ที่มา
http://www.matichon.co.th/news/370429
“โฆษกรัฐ” แจงมาตรการเพิ่มรายได้ 1.5 – 3 พันบาท แก่ผู้มีรายได้น้อย เป็นมาตรการชั่วคราว ควบคู่มาตรการระยะยาวอื่น
หวังกระตุ้นการบริโภค ไม่สร้างหนี้ประชาชน วอนหยุดเปรียบเทียบประชานิยมในอดีต
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลออกมาตร
การเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ โดยมอบเงินช่วยเหลือแก่ผู้มีรายได้น้อยที่มี
รายได้ไม่เกินปีละ 30,000 บาทต่อปี จำนวน 3,000 บาทต่อคน และผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 บาทต่อปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน
100,000 บาทต่อปี จำนวน 1,500 บาท/คน ว่า รัฐบาลบริหารประเทศโดยมองทุกมิติอย่างรอบด้าน จึงออกมาตรการนี้ควบคู่
ไปกับมาตรการทางเศรษฐกิจอื่น ...........................
“นายกฯ กล่าวว่า ระหว่างที่รัฐบาลกำลังสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ ก็จำเป็นต้องมีหลายมาตรการออกมาสนับสนุนซึ่ง
กันและกัน แต่จะแตกต่างจากประชานิยมในอดีตที่มุ่งให้ความช่วยเหลือประชาชนแบบสะเปะสะปะ ไม่มีการตรวจสอบรายได้
วันนี้รัฐบาลให้ประชาชนไปขึ้นทะเบียนด้วยตนเอง จึงทำให้มีฐานข้อมูลที่ถูกต้อง ...................
คำว่า ประชานิยม จะใช้ก็ต่อเมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเท่านั้น ถ้าพ่อมาร์คจอมก๊อป หรือ คนอื่น ๆ นำมไปก๊อป
ให้เรียกคำอื่น (ไม่รู้ทำไมมันถึงเกลียดคำ ๆ นี้กันนัก)
การชึ้นทะเบียนก็ง่ายแสนง่าย แค่บอกว่าจน ไม่มีทรัพย์สิน รัฐไม่มีเวลามาพิสูจน์ทราบเพราะคนเขียนแบบแสดง
มีเป็น ล้าน ๆ คน
รัฐเอง ก็ไม่สามารถพิสูจน์ทราบทรัพย์สิน หรือ รายได้ที่แท้จริงได้ เพราะ รัฐ มีข้อมูลเฉพาะผู้ที่มีรายได้ส่งรัฐ อย่าง
สรรพากร สรรพสามิต แม่ค้าแผงลอยเสื้อผ้า เจ้าของบ่อปลา คนขับรถรับจ้าง วินมอเตอร์ไซด์ ฯลฯ หรือ ผู้ที่ไม่เคย
เสียภาษีเงินได้ฯ คนอื่น ๆ คนพวกนี้รัฐไม่มีทางรู้เลยว่าพวกเขามีรายได้เท่าไหร่ เกินกว่า 30000 บาทไหม จนจริงหรือไม่
รู้กันบ้างไหม ว่า เงินให้เปล่าก้อนนี้จะรั่วไหลกันไปเท่าไหร่
การแจกเงินที่เน้นว่ามันไม่ใช่ "ประชานืยม" ชุดนี้ รู้กันบ้างไหมว่าเงินมันจะรั่วไหลกันไปเท่าไหร่
“โฆษกรัฐ” แจงมาตรการเพิ่มรายได้ 1.5 – 3 พันบาท แก่ผู้มีรายได้น้อย เป็นมาตรการชั่วคราว ควบคู่มาตรการระยะยาวอื่น
หวังกระตุ้นการบริโภค ไม่สร้างหนี้ประชาชน วอนหยุดเปรียบเทียบประชานิยมในอดีต
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลออกมาตร
การเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ โดยมอบเงินช่วยเหลือแก่ผู้มีรายได้น้อยที่มี
รายได้ไม่เกินปีละ 30,000 บาทต่อปี จำนวน 3,000 บาทต่อคน และผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 บาทต่อปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน
100,000 บาทต่อปี จำนวน 1,500 บาท/คน ว่า รัฐบาลบริหารประเทศโดยมองทุกมิติอย่างรอบด้าน จึงออกมาตรการนี้ควบคู่
ไปกับมาตรการทางเศรษฐกิจอื่น ...........................
“นายกฯ กล่าวว่า ระหว่างที่รัฐบาลกำลังสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ ก็จำเป็นต้องมีหลายมาตรการออกมาสนับสนุนซึ่ง
กันและกัน แต่จะแตกต่างจากประชานิยมในอดีตที่มุ่งให้ความช่วยเหลือประชาชนแบบสะเปะสะปะ ไม่มีการตรวจสอบรายได้
วันนี้รัฐบาลให้ประชาชนไปขึ้นทะเบียนด้วยตนเอง จึงทำให้มีฐานข้อมูลที่ถูกต้อง ...................
คำว่า ประชานิยม จะใช้ก็ต่อเมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเท่านั้น ถ้าพ่อมาร์คจอมก๊อป หรือ คนอื่น ๆ นำมไปก๊อป
ให้เรียกคำอื่น (ไม่รู้ทำไมมันถึงเกลียดคำ ๆ นี้กันนัก)
การชึ้นทะเบียนก็ง่ายแสนง่าย แค่บอกว่าจน ไม่มีทรัพย์สิน รัฐไม่มีเวลามาพิสูจน์ทราบเพราะคนเขียนแบบแสดง
มีเป็น ล้าน ๆ คน
รัฐเอง ก็ไม่สามารถพิสูจน์ทราบทรัพย์สิน หรือ รายได้ที่แท้จริงได้ เพราะ รัฐ มีข้อมูลเฉพาะผู้ที่มีรายได้ส่งรัฐ อย่าง
สรรพากร สรรพสามิต แม่ค้าแผงลอยเสื้อผ้า เจ้าของบ่อปลา คนขับรถรับจ้าง วินมอเตอร์ไซด์ ฯลฯ หรือ ผู้ที่ไม่เคย
เสียภาษีเงินได้ฯ คนอื่น ๆ คนพวกนี้รัฐไม่มีทางรู้เลยว่าพวกเขามีรายได้เท่าไหร่ เกินกว่า 30000 บาทไหม จนจริงหรือไม่
รู้กันบ้างไหม ว่า เงินให้เปล่าก้อนนี้จะรั่วไหลกันไปเท่าไหร่