หมายเหตุ:เราเที่ยวคนเดียว ไม่ได้แปลว่าท่านจะต้องเที่ยวคนเดียวเช่นเรา ไม่ว่าคุณเที่ยวกี่คนบทความนี้ก็อ่านได้และน่าจะมีส่วนที่เป็นประโยชน์สำหรับท่านได้ไม่มากก็น้อย…^_^
เริ่มต้นเดินทาง 23 พ.ย. 2558
วันแรกสำหรับการเดินทางไปเที่ยวภูกระดึง หลังจากเดินเท้าจากที่ทำการอุทยานด้านล่าง เดินแบกเป้หนักประมาณ 11 กิโลกรัมโดยเป็นการทดสอบการเดินขึ้นภูที่มีน้ำหนักถ่วงด้านหลังซึ่งปกติ แล้วจะมีบริการหาบขึ้นไปแต่ขาขึ้นขอทดลอง หลังจากเดินทางตั้งแต่ 7 โมงเช้านิดหน่อยถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณบ่ายนิดๆ กางเต้นท์และเดินทางต่อไปดูพระอาทิตย์ตกกับพี่ ซึ่งเป็นเสมือนเพื่อนใหม่ ปกติได้เจอเพื่อนใหม่ที่รู้จักกันอีก 6 คนแต่วันนี้เดินทางไปดูที่ผาหมากดูกเพียงแค่ 2 คนเท่าเท่านั้นระหว่างทางเจอเจ้านี่ครับแมงมุมซึ่งปกติไม่ได้ใหญ่แบบนี้นะ นี่คือภาพซูมจากกล้อง ไม่กล้าที่จะวางเหรียญเปรียบเทียบเพราะกลัวจะวิ่งหนีเสียก่อน
เดิน ทางจากจุดกางเต้นท์ตามเส้นทางสบายๆประมาณ 2 กิโลเมตรระหว่างทางเจอป่าสนและต้นไม่อื่นๆ เส้นทางเดินสบายลักษณะดินทรายมีหินโผ่ให้เห็นตลอดระยะเส้นทางเดินต้องระวัง แนะนำรองเท้าผ้าใบปกติแล้วการมาดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูกนั้นสามารถที่จะ เช่ารถจักรยานได้ในราคา 60 บาทซึ่งใช้สำหรับมาที่ผาหมากดูกเท่านั้นหากต้องการไปที่อื่นหรือผาหล่มสักก็ ต้องเช่าทั้งวันราคาจะแพงกว่าแต่หากมีกลุ่มหรือมีเพื่อนเดินก็ได้บรรยากาศดี นะ
ด้าน บนภาพที่มองเห็นจากผาหมากดูกซึ่งจะมองเห็นไม่ชัดเพราะว่ามีซึ่ง หากอากาศแจ่มใสสามารถที่จะมองเห็นได้ชัดกว่านี้อย่างแน่นอนซึ่งหลายคนอาจจะ ไม่ค่อยสนใจจุดนี้เพราะว่าตอนนี้สิ่งที่ทุกคนนั้นต้องการจะดูคือพระอาทิตย์ ลับทิวเขาไกลทางทิศตะวันตก
สำหรับ ภาพด้านบนไม่ใช่เงาของต้นไม้จริงนั่งถ่ายภาพซ้อนระหว่างที่รอพระอาทิตย์ตก ระหว่างนั่งอากาศก็เช่นสบายสำหรับต้นหนาวประมาณ 13-15 องศาซึ่งยิ่งค่ำอากาศก็ยิ่งหนาวสำหรับคนที่มาเที่ยวชมที่นี่ต้องเตรียมพร้อม เรื่องไฟฉายและเสื้อกันหนาวหรือเสื้อแขายาวกางเกงกายาวและแต่สะดวก นั่งบนลานหินใกล้ๆขอบหน้าผาโล่งสบายวันนี้นักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก ที่จุดนี้มีร้านค้า มีห้องน้ำให้ด้วยนะสำหรับใครที่อยากไปผาหล่มสักมาตามเส้นทางนี้ได้สำหรับวัน รุ่งขึ้นเหมาะสำหรับปั่นจักรยานหรือเดินตามแต่สะดวก
ภาพด้านบนเป็นส่วนหนึ่งในหลายสิบภาพดวงอาทิย์ตกซึ่งวันนี้แม้ว่าจะมีเมฆพอ สมควรแต่สำหรับกล้องที่สามารถซูมได้ระยะไกลก็สามารถที่จะออกมาให้เห็นดังภาพ แน่นอนว่าสำหรับคนถ่ายต้องชอบและประทับใจแต่สำหรับคนอ่านอาจจะคิดต่างได้นะ เพราะแต่ละคนนั้นชอบมุมมองแตกต่างกันออกไป ถ่ายเสร็จหากไม่รีบกลับก็นั่งเล่นถ่ายต่อไปเรื่อยๆได้เพราะการเดินทางกลับ หากมีเพื่อนเที่ยวด้วยกันแม้คุณจะเที่ยวคนเดียวเหมือนกันกับเราหาเพื่อ ระหว่างทางชวนมาดูและเที่ยวจุดอื่นได้ นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเที่ยวคนเดียวอาจจะแค่คนเดียวเมื่อออกเดินทาง และระหว่างทางจนถึงแหล่งท่องเที่ยวได้เพื่อนเพิ่มอีกเยอะ
เช้าแล้ว เข้าสู่เช้าวันใหม่วันที่สองสำหรับการเที่ยวภูกระดึงคนเดียว เช้านี้พามาชมบรรยากาศภูกระดึงยามเช้าชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น จุดที่น่าชมที่สุดและบรรยากาศก็ไม่ทำให้ผิดหวังซึ่งต้องตื่นตั้งแต่ตีห้า เพราะต้องไปกับเจ้าหน้าที่เท่านั้นและหากไม่มีเจ้าหน้าที่คุณตื่นสายห้ามไป โดยลำพังเด็ดขาดเพราะจะเกิดอันตรายจากสัตว์ป่าได้ ภาพบรรยากาศยามเช้าที่นี่วันนี้หมอกลงเยอะมากพอสมควรจนบดบังวิวด้านล่างและ เมฆหมอกเยอะแบบนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ไม่ได้ภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่ชัดเจน มากนัก สำหรับจุดนี้ไปกัน4 คนมาจากคนละที่และมีอีก 3 คนเพิ่มเติมเป็น 7 คนสำหรับวันนี้ 7 คนนี้เดินทางเที่ยวด้วยกันทั้งวันไม่มีภาพทั้ง 7 คนนะ
หลัง จากดูพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงเวลาที่เจ้าหน้าที่บอกให้กลับได้ก็เดินต่อไปยัง ลานพระพุทธรูปและเดินทางกลับที่พักเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรับประทานอาหาร เพื่อเดินทางเที่ยวต่อซึ่งวันนี้จะไปยังเส้นทางน้ำตกและไปยังผาหล่มสัก ทั้งวันแบบนี้ไม่น่าจะเหนื่อยเพราะอากาศดี ออกซิเจนเยอะ

เรามาดูภาพระหว่างทาง ดอกไม้ป่าสวยงามตามแบบฉบับพื้นที่ราบสูง อากาศดี ยามเช้ายังสดใส
บรรยากาศ จุดแรกของจุดเที่ยวที่น่าสนใจคือน้ำตกถ้าใหญ่แม้ว่าฝนจะไม่ตกแต่ก็ยังมีน้ำ ไหลใช้ชุ่มชื้นและบรรยากาสก็เหมาะมากสำหรับการเที่ยวในหน้าหนาว ซึ่งใบเมเบิลยังคงไม่แดงในช่วงนี้มีเพียงไม่กี่ใบเท่านั้น
ระหว่าง ทางเดินต่อไปยังน้ำตกเพ็ญพบก็จะเจอกับหลากหลายความสวยงามแม้กระทั่งใบใม้ ดอกไม้ที่ร่วงลงจากต้นระหว่างทางรอวันเหี่ยวและสลายกลายเป็นปุ๋ยก็ยังสวย งามอย่างเช่นในภาพนี้ ไม่แน่ใจว่าเป็นดอกอะไรแต่น่าจะเพิ่งร่วงมาไม่นานนัก
ภาพรวมน้ำตกช่วงที่เราเดินทางไปเที่ยวที่นี่
ระหว่างทางไปสระอโนดาดยามบ่ายแสงแดดส่องแสงสะท้อนกับทุกหญ้าที่อยู่ไกลๆดูสีทองอร่ามได้เช่นเดียวกัน
เดิน ไปผาหล่มสักนั้นมีเส้นทางหลากหลายทาง ซึ่งหากว่าคุณเองต้องการที่จะเดินไปเส้นทางปกติหรือต้องการเดินไปยังผา เหยียบเมฆ ก่อนก็ได้สำหรับใครที่ต้องการเลือกแวะพักเพื่อทานข้าวเอาเองที่ผาเหยียบเมฆ นั้นมีร้านค้าให้คุณแวะพักแต่เส้นทางไปจะผ่านทุ่งหญ้ามีเส้นทางเดินชื้นแฉะ นิดหน่อยแต่หากเข้าหน้าหนาวเต็มที่น่าจะไม่ชื้นแฉะแน่นอนแต่ถือว่าเส้นทางก็ สบาย จากนั้นเดินทางไปผาหล่มสักได้ภาพบรรยากาศเหล่านี้มา แม้ว่านักท่องเที่ยวจะไม่เยอะมากแต่ก็หามุมยากพอสมควร
การเตรียมความพร้อมเบื้องต้น
1.เรื่องการเตรียมพร้อมด้านร่างกาย ความแข็งแรงเพราะเส้นทางเดินไกลพอสมควรและบางช่วงลาดชัน
2.เสื้อกันหนาว ควบคุมอุณหภูมิหรือใช้กับสภาพอากาศหนาวมากเท่าไหร่ได้ยิ่งดี
3.การจองที่พัก จองเต้นท์ หรือพื้นที่กางเต้นท์หากเป็นช่วงวันหยุดนักท่องเที่ยวเยอะการจองล่วงหน้าเป็นสิ่งที่ดี สำหรับการจองเข้าดูได้ที่เว็บไซต์ของกรมอุทยานค้นหาได้ในอินเตอร์เน็ตไม่ยาก
4.จองตั๋วเดินทางเพราะบางช่วงคนเยอะอาจจะไม่ได้บริษัทเดินรถหรือที่นั่งที่ต้องการ สำหรับการจองตั๋วก็แนะนำว่าจองช่วง4-5ทุ่มจะถึงผานกเค้าช่วงเช่าประมาณตี5น่าจะเป็นช่วงที่เหมาะสมเพราะกำลังจะสว่างพอดี
5.เงิน สำหรับด้านบนไม่มีที่กดเงินดังนั้นควรเตรียมให้พร้อมและเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัยและพกติดตัวเสมอ
6.น้ำดื่มซื้อได้ระหว่างทางขึ้นแต่ก็ต้องเตรียมให้พอ และสำหรับการเดินด้านบนไปยังจุดต่างๆก็เตรียมให้พอแต่ไม่ควรมากเกินจนเป็นตัวถ่วงในการเดิน
7.ด้านบนมีจักรยานให้เช่าสำหรับคนไม่อยากเดินเท้า และต้องการทำเวลาในการเดินทางไปกลับจากที่พักไปยังจุดชมวิวต่างๆ
8.อื่นๆ
การเดินทางและค่าใช้จ่าย
เดินทางจากจังหวัดตรังโดยรถไฟเที่ยว กันตัง-กรุงเทพฯ ราคาตั๋วนอนชั้นบน 645 บาท
ลงสายใต้ต่อแท็กซี่เหมาไปหมอชิตสอง 100 บาทปกติไม่น่าจะถึงราคานี้
รับตั๋วที่จองไว้กับภูกระดึงทัวร์ราคา 345 บาทไปกลับ 790 บาท
รอรถออก 3 ทุ่มกว่าแต่ออกจริง 4 ทุ่ม รถออกจากหมอชิตแวะที่ชัยภูมิและอีกที่ไม่แน่ใจนะ
ถึงผานกเค้าประมาณเกือบหกโมงเช้าถือว่าพอเหมาะ
เดินทางไปภูกระดึงจากผานกเค้า
-รถสองแถวนั่งก่อนเลยเดี๋ยวก็มีคนมาแชร์หากครบ 10 คนคนละ30 หากไม่ถึงก็300/จำนวนคนที่นั่งซึ่งเราได้ 10 คนพอดีจ่าย 30 บาท
ค่า เข้าอุทยานรอประมาณ 7 โมงเช้าจะเปิดทำการและหากจองเต้นท์ ถุงนอน ก็แจ้งได้ที่นี่หรือว่าหากจ่ายเงินมาแล้วล่วงหน้าก็นำหลักฐานแสดงได้ที่นี่ เหมือนกันต่อแถวหากไม่เยอะใช้เวลาไม่นาน
-ไปวันธรรมดา20
-วันหยุด 40
เราไปวันธรรมดา 20 บาทครึ่งราคา
เดิน ไปด้านหลังจะมีจุดสำหรับลงชื่อขึ้นภูและมีจุดฝากสัมภาระแต่ไม่ต้องจ่ายเงิน นะจะมีขั้วราคารายละเอียดไปจ่ายด้านบนเมื่อสัมภาระเรามาถึง กิโลกรัมละ 30 บาท
การเดินทางขึ้นภู
การเดินทางขาขึ้น หลายคนอาจจะสงสัยทำไมไม่มีภาพรายละเอียดให้ดู เราอยากจะให้คุณนั้นได้เลือกเดินทางแบบไม่ทราบเส้นทางมาก่อนหรืออาจจะไม่ ต้องสนใจเพราะว่าจะมีความสนุกและน่าตื่นเต้นมากกว่า ซึ่งหากว่าคุณเองต้องการดูก็หารายละเอียดได้ไม่ยาก การเดินทางค่อนข้างจะเหนื่อยพอสมควรซึ่งมีจุดพักหลากหลายอยากให้คุณสัมผัสใน วันเดินทางเองมากกว่านะ ซึ่งระยะเวลาสำหรับการเดินทางประมาณ5-6 ชั่วโมง
ค่าใช้จ่ายราคาอาหารด้านบน
-อาหารตามสั่งจานละ 60ขึ้นไปถามว่าแพงไหมไม่แพงเลย เพราะเยอะมากและสามารถทานได้ไม่แตกต่างจากอาหารปกติทั่วไปที่เราทานกัน
-น้ำเปล่าขวดเล็ก 25 บาท ราคาเหมาะสมเพราะต้องจ้างหาบขึ้นมา
-น้ำเปล่าขวดใหญ่ 50 บาท ราคาเหมาะสมเพราะต้องจ้างหาบขึ้นมา
ราคา จะเพิ่มขึ้นเมื่อระยะทางไกลจากจุดกางเต้นท์ซึ่งก็สมเหตุสมผลดังนั้นสำหรับ การเดินทางไปเที่ยวแต่ละจุดก็พกเงินติดตัวไปด้วยยิ่งเป็นแบงค์ย่อยหรือ เหรียญน่าจะดีเพราะจะได้ไม่ต้องรอตังค์ตอนเพราบางครั้งร้านค้านั้นอาจจะไม่ สะดวกเพราะลูกค้าเยอะหากเจอแบงค์ใหญ่ก็จะหาตังค์ทอนลำบาก
จุดที่น่าสนใจสำหรับการกางเต้นท์สำหรับคนที่นำเต้นท์ไปเองนอนคนเดียว เลือกบริเวณที่จัดไว้ให้ซึ่งเลือกได้ตามความสะดวกแต่หากจะให้ดีก็ใกล้กับต้นสนใหญ่ใกล้กับร้านค้าแรกหรือร้านค้าที่2 แต่มีสิ่งต้องคำนึงคือสังเกตุบนยอดไม้ก่อนว่ามีกิ่งผุหรือกำลังจะตกหรือเปล่า ซึ่งหากมีควรเลี่ยงและหาไม่มั่นใจก็เลี่ยงไปกางที่โลกน่าจะปลอดภัยกว่า ยิ่งหน้าหนาวลมแรงด้วยซึ่งแต่ละจุดทีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป
[CR] เที่ยวภูกระดึงคนเดียวเมื่อปี 2558
เริ่มต้นเดินทาง 23 พ.ย. 2558
วันแรกสำหรับการเดินทางไปเที่ยวภูกระดึง หลังจากเดินเท้าจากที่ทำการอุทยานด้านล่าง เดินแบกเป้หนักประมาณ 11 กิโลกรัมโดยเป็นการทดสอบการเดินขึ้นภูที่มีน้ำหนักถ่วงด้านหลังซึ่งปกติ แล้วจะมีบริการหาบขึ้นไปแต่ขาขึ้นขอทดลอง หลังจากเดินทางตั้งแต่ 7 โมงเช้านิดหน่อยถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณบ่ายนิดๆ กางเต้นท์และเดินทางต่อไปดูพระอาทิตย์ตกกับพี่ ซึ่งเป็นเสมือนเพื่อนใหม่ ปกติได้เจอเพื่อนใหม่ที่รู้จักกันอีก 6 คนแต่วันนี้เดินทางไปดูที่ผาหมากดูกเพียงแค่ 2 คนเท่าเท่านั้นระหว่างทางเจอเจ้านี่ครับแมงมุมซึ่งปกติไม่ได้ใหญ่แบบนี้นะ นี่คือภาพซูมจากกล้อง ไม่กล้าที่จะวางเหรียญเปรียบเทียบเพราะกลัวจะวิ่งหนีเสียก่อน
เดิน ทางจากจุดกางเต้นท์ตามเส้นทางสบายๆประมาณ 2 กิโลเมตรระหว่างทางเจอป่าสนและต้นไม่อื่นๆ เส้นทางเดินสบายลักษณะดินทรายมีหินโผ่ให้เห็นตลอดระยะเส้นทางเดินต้องระวัง แนะนำรองเท้าผ้าใบปกติแล้วการมาดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหมากดูกนั้นสามารถที่จะ เช่ารถจักรยานได้ในราคา 60 บาทซึ่งใช้สำหรับมาที่ผาหมากดูกเท่านั้นหากต้องการไปที่อื่นหรือผาหล่มสักก็ ต้องเช่าทั้งวันราคาจะแพงกว่าแต่หากมีกลุ่มหรือมีเพื่อนเดินก็ได้บรรยากาศดี นะ
ด้าน บนภาพที่มองเห็นจากผาหมากดูกซึ่งจะมองเห็นไม่ชัดเพราะว่ามีซึ่ง หากอากาศแจ่มใสสามารถที่จะมองเห็นได้ชัดกว่านี้อย่างแน่นอนซึ่งหลายคนอาจจะ ไม่ค่อยสนใจจุดนี้เพราะว่าตอนนี้สิ่งที่ทุกคนนั้นต้องการจะดูคือพระอาทิตย์ ลับทิวเขาไกลทางทิศตะวันตก
สำหรับ ภาพด้านบนไม่ใช่เงาของต้นไม้จริงนั่งถ่ายภาพซ้อนระหว่างที่รอพระอาทิตย์ตก ระหว่างนั่งอากาศก็เช่นสบายสำหรับต้นหนาวประมาณ 13-15 องศาซึ่งยิ่งค่ำอากาศก็ยิ่งหนาวสำหรับคนที่มาเที่ยวชมที่นี่ต้องเตรียมพร้อม เรื่องไฟฉายและเสื้อกันหนาวหรือเสื้อแขายาวกางเกงกายาวและแต่สะดวก นั่งบนลานหินใกล้ๆขอบหน้าผาโล่งสบายวันนี้นักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก ที่จุดนี้มีร้านค้า มีห้องน้ำให้ด้วยนะสำหรับใครที่อยากไปผาหล่มสักมาตามเส้นทางนี้ได้สำหรับวัน รุ่งขึ้นเหมาะสำหรับปั่นจักรยานหรือเดินตามแต่สะดวก
ภาพด้านบนเป็นส่วนหนึ่งในหลายสิบภาพดวงอาทิย์ตกซึ่งวันนี้แม้ว่าจะมีเมฆพอ สมควรแต่สำหรับกล้องที่สามารถซูมได้ระยะไกลก็สามารถที่จะออกมาให้เห็นดังภาพ แน่นอนว่าสำหรับคนถ่ายต้องชอบและประทับใจแต่สำหรับคนอ่านอาจจะคิดต่างได้นะ เพราะแต่ละคนนั้นชอบมุมมองแตกต่างกันออกไป ถ่ายเสร็จหากไม่รีบกลับก็นั่งเล่นถ่ายต่อไปเรื่อยๆได้เพราะการเดินทางกลับ หากมีเพื่อนเที่ยวด้วยกันแม้คุณจะเที่ยวคนเดียวเหมือนกันกับเราหาเพื่อ ระหว่างทางชวนมาดูและเที่ยวจุดอื่นได้ นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเที่ยวคนเดียวอาจจะแค่คนเดียวเมื่อออกเดินทาง และระหว่างทางจนถึงแหล่งท่องเที่ยวได้เพื่อนเพิ่มอีกเยอะ
เช้าแล้ว เข้าสู่เช้าวันใหม่วันที่สองสำหรับการเที่ยวภูกระดึงคนเดียว เช้านี้พามาชมบรรยากาศภูกระดึงยามเช้าชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น จุดที่น่าชมที่สุดและบรรยากาศก็ไม่ทำให้ผิดหวังซึ่งต้องตื่นตั้งแต่ตีห้า เพราะต้องไปกับเจ้าหน้าที่เท่านั้นและหากไม่มีเจ้าหน้าที่คุณตื่นสายห้ามไป โดยลำพังเด็ดขาดเพราะจะเกิดอันตรายจากสัตว์ป่าได้ ภาพบรรยากาศยามเช้าที่นี่วันนี้หมอกลงเยอะมากพอสมควรจนบดบังวิวด้านล่างและ เมฆหมอกเยอะแบบนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ไม่ได้ภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่ชัดเจน มากนัก สำหรับจุดนี้ไปกัน4 คนมาจากคนละที่และมีอีก 3 คนเพิ่มเติมเป็น 7 คนสำหรับวันนี้ 7 คนนี้เดินทางเที่ยวด้วยกันทั้งวันไม่มีภาพทั้ง 7 คนนะ
หลัง จากดูพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงเวลาที่เจ้าหน้าที่บอกให้กลับได้ก็เดินต่อไปยัง ลานพระพุทธรูปและเดินทางกลับที่พักเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรับประทานอาหาร เพื่อเดินทางเที่ยวต่อซึ่งวันนี้จะไปยังเส้นทางน้ำตกและไปยังผาหล่มสัก ทั้งวันแบบนี้ไม่น่าจะเหนื่อยเพราะอากาศดี ออกซิเจนเยอะ
บรรยากาศ จุดแรกของจุดเที่ยวที่น่าสนใจคือน้ำตกถ้าใหญ่แม้ว่าฝนจะไม่ตกแต่ก็ยังมีน้ำ ไหลใช้ชุ่มชื้นและบรรยากาสก็เหมาะมากสำหรับการเที่ยวในหน้าหนาว ซึ่งใบเมเบิลยังคงไม่แดงในช่วงนี้มีเพียงไม่กี่ใบเท่านั้น
ระหว่าง ทางเดินต่อไปยังน้ำตกเพ็ญพบก็จะเจอกับหลากหลายความสวยงามแม้กระทั่งใบใม้ ดอกไม้ที่ร่วงลงจากต้นระหว่างทางรอวันเหี่ยวและสลายกลายเป็นปุ๋ยก็ยังสวย งามอย่างเช่นในภาพนี้ ไม่แน่ใจว่าเป็นดอกอะไรแต่น่าจะเพิ่งร่วงมาไม่นานนัก
ภาพรวมน้ำตกช่วงที่เราเดินทางไปเที่ยวที่นี่
ระหว่างทางไปสระอโนดาดยามบ่ายแสงแดดส่องแสงสะท้อนกับทุกหญ้าที่อยู่ไกลๆดูสีทองอร่ามได้เช่นเดียวกัน
เดิน ไปผาหล่มสักนั้นมีเส้นทางหลากหลายทาง ซึ่งหากว่าคุณเองต้องการที่จะเดินไปเส้นทางปกติหรือต้องการเดินไปยังผา เหยียบเมฆ ก่อนก็ได้สำหรับใครที่ต้องการเลือกแวะพักเพื่อทานข้าวเอาเองที่ผาเหยียบเมฆ นั้นมีร้านค้าให้คุณแวะพักแต่เส้นทางไปจะผ่านทุ่งหญ้ามีเส้นทางเดินชื้นแฉะ นิดหน่อยแต่หากเข้าหน้าหนาวเต็มที่น่าจะไม่ชื้นแฉะแน่นอนแต่ถือว่าเส้นทางก็ สบาย จากนั้นเดินทางไปผาหล่มสักได้ภาพบรรยากาศเหล่านี้มา แม้ว่านักท่องเที่ยวจะไม่เยอะมากแต่ก็หามุมยากพอสมควร
การเตรียมความพร้อมเบื้องต้น
1.เรื่องการเตรียมพร้อมด้านร่างกาย ความแข็งแรงเพราะเส้นทางเดินไกลพอสมควรและบางช่วงลาดชัน
2.เสื้อกันหนาว ควบคุมอุณหภูมิหรือใช้กับสภาพอากาศหนาวมากเท่าไหร่ได้ยิ่งดี
3.การจองที่พัก จองเต้นท์ หรือพื้นที่กางเต้นท์หากเป็นช่วงวันหยุดนักท่องเที่ยวเยอะการจองล่วงหน้าเป็นสิ่งที่ดี สำหรับการจองเข้าดูได้ที่เว็บไซต์ของกรมอุทยานค้นหาได้ในอินเตอร์เน็ตไม่ยาก
4.จองตั๋วเดินทางเพราะบางช่วงคนเยอะอาจจะไม่ได้บริษัทเดินรถหรือที่นั่งที่ต้องการ สำหรับการจองตั๋วก็แนะนำว่าจองช่วง4-5ทุ่มจะถึงผานกเค้าช่วงเช่าประมาณตี5น่าจะเป็นช่วงที่เหมาะสมเพราะกำลังจะสว่างพอดี
5.เงิน สำหรับด้านบนไม่มีที่กดเงินดังนั้นควรเตรียมให้พร้อมและเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัยและพกติดตัวเสมอ
6.น้ำดื่มซื้อได้ระหว่างทางขึ้นแต่ก็ต้องเตรียมให้พอ และสำหรับการเดินด้านบนไปยังจุดต่างๆก็เตรียมให้พอแต่ไม่ควรมากเกินจนเป็นตัวถ่วงในการเดิน
7.ด้านบนมีจักรยานให้เช่าสำหรับคนไม่อยากเดินเท้า และต้องการทำเวลาในการเดินทางไปกลับจากที่พักไปยังจุดชมวิวต่างๆ
8.อื่นๆ
การเดินทางและค่าใช้จ่าย
เดินทางจากจังหวัดตรังโดยรถไฟเที่ยว กันตัง-กรุงเทพฯ ราคาตั๋วนอนชั้นบน 645 บาท
ลงสายใต้ต่อแท็กซี่เหมาไปหมอชิตสอง 100 บาทปกติไม่น่าจะถึงราคานี้
รับตั๋วที่จองไว้กับภูกระดึงทัวร์ราคา 345 บาทไปกลับ 790 บาท
รอรถออก 3 ทุ่มกว่าแต่ออกจริง 4 ทุ่ม รถออกจากหมอชิตแวะที่ชัยภูมิและอีกที่ไม่แน่ใจนะ
ถึงผานกเค้าประมาณเกือบหกโมงเช้าถือว่าพอเหมาะ
เดินทางไปภูกระดึงจากผานกเค้า
-รถสองแถวนั่งก่อนเลยเดี๋ยวก็มีคนมาแชร์หากครบ 10 คนคนละ30 หากไม่ถึงก็300/จำนวนคนที่นั่งซึ่งเราได้ 10 คนพอดีจ่าย 30 บาท
ค่า เข้าอุทยานรอประมาณ 7 โมงเช้าจะเปิดทำการและหากจองเต้นท์ ถุงนอน ก็แจ้งได้ที่นี่หรือว่าหากจ่ายเงินมาแล้วล่วงหน้าก็นำหลักฐานแสดงได้ที่นี่ เหมือนกันต่อแถวหากไม่เยอะใช้เวลาไม่นาน
-ไปวันธรรมดา20
-วันหยุด 40
เราไปวันธรรมดา 20 บาทครึ่งราคา
เดิน ไปด้านหลังจะมีจุดสำหรับลงชื่อขึ้นภูและมีจุดฝากสัมภาระแต่ไม่ต้องจ่ายเงิน นะจะมีขั้วราคารายละเอียดไปจ่ายด้านบนเมื่อสัมภาระเรามาถึง กิโลกรัมละ 30 บาท
การเดินทางขึ้นภู
การเดินทางขาขึ้น หลายคนอาจจะสงสัยทำไมไม่มีภาพรายละเอียดให้ดู เราอยากจะให้คุณนั้นได้เลือกเดินทางแบบไม่ทราบเส้นทางมาก่อนหรืออาจจะไม่ ต้องสนใจเพราะว่าจะมีความสนุกและน่าตื่นเต้นมากกว่า ซึ่งหากว่าคุณเองต้องการดูก็หารายละเอียดได้ไม่ยาก การเดินทางค่อนข้างจะเหนื่อยพอสมควรซึ่งมีจุดพักหลากหลายอยากให้คุณสัมผัสใน วันเดินทางเองมากกว่านะ ซึ่งระยะเวลาสำหรับการเดินทางประมาณ5-6 ชั่วโมง
ค่าใช้จ่ายราคาอาหารด้านบน
-อาหารตามสั่งจานละ 60ขึ้นไปถามว่าแพงไหมไม่แพงเลย เพราะเยอะมากและสามารถทานได้ไม่แตกต่างจากอาหารปกติทั่วไปที่เราทานกัน
-น้ำเปล่าขวดเล็ก 25 บาท ราคาเหมาะสมเพราะต้องจ้างหาบขึ้นมา
-น้ำเปล่าขวดใหญ่ 50 บาท ราคาเหมาะสมเพราะต้องจ้างหาบขึ้นมา
ราคา จะเพิ่มขึ้นเมื่อระยะทางไกลจากจุดกางเต้นท์ซึ่งก็สมเหตุสมผลดังนั้นสำหรับ การเดินทางไปเที่ยวแต่ละจุดก็พกเงินติดตัวไปด้วยยิ่งเป็นแบงค์ย่อยหรือ เหรียญน่าจะดีเพราะจะได้ไม่ต้องรอตังค์ตอนเพราบางครั้งร้านค้านั้นอาจจะไม่ สะดวกเพราะลูกค้าเยอะหากเจอแบงค์ใหญ่ก็จะหาตังค์ทอนลำบาก
จุดที่น่าสนใจสำหรับการกางเต้นท์สำหรับคนที่นำเต้นท์ไปเองนอนคนเดียว เลือกบริเวณที่จัดไว้ให้ซึ่งเลือกได้ตามความสะดวกแต่หากจะให้ดีก็ใกล้กับต้นสนใหญ่ใกล้กับร้านค้าแรกหรือร้านค้าที่2 แต่มีสิ่งต้องคำนึงคือสังเกตุบนยอดไม้ก่อนว่ามีกิ่งผุหรือกำลังจะตกหรือเปล่า ซึ่งหากมีควรเลี่ยงและหาไม่มั่นใจก็เลี่ยงไปกางที่โลกน่าจะปลอดภัยกว่า ยิ่งหน้าหนาวลมแรงด้วยซึ่งแต่ละจุดทีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป