เห็นแก่ตัวไหม....

มีเรื่องมาสอบถามความคิดเห็นหน่อยคะ

พื้นเพครอบครัว - พ่อแม่ ลูกสาว 2 คน ทำงานแล้วทั้งคู่ (พ่อเสียไปจะครบ 4 ปีแล้ว) ซึ่งเรากับพี่ --- ทะเลาะกันเป็นประจำ

เนื่องจาก พ่อกับแม่ เค้ามีที่ดินอยู่ที่นึง ซึ่งก็สร้างบ้านเอาไว้ แต่ไม่มีใครอยู่ หลังบ้านก็มีที่ดินว่าง ๆ ที่พ่อปลูกชะอมเอาไว้ เราก็เอาชะอมไปลงเพิ่ม + ปลูกกล้วย พยายามหานู่นนี่ไปปลูกแต่ก็ไม่สำเร็จสักที เพราะว่าที่ดินเป็นที่ลุ่ม เวลาฝนตกน้ำจะท่วม ถ้าตกไม่นานก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าตกหนัก ๆ น้ำก็จะท่วมนิดหน่อย แต่ถ้าฝนหยุดก็จะระบายออกอย่างรวดเร็ว แต่จังหวัดที่เราอยู่ เวลาฝนตก ก็อาจจะตก 3-4 วันติดต่อกัน บางครั้งเอาพืชล้มลุกไปปลูกก็ตายหมด

เราทำงานบริษัท ทำงานจันทร์ถึงศุกร์เต็มวัน ส่วนเสาร์ครึ่งวัน เราขอแม่ไปอยู่บ้านหลังนั้น เพราะเราอยากให้สามีออกจากงานมาลองเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ ปลูกผัก หรือทำเกษตรอย่างอื่น เพราะสามีเราเงินเดือนไม่มากนัก ถ้าเลี้ยงปลาปลูกผัก มีรายได้ 100-200 บาทก็น่าจะอยู่กันได้ (บ้านที่เราอยู่ตอนนี้เป็นบ้านพ่อแม่ที่เค้าตั้งใจจะยกให้เรา แต่ยังไม่ได้โอน)

แม่ไม่ค่อยได้มาที่บ้านนี้ เพราะเดินทางเองไม่สะดวก ต้องให้ลูกพามา ตอนนี้อาศัยอยู่บ้านพี่สาว ซึ่งเค้ากับสามีเค้าซื้อกันเอง ที่จริงพ่อแม่ซื้อห้องแถวให้พี่สาวอยู่ แต่เค้าอยู่ไม่นาน ก็ซื้อบ้านเดี่ยวกันเอง เค้าเลยจะยกห้องแถวตรงนั้นให้พี่สาว ซึ่งเราก็เห็นด้วย

บ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่เพราะตอนที่พ่อเสีย พี่สาวอยากให้แม่ไปอยู่ด้วย แม้เราอยากให้แม่อยู่กับเรา แต่เราก็ไม่อยากขัด ตอนนั้นแม่ดื้อมาก อยากกลับมาอยู่บ้านหลังนี้  ซึ่งเราคิดว่าจะย้ายมาอยู่กับแม่ แต่ก็ไม่อยากมีปัญหากับพี่สาว เลยพูดให้แม่ไปอยู่กับพี่ โดยพี่สัญญากับแม่ว่าจะพามานอนที่บ้านนี้ทุกสุดสัปดาห์ ซึ่งมันก็ไม่เคยเกิดขึ้น จนกระทั่ง มีขโมยขึ้นบ้าน (บ้านไม่มีรั้วล้อมที่) ทำให้แม่ไม่ได้มานอนที่บ้านหลังนี้อีก แต่เราจะไปรับเกือบทุกสัปดาห์ เพื่อมาเดินชมสวน ^^ ตอนนี้เรากับสามีผลัดกันเวียนไปดูบ้านกับสวน เพราะอยู่ใกล้ที่ทำงานเรา  

ปีที่แล้ว เราคุยกับแม่ ว่าเราอยากย้ายไปอยู่บ้านหลังนั้น เราจะได้มีเวลามากขึ้นที่จะทำอะไร แม่ก็บอกว่า จะทำได้ยังไง บ้านไม่มีรั้ว เดี๋ยวขโมยก็มาตอนกลางวันที่เราไปทำงาน เราเลยบอกว่า เราจะลงทุนทำรั้วเอง ให้แม่ทำเป็นสัญญาเช่าให้เราได้ไหม 5 ปี 10 ปีก็ได้ เราจะได้มั่นใจว่า เงินที่เราลงทุนไป เราจะได้รับผลประโยชน์จากมันอย่างเต็มที่ เพราะเราก็ยังไม่รู้ว่า ที่ดินผืนนี้ แม่จะยกให้ใคร ตอนนั้น แม่บอกว่าจะทำอะไรก็ทำ เพราะพี่สาวเราไม่ชอบเรื่องเกษตรอยู่แล้ว

5-6 เดือนถัดมา สามีเราลางานได้ 2 เดือน เราเลยบอกแม่ว่าเราจะให้คนมาทำกำแพงล่ะนะ แต่แม่ขอให้หยุดก่อน เพราะแกยังไม่ได้บอกพี่สาวเราเลย >< เวลาก็ผ่านไป จนเรากะพี่สาวมีเรื่องทะเลาะกัน ตอนนี้พอเราปรึกษาแม่ แม่จะบอกว่าอย่าไปทำเลย ไม่อยากให้มีปัญหา ซึ่งแม่บอกว่า ถ้ามันมีปัญหามากนัก ก็จะขายทิ้ง แต่แม่บอกว่า แม่ยังไม่ได้คุยกะพี่สาวเลย

เราเสียใจมาก เราไม่แน่ใจว่า ที่แม่พูดแบบนั้น เพราะแกไม่กล้าคุยกะพี่สาว หรือแกคุยแล้ว แต่พี่สาวไม่ยอม แกเลยไม่กล้าบอกเราตามตรง เพราะกลัวเราจะทะเลาะกันอีก

เอาตามตรง ที่ดินตรงนั้น ตอนนี้ยังไม่เจริญมากนั้น แต่ต่อไปก็ไม่แน่ ส่วนห้องแถวอื่นๆ ก็มีคนเช่าอยู่ รายได้ทั้งหมด เดือนละสองหมื่นพอเป็นค่ากินอยู่ของแม่ได้ เราคิดว่าถ้าเราย้ายไปอยู่ตรงนั้น บ้านที่เราอยู่ตอนนี้จะปล่อยเช่าได้ไม่ต่ำกว่า ห้าพัน ซึ่งก็จะเป็นรายได้เพิ่มให้แม่

ลูกพี่ลูกน้อง หรือญาติๆเกือบทุกคนก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมเราไม่ย้ายไปอยู่ตรงนั้น มีบางคนบอกว่า อาจจะเหมือนว่าเราจะไปฮุบเอาที่ดินหรือเปล่า เพราะเราก็อยู่บ้านที่เป็นของพ่อแม่ ไม่ใช่บ้านซื้อเองเหมือนพี่สาว กลายเป็นว่าบ้านนี้ก็จะเอา บ้านนู้นก็จะเอา

แล้วเพื่อนๆ คิดว่าไงคะ เราเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า แล้วเราจะแก้ปัญหานี้ยังไง เราอยากคุยกะพี่สาวเราโดยตรง แต่น้าที่สนิทที่สุด เค้าห้ามไว้ เค้าบอกว่า ถ้าคุยต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ แต่เราอยากรู้ว่า แม่เคยคุยกับพี่สาวหรือยัง หรือแกกลัวไปเอง คิดไม่ตก

ตอนนี้เราก็พยายามเบนเข็มไปทางอื่นล่ะ หาที่ขายของกินเอา เป็นรายได้เสริม เพราะสามีไม่ค่อยมีความสุขกับการทำงาน สามีไม่ถนัดเรื่องขายของ แต่ถ้าเลี้ยงไก่ เลี้ยงปลาก็พอไหว ตอนนี้เรายังไม่มีลูก ไม่มีเงินเก็บสักบาท พยายามสร้างลูก พร้อมๆ กับสร้างตัว เพื่อที่มีเค้าขึ้นมา จะได้ไม่ต้องลำบากนัก (พี่สาวก็ไม่มีลูก และคงไม่มีแล้ว)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่