ดอยหลวงเชียงดาว สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ สูงถึง 2,275 เมตร จากระดับน้ำทะเล ในสมัยโบราณดอยเชียงดาวถูกเรียกว่า “ดอยอ่างสลุง” ซึ่ง ชาวเชียงใหม่เชื่อกันตามตำนานเมืองเชียงใหม่ว่าเป็นสถานที่ที่สมเด็จพระ สัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาพร้อม พระอรหันต์ 8 องค์ทรงลงสรงน้ำในสลุงทองคำหรือบริเวณอ่างสลุงนั่นเอง บางคนเรียกดอยแห่งนี้ว่า “ ดอยหลวง ” เนื่องจากเป็นดอย ที่มีขนาดสูงใหญ่ (“ หลวง ” หมายความว่า “ ใหญ่ ” ) เพี้ยนเป็น“ ดอยหลวงเพียงดาว ” จนกระทั่งกลายมาเป็น “ ดอยหลวงเชียงดาว ” หรือ “ ดอยเชียงดาว ”
ในปัจจุบันประกอบด้วยยอดเขาสำคัญ คือยอดสูงสุดดอยหลวงเชียงดาว สูงจากระดับน้ำทะเล 2,225 เมตร และยังมียอดเขาอีก หลายยอดที่มีความสูงโดดเด่น สามารถชมทิวทัศน์ได้แตกต่างกันออกไป เช่น ดอยกิ่วลมสูงจากระดับน้ำทะเล 2,140 เมตร และดอยเหนือหรือดอยพีระมิดสูงจากระดับน้ำทะเล 2,175 เมตร ดอยหนอกสูงจากระดับน้ำทะเล 2,000 เมตร และดอยสามพี่น้อง สูงจากระดับน้ำทะเล 2,150 เมตร ยอดเขา ที่อนุญาตให้ขึ้นไปท่องเที่ยวทั้งหมด 2 ยอดด้วยกัน คือ ยอดดอยกิ่วลมซึ่งเหมาะกับการ ไปชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกยามเช้า และยอดดอยสูงสุดของดอยหลวงเชียงดาว เหมาะสำหรับไปชมพระอาทิตย์ตก (ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.paiduaykan.com/province/north/chiangmai/doichiangdao.html)
เอาล่ะเราเกริ่นแบบมีสาระมาพอสมควรแล้วนะค่ะ เรามาเริ่มแบบไม่ค่อยมีสาระกัน เริ่มจากการเดินทาง ทริปนี้เราแบกเป้ไปเองกับเพื่อนๆ โดยจองทริปของ "Chiang Dao Camping" ซึ่งราคาทริปเป็นราคา 3 วัน 2 คืน อยู่ที่ 2,650 บาท รวมอาหารทุกมื้อ เต้นท์ และน้ำ (ซึ่งเต้นท์ และน้ำเราไม่ต้องแบกเองนะค่ะ ดีตรงนี้และ) แต่เราต้องเตรียมถุงนอนไปเอง ซึ่งเรากะเพื่อนเริ่มออกเดินทางจาก กรุงเทพ สถานีปลายทางคือ เชียงดาว พอไปถึงก็โทรเรียกเขาออกมารับไปที่แคมป์ และขากลับทางแคมป์ก็จะมาส่งเราที่สถานีขนส่งเพื่อเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่โดยนั่งรถ ท่าตอน เชียงใหม่ คนละ 40 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นเราก็หารถต่อไปที่อาเขต เพื่อไปขึ้นรถทัวร์กลับกรุงเทพ ซึ่งเรากับเพื่อนเลือกใช้บริการของ นครชัยแอร์
เมื่อเดินทางมาถึงแคมป์เรากับเพื่อนก็จัดเตรียมสัมภาระที่จำเป็น เน้นนะค่ะ เอาที่จำเป็นขึ้นไปไม่มีน้ำให้อาบไม่ต้องขนเสื้อผ้าขึ้นไปเยอาะเอาแต่ถุงนอนกับเสื้อกันหนาวหนาๆ ก็เพียงพอแล้ว จากนั้นเราก็เปลี่ยนมานั่งรถเพื่อไปยังจุดเริ่มเดิน ทางที่พวกเราใช้เดินคือทาง "เด่นหญ้าขัด" ระยะทางประมาณ 8.5 กิโล แต่ถ้าไปทาง "ปางวัว" เขาบอกว่าระยะทางจะสั้นกว่าแต่ชันโครต (อันนี้เราเห็นด้วย เนื่องจากขาลง เราลงทาง "ปางวัว" ทั้งชั้นและลื่นแต่ถึงเร็วมาก) เอาล่ะถึงเวลามาผจญภัยกันแล้ว
ก่อนขึ้นเก็บภาพเป็นที่ระลึกกะป้ายสักหน่อย
ระหว่างทางเราก็เก็บวิวข้างทางกันมาเรื่อยๆ วันที่ไปฟ้าเปิดสวยงามตามท้องเรื่อง
เห็นยอดเขาสูงๆ นั้นไมอ่ะนั้นและจุดหมายปลายทางของเรา
ดอกเทียนนกแก้ว อีกหนึ่งไฮไลท์ที่คนมาที่นี้จะต้องไปรับชม ซึ่งตลอกทางเดินขึ้นก็มีให้เห็นอยู่เป็นระยะทั้งขาขึ้นและขาลง
ระหว่างเดินขึ้นขอบอกเหนื่อยมากเดินไปได้สักพักก็บ่นตลอดทางเลยว่าเหนื่อยๆ เมื่อไหร่จะถึงยอดสัดที เรามาลำบากกันทำไม ทำไมเราไม่นอนอยู่บ้านหรือไปเดินห้างแอร์เย็นสบายๆ เสียเงินทั้งทีกลับต้องมาลำบากเพื่ออะไร ก็เพื่อสิ่งนี้และ และแล้วเรากับเพื่อนก็เดินมาถึงยอดสูงสุดดอยหลวงเชียงดาว และสิ่งที่เรากับเพื่อนได้เห็นเบื้องหน้าก็ทำให้หายเหนื่อยเลยทีเดียว
ก่อนพระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้า ช่างงดงามอะไรเยี่ยงนี้
เมื่อพวกเราดื่มด่ำกับธรรมชาติมามากกันพอสมควรก็ถึงเวลากลับที่พักเพื่อเตรียมทานอาหารเย็นและนอนหลับพักผ่อน พรุ่งนี้เช้าพี่ๆ เขานัดตีสี่ครึ่งเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ " ดอยกิ่วลม" ขอบอกว่าระยะทางนั้นไกลไม่ว่าแต่ที่สำคัญชันโครตต้องปีนป่ายกันขึ้นไปเลยทีเดียว แต่วิวบนนั้นก็สวยงามมาก




มานั่งรอชมพระอาทิตย์ขึ้น (ถ้ามีคนมานั่งดูข้างๆ ด้วยคงดีไม่น้อย)
ความงดงามบนยอดดอย
ระหว่างทางเดินลงจากยอดดอยก็เก็บทะเลหมอกกันไป
นอกจากจะมีทะเลหมอก, นั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกแล้ว ระหว่างทางยังมีพันธ์พืชและดอกไม้สวยงามให้ชมตลอดทาง (เราขออนุญาตไม่ระบุชื่อนะเราจำไม่ได้งะ><)
และแล้วงานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกลา ต้องถึงเวลาโบกมืออำลาเขาลูกนี้กันแล้ว เราและเพื่อนเริ่มออกเดินทางกันประมาณ 8.45 ลงทางปางวัว มาถึงด้านล่างประมาณ 11.45 ซึ่งระหว่างทางเราก็บ่นกันอีกเช่นเคยว่าเดินมาไกลมากแล้วนะเมื่อไหร่จะถึงสักทีทำไมนานจังกว่าจะถึง><
วิวระหว่างทางเดินลง
เราขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้นะขอรับใครที่คิดจะเดินทางไปเตรียมเสื้อหนาวกะถึงนอนหนาๆ แต่ถ้าใครคิดว่าจะไปดีหรือไม่ไปดี เราขอให้ท่านตัดสินใจเลยค่ะว่าสมควรไปสักครั้งนึงในชีวิตก็ยังดีเพราะที่แห่งนี้เราคิดว่าสวรรค์บนดินจริงๆ
[CR] 3 วัน 2 คืน อยากหยุดเวลาไว้ที่ ดอยหลวงเชียงดาว
ในปัจจุบันประกอบด้วยยอดเขาสำคัญ คือยอดสูงสุดดอยหลวงเชียงดาว สูงจากระดับน้ำทะเล 2,225 เมตร และยังมียอดเขาอีก หลายยอดที่มีความสูงโดดเด่น สามารถชมทิวทัศน์ได้แตกต่างกันออกไป เช่น ดอยกิ่วลมสูงจากระดับน้ำทะเล 2,140 เมตร และดอยเหนือหรือดอยพีระมิดสูงจากระดับน้ำทะเล 2,175 เมตร ดอยหนอกสูงจากระดับน้ำทะเล 2,000 เมตร และดอยสามพี่น้อง สูงจากระดับน้ำทะเล 2,150 เมตร ยอดเขา ที่อนุญาตให้ขึ้นไปท่องเที่ยวทั้งหมด 2 ยอดด้วยกัน คือ ยอดดอยกิ่วลมซึ่งเหมาะกับการ ไปชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกยามเช้า และยอดดอยสูงสุดของดอยหลวงเชียงดาว เหมาะสำหรับไปชมพระอาทิตย์ตก (ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.paiduaykan.com/province/north/chiangmai/doichiangdao.html)
เอาล่ะเราเกริ่นแบบมีสาระมาพอสมควรแล้วนะค่ะ เรามาเริ่มแบบไม่ค่อยมีสาระกัน เริ่มจากการเดินทาง ทริปนี้เราแบกเป้ไปเองกับเพื่อนๆ โดยจองทริปของ "Chiang Dao Camping" ซึ่งราคาทริปเป็นราคา 3 วัน 2 คืน อยู่ที่ 2,650 บาท รวมอาหารทุกมื้อ เต้นท์ และน้ำ (ซึ่งเต้นท์ และน้ำเราไม่ต้องแบกเองนะค่ะ ดีตรงนี้และ) แต่เราต้องเตรียมถุงนอนไปเอง ซึ่งเรากะเพื่อนเริ่มออกเดินทางจาก กรุงเทพ สถานีปลายทางคือ เชียงดาว พอไปถึงก็โทรเรียกเขาออกมารับไปที่แคมป์ และขากลับทางแคมป์ก็จะมาส่งเราที่สถานีขนส่งเพื่อเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่โดยนั่งรถ ท่าตอน เชียงใหม่ คนละ 40 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นเราก็หารถต่อไปที่อาเขต เพื่อไปขึ้นรถทัวร์กลับกรุงเทพ ซึ่งเรากับเพื่อนเลือกใช้บริการของ นครชัยแอร์
เมื่อเดินทางมาถึงแคมป์เรากับเพื่อนก็จัดเตรียมสัมภาระที่จำเป็น เน้นนะค่ะ เอาที่จำเป็นขึ้นไปไม่มีน้ำให้อาบไม่ต้องขนเสื้อผ้าขึ้นไปเยอาะเอาแต่ถุงนอนกับเสื้อกันหนาวหนาๆ ก็เพียงพอแล้ว จากนั้นเราก็เปลี่ยนมานั่งรถเพื่อไปยังจุดเริ่มเดิน ทางที่พวกเราใช้เดินคือทาง "เด่นหญ้าขัด" ระยะทางประมาณ 8.5 กิโล แต่ถ้าไปทาง "ปางวัว" เขาบอกว่าระยะทางจะสั้นกว่าแต่ชันโครต (อันนี้เราเห็นด้วย เนื่องจากขาลง เราลงทาง "ปางวัว" ทั้งชั้นและลื่นแต่ถึงเร็วมาก) เอาล่ะถึงเวลามาผจญภัยกันแล้ว
ระหว่างเดินขึ้นขอบอกเหนื่อยมากเดินไปได้สักพักก็บ่นตลอดทางเลยว่าเหนื่อยๆ เมื่อไหร่จะถึงยอดสัดที เรามาลำบากกันทำไม ทำไมเราไม่นอนอยู่บ้านหรือไปเดินห้างแอร์เย็นสบายๆ เสียเงินทั้งทีกลับต้องมาลำบากเพื่ออะไร ก็เพื่อสิ่งนี้และ และแล้วเรากับเพื่อนก็เดินมาถึงยอดสูงสุดดอยหลวงเชียงดาว และสิ่งที่เรากับเพื่อนได้เห็นเบื้องหน้าก็ทำให้หายเหนื่อยเลยทีเดียว
เมื่อพวกเราดื่มด่ำกับธรรมชาติมามากกันพอสมควรก็ถึงเวลากลับที่พักเพื่อเตรียมทานอาหารเย็นและนอนหลับพักผ่อน พรุ่งนี้เช้าพี่ๆ เขานัดตีสี่ครึ่งเพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ " ดอยกิ่วลม" ขอบอกว่าระยะทางนั้นไกลไม่ว่าแต่ที่สำคัญชันโครตต้องปีนป่ายกันขึ้นไปเลยทีเดียว แต่วิวบนนั้นก็สวยงามมาก
นอกจากจะมีทะเลหมอก, นั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกแล้ว ระหว่างทางยังมีพันธ์พืชและดอกไม้สวยงามให้ชมตลอดทาง (เราขออนุญาตไม่ระบุชื่อนะเราจำไม่ได้งะ><)
และแล้วงานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกลา ต้องถึงเวลาโบกมืออำลาเขาลูกนี้กันแล้ว เราและเพื่อนเริ่มออกเดินทางกันประมาณ 8.45 ลงทางปางวัว มาถึงด้านล่างประมาณ 11.45 ซึ่งระหว่างทางเราก็บ่นกันอีกเช่นเคยว่าเดินมาไกลมากแล้วนะเมื่อไหร่จะถึงสักทีทำไมนานจังกว่าจะถึง><
เราขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้นะขอรับใครที่คิดจะเดินทางไปเตรียมเสื้อหนาวกะถึงนอนหนาๆ แต่ถ้าใครคิดว่าจะไปดีหรือไม่ไปดี เราขอให้ท่านตัดสินใจเลยค่ะว่าสมควรไปสักครั้งนึงในชีวิตก็ยังดีเพราะที่แห่งนี้เราคิดว่าสวรรค์บนดินจริงๆ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น