจะได้มาซึ่งต้องผ่านด่านอรหันต์มากมาย ไหนจะครอบครัว(พ่อแม่) ไหนจะภรรยา(อันนี้ยากสุดๆ) แถมต้องแอบเก็บเงินเองแล้วผมก็ไปถอยออกมาแบบดื้อๆเลยนะเออประมาณเช้าวันเสาร์บอกภรรยาว่าไปทำธุระในเมืองเย็นๆเลยนะจะกลับ พอตกเย็นก็ขี่เข้าบ้านมาแบบดื้อๆ ภรรยาผมยืนมองแบบ งงๆ แล้วผมก็รีบเผ่นขึ้นบนบ้านทำเนียนว่าเพลียขอไปนอนก่อน หลังจากนั้นผมก็พยายามเนียนๆทำนู่น นั่นนี่ไปเรื่อยเพื่อกลบเกลื่อนถ้าปากภรรยาจะขยับถามเรื่องรถ ผมก็จะรีบหาเรื่องอื่นมาตัดบทจนเขาลืมคำถาม ทำแบบนี้มาได้ เกือบอาทิตย์สุดท้ายก็ไม่รอดทุกวันนี้ภรรยายัง งง ว่ามันไปเอาเงินไหนมาซื้อ เลยเพิ่มมาตรการลดค่าขนมผมลงไปอีก(เศร้าแพร๊บบบ)


จากเหตุการณ์วันนั้นก็ผ่านมา 3 ปีละครับผมมีกลุ่มที่ขับขี่เป็นกลุ่มใหญ่(มีประมาณเกือบร้อยคน)ก็ได้ออกทริปไปนู่นไปนี่บ้าง ผมใช้รถคุ้มค่ามากไม่จอดตายเฉยๆอยู่บ้านนะเพราะผมขี่ไปทำงานทุกวันเลย(ตกวันละ50km)ทำให้ได้ฝึกฝนไปในตัว ทริปหลักๆส่วนมากก็เป็นเขาค้อแบบไปกลับ!!!!เอ่อ...........ครับอ่านไม่ผิดครับ “ไปกลับ” เพราะเส้นทางจากกำแพงเพชรมุ่งสู่เขาค้อประมาณ 200km ไม่ไกลมากบวกกับเส้นทางการขับขี่ที่ดีถนนสวย(โค้งมันส์มากกกก) มันจึงทำให้ผมสามารถฝึกทักษะการขับขี่การเข้าโค้ง การใช้ความเร็ว การควบคุมเบรก และอีกสารพัดที่นักขับขี่ต้องมี(ไม่เคยไปเรียนที่ไหนเลย) และผมมีพี่ชายคนนึงที่ขี่ด้วยกันมาตลอดแถมทำงานที่เดียวกัน ขี่ตัวเดียวกัน(คนนี้แหละที่ยุผมซื้อเป่าหูทุกวัน)ซึ่งต่างคนต่างก็มีหน้าที่ภาระที่รับผิดชอบแต่เราก็สามารถจัดสรรเวลาไปเที่ยวตามประสาผู้ชายได้บ่อย(ความจริงแล้วแอบภรรยา!!!กลับบ้านมาทีไรนอนนอกบ้านทุกที T_T) ส่วนเส้นทางโคราชเอย เชียงคาน เอย ภูเรือเอย พบพระเอย ไปมาหมดละยกเว้นภาคใต้นี่แหละที่ไม่ได้ไป(ไกลเกิ้น) ส่วนมากก็มีขีดจำกัดเรื่องเวลาเพราะผมทำงานประจำทำให้เต็มที่ก็ได้แค่ 2วันกับ1คืน (ส่วนมากไปกลับซะมากกว่า) ในช่วงเวลาที่ได้ขับขี่กับกลุ่มก็ได้พบปะผู้คนมากมายต่างพ่อต่างแม่ต่างอายุต่างประสบการณ์แต่ที่ไม่ต่างกันเลยคือทุกคนรักในการขับขี่ไม่แบ่งค่ายแบ่งซีซี  ในกลุ่มพวกผมก็มีแบ่งย่อยๆไปอีกเพราะบางคนชอบคนละแนวเช่นบางคนชอบแนววิบากขาโหดลุยๆ บางคนชอบแนวชิวๆ ไม่ก็บางคนก็ชอบท่องโลกกว้าง(ไปเนปาลเลยก็มี) ส่วนผมอยู่ในกลุ่ม “ทัวร์ริ่งสายอ่อน”เป็นกลุ่มที่ขับขี่สบายไม่เน้นเร็วขับขี่ไม่เกิน 150km/hr(แต่อย่าให้เห็นโค้งนะมีจับใส่ จับใส่ ท่าเดียว 5555โดยเฉพาะผมกับพี่ชายผม)สมาชิกมีกันประมาณ 10 กว่าคน
เอาหละครับก็เกริ่นๆแนะนำตัวมาเล็กน้อยละผมว่ามาเข้าสู่การผจญภัยกันเลยดีกว่า อาจมีสำนวนภาษาหรือแนวความคิดที่อาจดู 18+หรือ ไม่เข้าตาบ้างก็ต้องขออภัยมาใน ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

Part 1 จุดเริ่มต้นของการเดินทาง “การเตรียมตัวที่มากด้วยปัญหาของพ่อบ้านใจกล้า”

หลังจากที่ผมได้ผ่านการขับขี่และมีประสบการณ์มาระดับหนึ่งบวกกับความรู้สึกอยากลองอะไรใหม่ๆ น้องในกลุ่มเลยนำเสนอเส้นทาง 1148  1169 และ1081 เป็นเส้นทางในตำนานอีกเส้นหนึ่งในประเทศไทยที่นักขับขี่ต้องได้สัมผัส ความจริงแล้วผมก็ไม่รู้จักหรอกครับเลยไปเปิดหาข้อมูล ผมถึงได้อ๋อๆๆๆ มันคือเส้นทางไป จังหวัด น่าน อำเภอ บ่อเกลือ และไปภูลังกา นี่เอง

ผมนี่ขนลุกซู่เลยทีเดียว!!!เพราะผมเคยได้ดูรายการที่(ช่อง31ของGTH)ที่ภูริได้พาเพื่อนๆเขาไปทริปด้วยรถเฟอร์รารี่(พวกดีเจแมนพวกไฮโซดังๆทั้งหลาย)และปลายทางคืออำเภอบ่อเกลือและอีกรายการหนึ่งคู่เลิฟตะลอนทัวร์ของพี่แหม่มพาไปกินของอร่อยที่บ่อเกลือผมเองก็เคยคิดจะพาภรรยากับครอบครัวไปเที่ยวนะแต่ด้วยเงื่อนไขบางอย่างทำให้ไม่พร้อมที่จะเดินทาง
ซึ่งทริปนี้ก็เช่นกันเป็นทริปที่ผมไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้ ที่ผมตอบปากตกลงไปก็ตอบแบบลอยๆก็ไม่คิดว่าน้องเขาจะจัดจริงๆ(ทีคิดแบบนี้เพราะช่วงนี้ผมเห็นหลายๆคนไม่พร้อมและคงเป็นการยากที่จะรวมตัวและลงตัวกันได้ง่าย)สุดท้ายทุกอย่างลงตัวสามารถจัดไปกันได้จริงๆ(ผมนี่ขอวีซ่าหลายเดือนเลยกว่าจะได้)ลืมบอกทริปนี้เราคิดกันมาเกือบครึ่งปี ตอนแรกๆก็ตอบตกลงกันเกือบทั้งกลุ่มนะเห็นตัวเลขจำนวนคนแล้วอุ่นใจแต่พอเริ่มๆใกล้เดินทางเริ่มๆหายไปคนสองคน(ใจผมก็แป้วดิ ลุ้นๆพี่ชายจะยกเลิกป่าวสุดท้ายก็ได้ไป) สรุปเราไปกัน 7คน 6คัน ก็ถือว่ากำลังดีผมชอบขี่ไปกันไม่เกิน7-8คันเพราะเราดูแลกันง่าย ส่วนการจัดการหาที่พัก น้องในกลุ่มก็ดูแลให้ก็(น้องคนนี่เก่งเรื่องการหาข้อมูลและยังเป็นมาแชลที่ดีด้วย)และก็เซอร์ไพมากสำหรับที่พัก(ท้ายๆเรื่องจะรู้) ก็ทำตรวจเช็ครถก่อนเดินทางถือเป็นเรื่องปกติแต่ที่มันไม่ปกติก็ตรงที่คือผมอยากบอกว่า มันเป็นอะไรที่ประหลาดมากเลยนะ เวลาช่วงวันธรรมดาๆ เนี่ยรถเราไม่ค่อยมีปัญหาอะไร ขับขี่สบายๆเรื่อยๆ(ยิ่งผมเป็นคนชอบทำอะไรก่อนกำหนดการณ์2-3วันด้วยแล้วฉุกละหุกกันทีเดียว) แต่เวลาจะออกทริปที่ไรนี่มีแต่เรื่องปวดหัวยิ่งก่อนออก2วันซึ่งรอบนี้ก็ไม่ต่างกันรถผมเจอตะปูไป1ดอก แบตเตอรี่รถก็เสื่อม(เอากันเข้าไป) อันที่จริงมันก็ไม่แก้ยากอะไรน่ะ…..แต่มันยากตรงที่ผมไม่มีเวลาที่จะเอารถออกมาซ่อม(วันธรรมดาก็ทำงานกว่าจะว่างก็ค่ำไหนจะงานประจำไหนจะงานเสริมยิ่งๆเข้าเดือน9เป็นต้นไปนะ5 โมงก็มืดแล้ว) โชคดีนะที่น้องในกลุ่มช่วยทำธุระจัดการให้หมดรอบนี้เลยรอดมาได้(แถมเอารถไปตรวจสภาพให้อีกใจดีสุดๆเลยน้องคนนี้)


เอาหละครับหลังจากตรวจสอบสภาพความพร้อมของลูกชายเป็นที่เรียบร้อยปัญหาต่างๆก็ค่อยคลายลงอย่างเป็นสเต๊ปแต่ๆๆๆๆไอ้ที่ไม่ลงตัวนี่สิมันคือ“วีซ่า”ของผมคือทุกครั้งที่ผมจะออกทริปผมต้องทำการวางแผนล่วงหน้านานถึงนานมากเพื่อที่จะขอวีซ่างงละสิวีซ่าที่ว่าคือการขออนุญาตภรรยาที่น่ารักตัวน้อยๆของผมซึ่งกว่าการที่จะได้อนุมัติการผ่านนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย มีคนถามว่าแล้วทำใมไม่เอาไปด้วยหละ คำตอบนั้นมีครับ(ตอบอย่างรวดเร็ว) หล่อนไม่ชอบครับ ผมมีความฝันเล็กๆน้อยๆที่อยากมีสาวน่ารักๆนั่งท้ายรถผมมันไม่เคยเกิดขึ้นเลย(แบบแอ่นก้นอวดเอวเซกซี่นั่งซ้อนท้าย)หล่อนบอกนั่งไม่สะดวกปวดหลังบ้างหละขึ้นยากบ้างหละเฮ้อ….แถมๆเวลาได้ไปทริปก็จะมีคำแหนบแนม“ใช่ซี่!!!มีความสุขคนเดียวปล่อยไว้อยู่กับบ้าน”
ในการจะทำให้วีซ่าผ่านทุกครั้งผมจะมีสูตรที่ใช้มาตลอดผมจะแบ่งเป็นขั้นตอนต่างๆ(ใครเอาไปใช้เชิญเลยนะครับไม่หวงได้ผลดี)ขั้นตอนที่1 ก่อนออกทริปผมจะพยายามเปิดเวปสถานที่ท่องเที่ยวแล้วพูดลอยๆประมาณว่า “เออสวยๆ น่าไปๆ” ไม่ก็ “ซักครั้งในชีวิตเนอะของวิถีไบเกอร์” ทำไปซักเดือนนึงและทุกครั้งที่ทำต้องทำตอนกินข้าวเย็นด้วยนะ(เพราะเป็นช่วงเวลาที่หล่อนมีความสุขกับการกิน)หลังจากนั้นก็เข้าสู่ขั้นตอนที่2 ผมให้ชื่อวิธีนี้ว่า”คิดในใจเฉยๆแต่ดันได้ยิน” โดยเงื่อนไขต้องใช้ในตอนขับรถไปส่งนู่นนี่ให้พูดออกมาลอยๆ(ห้ามหันไปคุยด้วยนะประมาณคุยกับตัวเอง)ประมาณว่าเดือนนี้มีทริปไปนู่นนี่บอกรายละเอียดและต้องมีคำทิ้งท้ายด้วยว่า”คิดในใจเฉยๆนะเดี๋ยวค่อยบอก”ช่วงนี้จะเป็นอะไรที่ทรมานมากเพราะต้องทำบ่อยๆถึงบ่อยสุดๆจนมีสัญญาณบางอย่างที่เราจะเริ่มรู้ว่าตราประทับอนุญาตวีซ่าเริ่มผ่าน(ของผมจะเป็นแบบถามว่า“ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่”)ถ้ามีก็จะเข้าสู่ขั้นตอนที่3 คือการ“นวดๆๆๆๆตะล่อมๆๆๆๆ”ส่วนมากขั้นตอนนี้จะได้ผลก็ตอนเงินเดือนใกล้ออกโดยประโยคเด็ดที่ใช้เสมอคือ“ตะเองเงินเดือนนี้เค้าลดก็ได้นะตะเองอยากได้อะไรป้าวววว”(เดิมทีก็ได้วันละร้อยลดกว่านี้ตายเอาไรกินละทีนี้)ไม่ก็“ตะเองเงินพิเศษที่เค้าได้มาเค้าไม่รู้ใช้อะไรตะเองเอาไปเนอะๆๆ”(ประโยคนี้อันตรายระดับหนึ่งเพราะถ้าโดนสวนกลับมาว่านี่แอบรับงานนอกแอบเก็บเงินมาไม่บอกใช่มั้ยเท่าไหร่ทำมานานยัง ถ้าโดนแบบนี้จบนะครับผมเตือนละนะ)ในระหว่างที่พูดก็นวดๆไหล่ไปด้วยจะดีมาก(ผมก็ไม่เข้าใจนะทำใมถึงต้องเพราะจำมาจากหนัง) พอจบขั้นตอนนี้ความใจอ่อนของภรรยาที่น่ารักของผมก็จะผ่าน “ตราประทับวีซ่าอันศักสิทธิ์” ก็จะโผล่ออกมา “อือๆไปก็ระวังๆด้วยหละ” แม่เจ้าผ่านแล้วโว้ย!!!! แต่ๆๆๆถึงผ่านแล้วต้องทำตัวสม่ำเสมอด้วยนะครับ หน้าที่พ่อบ้านอย่าให้พร่องแม้แต่นิดเดียวไม่งั้นต้องต่อวีซ่าไม่รู้ด้วยนะ
เอาหละๆหลังจากที่วีซ่าผ่านก็ไม่รอช้าเก็บของเตรียมตัวเดินทางกันเล้ยยยย


Part 2 การเตรียมตัวก่อนเดินทาง “เป็นพ่อบ้านใจกล้าใจต้องนิ่ง”

หลังจากที่เราเตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้วไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์เครื่องมือจำเป็นในระหว่างการเดินทางและร่างกาย(สำคัญมากเลยนะครับ)ก็ได้เวลาที่จะออกเดินทางสู่ทริปได้วางแผนกันไว้ก่อนจะเข้าสู่การเดินทางผมขอนุญาติแชร์การเตรียมตัวก่อนเดินทางซึ่งทุกครั้งที่ต้องทำไว้เพื่อทำให้ทริปการเดินทางของเรานั้นไม่ติดขัดสำหรับผมนั้นก็จะมีกระเป๋าที่ใส่เสื้อผ้าและอุปกรณ์จำพวกสบู่ยาสีฟันแบบพกพา(อันที่จริงแล้วผมได้มาจากเวลาไปresortที่ต่างๆหรือแม้กระทั่งโรงแรมผมก็จะแฮบเอากลับมาด้วยก็เขาแจกฟรีนี่เนอะ)เสื้อผ้าในสายวิถีไบเกอร์สำหรับผมจะไม่เยอะมากเพื่อลดภาระการแบกของในระหว่างเดินทาง(รถที่ผมขี่มันเป็นnakeมันไม่มีกล่องใส่ของเหมือนพวกทัวร์ริ่ง)จากประสบการณ์ของผม”อย่าไปหวังน้ำบ่อหน้า”อย่างเช่นผ้าเช็ดตัวถ้าคิดว่าที่ๆเราจะพักมีบริการนั้นก็ไม่ผิดแต่ผมเคยเจอผ้าที่ไม่พึงปราถณามาแล้วประมาณว่าได้ของแถมมาเพียบฉะนั้นตัดปัญหาเตรียมของตัวเองไปดีกว่าส่วนสบู่ยาสระผมแนะนำให้เอาไปเองหาขวดเล็กๆมาใส่เติมให้เพียงพอกับจำนวนวันที่เดินทางไฟฉายอันนี้นำเลยยามค่ำคืนจะไปหวังกับมือถือไม่ได้นะครับอันตรายเรื่องของความปลอดภัย แบตสำรองอันนี้สำคัญมากและที่แน่นอนที่ขาดไม่ได้คือกระเป๋าสตางค์ที่ประกอบไปด้วย ใบขับขี่ บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนรถ(หรือจะเป็นไฟล์รูปก็ได้) และเงิน(ที่แอบแฮบภรรยา)ใช้สำหรับในการเดินทางของผมมีเสริมเรื่องดวงด้วยพกพระไปด้วย(คนมันขวัญอ่อน)และก็รูปภรรยา(อันนี้ไฟต์บังคับไม่เอาไปด้วย วีซ่าขาด)
    ในการเดินทางไกลสำหรับการขับขี่ บิ๊คไบค์ นั้นเครื่องแต่งกายเป็นอะไรที่ขาดไม่ได้นะครับ หมวกกันน๊อค เสื้อการ์ด ผ้าคุลมคอ ถุงมือ กางเกงที่มีความยืดหยุ่น รองเท้าที่หัวแข็งและหุ้มข้อ แต่ถึงแม้เราจะแต่งกายรัดกุมยังงัยก็ใช่ว่าจะปลอดภัย100%มันเป็นแค่ช่วยลดโอกาสบาดเจ็บที่เกิดขึ้นได้เท่านั้น ไม่มีทางที่เราจะไม่เป็นอะไรเลยอันนี้สำคัญมานะครับและสิ่งที่สำคัญมากๆที่สุดคือความพร้อมของร่างกายเราเป็นที่แน่นอนว่าถ้าเรามีความไม่พร้อมก่อนเดินทางบอกเลยมันจะเป็นทริปที่ไม่สนุกมากๆ ฉะนั้นการพักผ่อนก่อนเดินทางเป็นอะไรที่ต้องทำมากๆ

เอ่อ......มันไม่ได้อย่างงั้นสิตื่นเต้นครับไหนจะนอนไม่หลับไหนภรรยาจะกวนตอนนอนประดั่งว่าจะทำให้ผมไม่พร้อมและยกเลิกการเดินทาง(แผนสูงมาก)ใจต้องแข็งและตั้งมั่นเลยจัดLeoไป1ขวดเคริ้มสิครับเพลินเลยตื่นอีกทีตี5(สูตรนี้ใช้ได้ผลเสมอ) เอาจริงๆนะนอนไม่หลับเหมือนเดิม นอนแบบกึ่งหลับกึ่งตื่น รู้ตัวอีกทีมีเสียงนาฬิกาที่ตั้งไว้ปลุกตอนตี5
    หลังจากตื่นก็จัดการตัวเองทุกอย่างให้เรียบร้อยก็พร้อมออกเดินทาง ภรรยาลุกขึ้นมาเตือนบอกให้ไหว้พระที่บ้านและก็กอดภรรยาก่อนออกไป(ทำทุกทริปเลยมันขลังดี)และก่อนออกจากบ้านก็จะมีมีสายตาที่อ้อนวอนประดุจดั่งว่า “อยู่ต่อเลยได้มั้ย อย่าปล่อยตัวชั้นอยู่คนเดียว” ณ จุดๆนี้ใจต้องแข็งบิดลูกกุญแจแล้วขี่ทะยานออกไปเลย(ในใจก็นึกเย้ๆหลุดออกมาแล้วววว) จุดนัดพบของเราคือ ปั๊ม ปตท.สายเลี่ยงเมือง ไปกันเลยยยย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่