++ รีวิว ตม. เกาหลี 30 ตุลาคม 2559 แบบสั่นๆ สู้ๆ ++

***ขอแก้ไขวันที่เป็น 30 ตุลาคม 2559 นะคะ 5 5 5 ทำงานเยอะติดพิมพ์เป็นเดือนพฤศจิกายนเลย ขอโทษด้วยนะคะ***

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาวพันทิป

เราจะขอมาเล่าประสบการณ์การผ่านด่าน ตม. เกาหลี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2559 ที่ผ่านมานะคะ

เรากับเพื่อนแพลนกันไว้ว่าจะลาพักร้อนไปเที่ยวเกาหลีกันช่วงปลายเดือนตุลาคม – ต้นเดือนพฤศจิกายน เพราะอยากไปดูใบไม้เปลี่ยนสีค่ะ ซึ่งตอนที่จองตั๋วเครื่องบินสถานการณ์ก็ยังปกติดี แต่พอผ่านไปสักพัก ก็เริ่มมีข่าวเรื่องการเข้มงวดของ ตม.เกาหลี กับคนไทยมากขึ้น มากขึ้น มากกกกกกกกก...ขึ้นเรื่อยๆ เราก็เป็นกังวลมาก อ่านกระทู้ หาข้อมูล เอกสาร เพื่อเตรียมตัวให้พร้อม ยิ่งหาข้อมูลก็ยิ่งเจอกระทู้คนไทยติด ตม.เกาหลี มากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มนอยด์ เริ่มจิตตกคะ พร้อมกับพยายามทำใจไว้ ถ้าติด ตม. ขึ้นมาจริงๆ ก็กลับบ้านเราแค่นั้นค่ะ แต่ในใจก็หวังไว้ลึกๆ เตรียมตัวมานานก็อยากไปเที่ยวให้ได้ตามที่แพลนไว้ เพราะในปีนึงจะขอลาพักร้อนยาวๆ ได้แค่ 1 ครั้ง/ปี เท่านั้นค่ะ และเราก็อยากไปเที่ยวในที่ที่เราอยากไป ระหว่างนั้นคนรอบๆ ตัวก็จะคอยมาไถ่ถาม ว่าได้อ่านข่าวไหม เห็นกระทู้นั้นไหม ที่คนไทยไปติด ตม.เกาหลี พร้อมกับคอยเป็นกองเชียร์ลุ้นการผ่าน ตม. ไปพร้อมๆ กับเราด้วยค่ะ 5 5 5 เพื่อนๆ บอกว่าไปถึงแล้วถ่ายรูป หรือ Live สดให้ดูด้วยนะ ว่าได้ผ่าน ตม.เกาหลี ไปเที่ยวแล้ว จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงกัน

ถ้าถามว่าข่าวคนไทยติด ตม.เกาหลี เยอะ และ ตม.เกาหลี ก็เข้มงวดกับคนไทยมากขนาดนั้น ทำไมยังอยากไปกันอีก คือเราก็เป็นอีกคนนึงที่ชอบเกาหลีมาก ชอบดูซีรี่ย์ ชอบลักษณะภูมิประเทศของบ้านเมืองที่เป็นภูเขา แม้จะอยู่ในเขตเมืองก็ยังมีภูเขา มีเนิน แบบที่ว่าข้างหน้าเป็นภูเขา แต่หันกลับมาข้างหลังเป็นตึกสูงแบบสมัยใหม่ และในตัวโซลเองก็มีสวนสาธารณะเยอะมากๆ เราชอบสกิลการเดินของคนเกาหลีค่ะ เดินกันเยอะจริงๆ อากาศก็ไม่ค่อยร้อน เดินเยอะเหงื่อก็ไม่ค่อยออกค่ะ

เอาล่ะ  เข้าเรื่องกันเลย การไปเกาหลีครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของเราค่ะ ครั้งแรกไปช่วงเดือนพฤษภาคม 2558 กับเพื่อนอีก 2 คน รวม 3 คน หญิงล้วนค่ะ ไปครั้งแรกเรา Passport ขาว ไม่เคยออกนอกประเทศเลย และก็ขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งแรกด้วย ตอนนั้นจะตื่นเต้นกับการขึ้นเครื่องบินมากกว่า เพราะปกติจะกลัวความสูง และช่วงนั้นก็ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไร แต่ก็มีแอบกังวลนิดนึง แล้วก็ผ่าน ตม.เกาหลี ไปได้แบบไม่ถามอะไรเลย สแกนนิ้ว มองกล้อง แล้วปั้มเลยค่ะ แต่ตอนส่ง Passport ให้เรา นางชัก Passport กลับไป ใจนี้ตกไปอยู่ตาตุ่มเลยค่ะ ไปเปิดดูอีก 4-5 หน้า แล้วก็ส่งคืนให้เราค่ะ เรา 3 คนต่อแถวเดียวกันหมดเลย เราคนแรก คนที่ 2 ก็ผ่านไม่ถามอะไรเลยเช่นกัน แต่เพื่อนเราคนสุดท้ายโดนถามนิดนึง เพราะเคยมาเกาหลีกับทัวร์แล้วครั้งนึง ตม. ถามแค่ว่า มาครั้งแรกใช่ไหม / มากับใคร / มากี่วัน แค่นั้นก็ปั้ม 3 ผ่านค่ะ (บินหางแดง ถึงเกาหลีประมาณ 09:40 น.)

ครั้งที่ 2 นี้ เราก็บินกับหางแดงเช่นเคยค่ะ ถึงเกาหลีวันที่ 30 ตุลาคม 2559 ประมาณ 09:40 น. ครั้งนี้ก็ไปกับเพื่อนอีก 2 คน เช่นกัน แต่อีก 2 คนเป็นผู้ชาย (มั้งคะ) คนแรกเคยมาเกาหลีกับทัวร์เมื่อประมาณ 10 ปี ที่แล้ว แล้วก็เคยไปญี่ปุ่นมา 2 ครั้ง ล่าสุดเมื่อตอนต้นปีนี่เองค่ะ ส่วนอีกคนเคยไปลาวแต่เป็น Passport เล่มเดิม สำหรับเล่มใหม่มีแต่ของกัมพูชาค่ะ พอออกจากเครื่องมา ก็เดินตามฝูงชนมาเรื่อยๆ แต่เรารู้สึกว่ายิ่งเดินๆ ไป คนจะยิ่งน้อยลง น้อยลงค่ะ มีบางส่วนก็เข้าห้องน้ำก่อน บางส่วนก็ยืนรอกันเป็นกลุ่มๆ พอเราเดินไปหน้า ตม. คนน้อยมากๆ ค่ะ ไม่น่าจะถึง 30 คน ซึ่งข้างหน้าจะมี เจ้าหน้าที่ผู้หญิงกับผู้ชายคอยจัดแถวให้ไปเข้าตามช่องของ ตม. ที่ว่างๆ ตอนแรกเราเดินตามเพื่อนที่เคยไปญี่ปุ่นมา แต่ในใจก็คิดว่าถ้าเราเดินตามไปต่อแถวเดียวกันจะเป็นที่สงสัย และด้วยความที่ว่าเราบริสุทธิ์ใจจะมาเที่ยวจริงๆ จึงตัดสินใจหยุดเลี้ยวเข้าแถวที่สั้นๆ มีผู้หญิงอยู่ในช่อง ตม. 1 คน และน้องผู้หญิงอยู่ข้างหน้าเราอีก 1 คน หลังจากนั้นผู้หญิงที่อยู่ในช่อง ตม. ก็ผ่านได้ เรานี่ใจชื้นขึ้นมาเลย แต่ แต่ แต่ ... เดียวก่อน น้องผู้หญิงข้างหน้าเรา เดินเข้าช่อง ตม. ไป คุยกันสักพัก เราได้ยินแต่เสียง ตม. พูดว่า Really Really Really!!! แบบไล่ระดับความดังขึ้นเรื่อยๆ พอจะนึกออกไหมคะ 5 5 5 น้องก็หน้าซีดไปเลยทีเดียว แล้ว ตม. ก็ลุกขึ้นผายมือแบบให้น้องเดินตามมา แล้วมาเรียกเจ้าหน้าที่ที่เดินอยู่ข้างหน้าให้พาน้องออกไปห้องข้างๆ ค่ะ เราก็คิดในใจ เอาแล้วไง เอาแล้วไงอ่ะ คือ น้องคนนั้น เหมือนยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่เลยน่าจะปี 1 ปี 2 ได้ การแต่งตัวน้องใส่เอี๊ยมยีนส์ขายาว ข้างในเป็นเสื้อยืดสีขาว ร้องเท้าผ้าใบสีขาว คือดูดีเลยล่ะ ไม่น่าจะใช่กลุ่มเสี่ยง แต่ว่าน้องย้อมผมเป็นสีทองอ่อนๆ นะคะ เทียบกับเรานี่ เราน่าจะไปทางกลุ่มเสี่ยงมากกว่าอีก เราใส่เสื้อยืดสีกรมไม่มีลาย กางเกงเลคกิ้งสีดำ เสื้อแขนยาวมีฮู้ดสีดำของ Uniqlo ร้องเท้าผ้าใบของ Reebok สีดำขีดเขียวค่ะ

แล้วเราก้าวขาแบบสั่นๆ สู้ๆ เข้าไปในช่อง ตม. พร้อมยื่น Passport กับเอกสารใบ Arrival Card ที่กรอกมาจากบนเครื่อง ตม. เป็นผู้หญิงนะคะ อายุไม่มากน่าจะ 20 ปลายๆ หรือ 30 ต้นๆ นางก็เอา Passport ไปสแกน พร้อมกับกดให้เราสแกนนิ้ว และให้เราเอาผมถัดหู แต่ยังไม่พูดด้วยนะคะ แค่ทำท่าทางแค่นั้นเอง เราก็คิดว่าคงจะไม่มีอะไรแล้ว แต่หน้านางนิ่งมาก เราก็ได้แต่ภาวนาในใจว่าอย่าถามนะ เพราะสกิลอังกฤษเราง่อยมาก กลัวจะฟังที่ ตม. พูดไม่รู้เรื่องค่ะ

และแล้วนางก็...ถามค่ะ 5 5 5 เราก็มีอาการแบบตาเบิกโพลง จากที่เพิ่งตื่นนอน งัวเงีย สติมา ตาสว่างทันทีค่ะ แต่พยายามคุมสติตัวเอง และตั้งใจฟังที่นางพูด นางก็ร่ายมาเลยค่ะ ถามว่าฟังออกมั้ย ? รุ่นนี้แล้ว ฟังไม่ออกสิคะ 5 5 5

ตม. : cjf;sahf;asgh;wfkasksfkhas;fl “long” slfjs;fhkas;fhp;efifyp
เรา : ยืนอึ้งค่ะ...แล้วตอบออกไป “Six days”
ในใจคิดว่าเอาแล้วๆ ห้องเย็นแน่ๆ แต่ฟังออกแค่คำเดียวจริงๆ คือ long ซึ่งนางไม่ได้ถามประโยคแบบ How long stay in ... อะไรแบบนี้นะคะ เหมือนพูดอะไรมาก่อนแต่เราฟังไม่ออก ได้ยินดังนั้น เราตอบออกไปอย่างมั่นใจเลยค่ะ Six day คิดว่าน่าจะถามระยะเวลาที่อยู่ในเกาหลีค่ะ

ตม. : slkfjs;fj;sgjskj;akfjas;gjigfjsljshsfjp;fgjasf;peiotgjepfg “someone”
เรา : with my friends
ประโยคนี้ก็ร่ายยาวเหมือนกันค่ะ เราฟังออกคำสุดท้ายว่า someone ก็เข้าใจว่าน่าจะถามว่ามากับใคร ก็เลยตอบไปว่ามากับเพื่อนค่ะ ทำไมตอนอ่านกระทู้อื่นไม่เห็นจะมีประโยคยาวๆ เลยนี่นา 5 5 5

ตม. : shskfj;sfksjf;sfjksjfs;kfshlwefjkwfhs;fh person
เรา : สาม
ตม. : ซัม ? three ?
เรา : อ่อๆ yes yes three
ตม. : มอง Passport มองหน้าอีกที ปั้มค่ะ
ใช่ค่ะ !!! เราตอบ ตม. ด้วยภาษาไทยว่ามากัน 3 คนค่ะ 5 5 5 ในใจคิดว่าเอาอีกแล้วตรู โดนแน่ๆ ล่ะ มันเหมือนเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติ พอเราฟังเข้าใจก็เลยตอบกลับไปเป็นภาษาไทยแบบทันที โดยไม่ผ่านไปที่สมองแน่ๆ แต่โชคดีร่างกายได้ช่วยเราไว้ โดยการยกมือขึ้นแสดงสัญลักษณ์ 3 นิ้วค่ะ 5 5 5 แล้วนึกได้ว่าการนับตัวเลขเกาหลี เลข 3 จะออกเสียงว่า “ซัม” (삼) โอ๊ยๆๆๆ โชคช่วยอีกแล้ว ตม. ก็เลยเข้าใจว่า สาม ของเรา คือ three แล้วเราก็ไปกัน 3 คนจริงๆ 5 5 5

ออกมาจากช่อง ตม. แล้วก็ยังไม่จบนะคะ เพราะต้องยืนรอลุ้นเพื่อนอีก เราออกมาคนแรก แป๊ปนึงเพื่อนที่แยกไปคนเดียวก็ผ่านออกมาได้ บอกเจอ ตม. ผู้ชาย ทั้งแถวไม่ถามซักคำ ปั้มอย่างเดียว เราน่าจะเดินตามไปนะที่จริง 5 5 5 เราก็ลุ้นให้เพื่อนอีกคนไม่โดนถาม เพราะนางก็ตื่นเต้นมาก สกิลอังกฤษก็ง่อยพอๆ กัน และเป็นการออกนอกประเทศแบบจริงจังครั้งแรก นอกจากลาวและกัมพูชา ยืนมองสักพัก นางโดนถามจ้า เรานี่ลุ้น 2 ต่อเลย คือไม่อยากให้เพื่อนติด อยากให้ไปเที่ยวด้วยกัน คุยสักพักเพื่อนเราก็ชี้มาทางเราที่ยืนรออยู่ แล้วก็ปั้มออกมาได้ สรุป 3 ผ่านจ้า เพื่อนบอกว่าโดนถามคล้ายๆ กัน ว่ามากี่วัน / มากับใคร / มากี่คน พอเพื่อนเราบอกว่ามา 3 คน ตม. ก็ถามว่า 3 คน นี่รวมกับตัวเองหรือยัง หรือว่ามีเพื่อนมาอีก 3 คน นางก็เลยบอกว่า 3 คน รวมตัวเอง พร้อมชี้มาทางเรา 2 คนที่ยืนรออยู่ค่ะ

สุดท้าย เราเองขนาดผ่านมาแล้วก็ไม่มั่นใจหรอกค่ะ ว่าแบบไหนจะผ่าน แบบไหนจะไม่ผ่าน แต่เราคิดว่าน่าจะเป็นที่การแต่งตัว ลักษณะท่าทาง การเขียนข้อมูลในใบ Arrival Card และการตอบคำถาม ถ้าตอบได้เราก็ว่าน่าจะผ่านนะคะ สำหรับข้อมูลในใบ Arrival Card เราเขียนไปครบทุกช่องค่ะ ระบุที่อยู่ของที่พักกับเบอร์โทร โดยเฉพาะที่พักเราระบุเป็นชื่อที่พักที่มีคำว่า Guesthouse ก็อาจจะช่วยยืนยันด้วยอีกทางนึงว่าเรามาเที่ยวจริงๆ สำหรับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่กำลังจะเดินทางไปเที่ยวก็ของให้ผ่านได้แบบสบายๆ และตั้งใจฟังที่ ตม. ถามดีๆ นะคะ เพราะเราเองก็เกือบจะฟังไม่ออกเลย 5 5 5 ขอจบรีวิวไว้แต่เพียงเท่านี้ สวัสดีค่ะ ^^

Seoul see u next year

(ดู๊ ดู มันก็ยังไม่เข็ด 5 5 5)

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่