ประสบการณ์เที่ยว Full moon party เกาะพะงันแบบรวมตัวคนดวงซวย! 18+

สวัสดีค่าาาาา หลังจากที่ทำรีวิวท่องเที่ยวมาหลายที่นะคะ (ตามอ่านรีวิวท่องเที่ยวเก่าๆได้ในเพจ Caratravel เด้อ) วันนี้เราก็เลยอยากมาเล่าถึงประสบการณ์ทั้งดีและแย่ (หนักไปทางแย่เยอะหน่อย บ่นเยอะหน่อยนะอัดอั้นจริงๆ) 555555 จะพยายามนึกทุกปัญหาที่เจอให้ครอบคลุมที่สุดเผื่อใครจะไปบ้างจะได้ไม่เจอแบบเราเนาะ ซึ่งเนื้อหาในกระทู้นี้เนี่ยมีทั้งคำหยาบคาย นิดๆหน่อยๆเพื่ออรรรส และจะค่อนข้างมีเรื่องที่เด็กๆ และ เยาวชนไม่ควรรู้อยู่เยอะพอสมควร เลยตั้งหัวกระทู้ไว้ว่า 18+ คืออยากให้อายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไปเท่านั้นเข้ามาอ่านจริงๆนะ ไม่อยากเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้น้องๆอ่ะ 55555 เพราะฉะนั้นใครอายุไม่ถึงงดอ่านนะคะ ไปโฟกัสที่การเรียนค่ะลูกกกก โดยในกระทู้นี้นะคะเราจะไม่ได้มาเล่าเป็นในรูปแบบรีวิว แต่เน้นเล่าเรื่องที่เจอให้ฟังมากกว่า พร้อมภาพประกอบให้ดูไปเพลินๆ บางภาพอาจจะไม่ตรงกับเนื้อหาที่เล่าในช่วงนั้นบ้างนะคะ ทริปนี้เราปาร์ตี้หนักอ่ะ นอนน้อยมาก สมองเบลอๆ ภาพถ่ายสวยๆเลยไม่ค่อยมีแบบกระทู้ก่อนๆ (อ้างทั้งนั้น) จะมีแต่รูปที่เราถ่ายกันเองเพื่อลงในโซเชี่ยวส่วนตัว ก็จะเอามาแปะไว้ให้ในนี้ด้วยเนาะจะได้อ่านไปแบบเห็นภาพ ร่ายมาเยอะแล้ว เข้าเรื่องเลยดีกว่า

เรื่องพีคๆเรื่องแรกที่เราต้องเจอคือ งาน Full moon party เลื่อน! คือเลื่อนจากวันที่เราจองไว้1วัน เนื่องจากเหตุการณ์ความสูญเสียอันน่าเศร้าของพวกเราชาวไทยนะคะ เป็นจังหวะที่พอดิบพอดีกับทริปที่แพลนไว้มากๆ (ต้องบอกก่อนว่า เราแพลนทริปนี้กันไว้นานแล้ว จองทุกอย่างไปหมด ทั้งรถ เรือ เครื่องบิน ที่พัก หมดเงินไปเยอะมาก เลยทำให้ต้องตัดสินใจไปต่อ ไม่ดราม่าเนอะ) ทีนี้จากที่เราซื้อตั๋วเรือ+รถ จากเกาะพะงันไปสนามบิน (ราคา500 บาท) และตั๋วเครื่องบินจากสุราษฎร์ธานีกลับ กทม. (ราคา 995บาท) ทั้งสองอย่างนี้เราต้องทิ้งไปฟรีๆค่ะ แล้วจองตั๋วใหม่ในวันถัดจากที่เคยจองไว้แทน แถมยังต้องหาที่พักใหม่เพิ่มอีก1คืนด้วย ทริปนี้งบเลยบานปลายตั้งแต่ยังไม่เดินทางเลยค่ะ แต่นี้แค่เริ่มต้นความพีคเท่านั้นค่ะ555555
ต่อจากเรื่องต้องเสียเงินจองตั๋วจองที่พักหลายรอบก็เป็นเรื่องการเดินทางค่ะ ก็การเดินทาง พีคตั้งแต่ก้าวขาออกจากห้อง คือเราต้องไปขึ้นรถบัสที่สายใต้ใหม่ ตอน2ทุ่ม เพื่อไปลงเกาะสมุยก่อน แล้วค่อยข้ามเรือไปเกาะพะงันนะคะ เราก็เรียกแท็กซี่แต่ไม่มีเลยซักคัน เลยต้องใช้บริการ Uber แทน ซึ่งครั้งแรกก็โดนเลยจ้า นั่งรถออกไปได้ซักพัก นึกขึ้นได้ว่าลืมโทรศัพท์! ต้องให้เค้าวนรถกลับไปเอาที่คอนโด เสียเวลาไปอีกตอนนั้นหวั่นๆจะไปไม่ทันกันละ แล้วทีนี้พี่คนขับไม่รู้จักสายใต้ใหม่ พาเราไปจอดอยู่ตรงขนส่งเล็กๆ แถวๆปิ่นเกล้า แล้วเราเองก็ไม่รู้จะบอกทางยังไงเหมือนกัน คือเคยไปนะ แต่เป็นโรคจำทางไม่ได้ นั่งงมแมพกันนานมาก เสียเวลาไปอีกรอบสอง ทีนี้พองมกันจนมาถึงสายใต้ใหม่ ระบบ Uber ของพี่คนขับไม่สามารถคำนวณค่าโดยสารได้ค่ะ เพราะขับเกินระยะทางที่ปักหมุดไว้ตอนเรียกรถ ทีนี้ก็ยืนรอกันไป จนเราคิดว่าไม่ทันแน่ๆเลยยอมจ่ายไป300 เพื่อเอาตัวเองออกจากตรงนั้นซักที โชคดีที่พวกเราไม่ตกรถ555555 อ่ะ พูดถึงรถกันบ้าง เรานั่งของสมบัติทัวร์ไปนะคะ รถดีหรูหรานอนสบาย มีขนม น้ำดื่มแจกอารมณ์เหมือนนั่งเครื่องบิน แต่รถไม่ได้วิ่งทุกวันนะคะ จะมีแบ่งวันคู่วันคี่ต้องลองไปเช็คกันดู เคยลองนอกใจสมบัติทัวร์ไปนั่ง บขส. 999 รอบนึง คือทรมานหลังมาก ราคาก็พอๆกันแต่ความคุ้มค่าต่างกันมากกกกกกกกกก ที่พูดถึงสมบัติทัวร์ขึ้นมาเพราะจะโยงเข้าเรื่อง ลืมของรอบที่2 คือเรานั่งรถกันตอน2ทุ่ม ไปถึงท่าเรือตอนเช้าๆ แล้วเราต้องลงจากรถเพื่อนั่งเรือต่อไปเกาะสมุย แล้วนั่งเรือกันไปเพลินๆ ออนนีนางก็นึกขึ้นได้ค่ะว่านางลืมกระเป๋าตังไว้บนรถบัส!

นี่ค่ะ โฉมหน้าคนลืมกระเป๋าตัง โชคยังดีที่รถบัสก็ขึ้นเรือข้ามเกาะไปกับเราด้วย เราต้องวิ่งจากบนเรือลงมาชั้นล่างที่เป็นที่ของรถยนต์ที่โดยสารข้ามไปฝั่งเกาะสมุย ตามหารถของสมบัติทัวร์กันให้วุ่น แต่พอเจอรถแล้วเรากลับไม่เจอกระเป๋าตัง ยังดีที่ออนนีนางพอมีสติว่ากระเป๋าอาจจะอยู่ในผ้าห่มที่รถแจกให้ เราเลยต้องขอให้พี่เค้ารื้อผ้าห่มที่พับเก็บใส่ถุงใหญ่ๆไว้เรียบร้อยแล้วให้เรา แล้วพี่เค้าใจดีมากๆ แบบรื้อดูทีละผืนๆ ไม่ว่าอะไรเราเลยซักคำ จนเจออยู่ที่ผืนเกือบๆล่างสุด เราขอจะช่วยพับผ้าห่มให้ใหม่ก็ไม่ยอม พนักงานรถสมบัติทัวร์น่ารักจริงๆค่ะ ใครจะไปสมุยแนะนำเลย สบายสุด สบายกว่านั่งเครื่องอีกอ่ะ เพราะเครื่องบินต้องต่อรถต่อเรือวุ่นวายมาก อันนี้นอนคืนเดียวตื่นมาถึงเลยเด้อออออ

หลังจากถึงสมุยเราก็เช่ารถมอเตอร์ไซค์ตรงแถวๆท่าเรือค่ะ โดยตกลงกับร้านเช่าไว้ว่าจะมาคืนพรุ่งนี้แล้วเหมารถตู้ของร้านเช่าให้ไปส่งที้ท่าเรือลิปะน้อย (ขอแนะนำทุกคนที่จะไปนะคะ เราจองตั๋วเป็นแพ็คเกจ3เกาะคือจากท่าเรือที่สุราษฎร์ธานี ลงเกาะสมุย และจากเกาะสมุย ไปเกาะพะงัน ของบริษัทราชาเฟอรี ด้วยความโง่ ลืมคิดไปว่า รถบัสที่จองไว้อ่ะ มันไม่ได้ส่งท่าเรือราชาเฟอรี แต่ส่งลงท่าเรือซีทรานแทน เราเลยต้องเสียเงินซื้อตั๋วเรือจากท่าซีทรานใหม่อีก แถมพอมาถึงสมุย ท่าเรือของราชาเฟอรียังไกลจากที่เราเช่ารถมอเตอร์ไซค์อีกด้วย ทั้งหมดในวงเล็บนี้แค่จะบอกว่าไม่ต้องจองไปล่วงหน้าหรอก ไปซื้อตั๋วที่ท่าซีทรานเฟอรีนั่นแหละ สะดวกสุดแล้ว) กลับมาที่เช่ามอเตอร์ไซค์ ราคาคันละ200บาท พอได้รถปุปเราก็มุ่งหน้าตรงไปที่พัก แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้องเนาะ ก็เลยจะแวะร้านขนมจีนป้าไมตรี ชื่อดังของเกาะสมุย ซึ่งเป็นทางผ่านไปที่พักพอดี แต่ให้ทายว่าคนดวงซวยอย่างพวกเราจะหาร้านเจอง่ายๆมั๊ยคะ? คือหากันจนอยากจะไม่กินยิ้มละ555555 ขี่เลยไปบ้าง แมพพาวนมัวบ้าง แต่น้ำยาปูเค้าเด็ดจริง จานละ70 แอบแพงไปหน่อยแต่แนะนำว่าควรไปลองค่ะ
จบจากป้าไมตรีเราก็ขี่รถต่อไปยังที่พัก เราพักเป็น Hostel เจ้าประจำที่แวะพักตลอดที่เดินทางไปสมุยนะคะ (ลืมเก็บภาพมาเลย ไว้จะเอารูป+ข้อมูลจากเพจ Hostel มาแปะไว้ให้ในคอมเม้นรูปนี้เด้อ) แพลนกันว่าแยกย้ายอาบน้ำแต่งตัวสวยๆแล้วออกไปเล่นน้ำทะเลกัน ตอนอาบน้ำแต่งหน้าก็แดดเปรี้ยงๆอยู่หรอก พอทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมออกเดินทางเท่านั้นแหละ ฝนตก!!! ตกแบบแรงมากกกกกก เหมือนพายุเข้าฉับพลัน55555555 เลยต้องนอนรอแกร่วๆปทน กว่าจะได้ออกเสียก็เสียเวลาเที่ยวไปพอสมควร
นี่รู้สึกมาบ่นเยอะไปละ มีแต่เรื่องซวยๆ ขอข้ามไปเรื่องดีๆบ้างนะเพื่อความจรรโลงใจ เรื่องดีๆของทริปเราเรื่องที่สองรองจากน้ำยาปูของป้าไมตรีคือ Paddle board ค่ะ เป็นกีฬาที่เราเล็งไว้ตั้งแต่ก่อนไปเลยว่าไปถึงจะไปเล่นอันเน้ ค่าเช่าบอร์ด ชั่วโมงละ200 นะคะ พิกัดอยู่ที่หาดเฉวง ร้านเช่ามีให้เลือก2แบบคือ Paddle board กับเรือคายัค

อันนี้เป็นท่าที่ถูกต้องของการเล่น Paddle board คือต้องยืนพายแบบนี้ แต่เรามีรูปที่ยืนแบบนี้แค่รูปเดียวเท่านั้น และไปไม่ได้ไกลจากฝั่งเลยด้วย555555

ส่วนใหญ่ก็จะหนักไปทางนอน (ก็มันสบายเอาะะะะ ยืนนานหนูเมื่อยยยย)

นอนเสร็จก็พยายามจะยืน แต่ยืนขึ้นบ้างไม่ขึ้นบ้าง

นั่งดีกว่า ง่ายสุด เอาเพื่อนซ้อนได้ด้วยนาจาาาาา (ยังสงสัยตัวเองว่าเช่า Paddle board มาทำไม จะพายงี้เอาคายัคง่ายกว่าป่ะ)

แต่มันไม่ใช่กีฬาที่ยากอะไรเลยนะทุกคนนน เพราะหลายๆคนก็สามารถเล่นได้ดีในครั้งแรก ยืนได้อย่างมั่นคงและไปไกลจากฝั่งด้วย (แต่แค่คนๆนั้นไม่ใช่ชั้นนนนนน5555555)

ออนนีก็เล่นได้นะ ทำเป็นโชว์เซียนเหมือนเรียนมา (เบะปากมองบนด้วยความอิจฉา)

หลังจากเล่นบอร์ดกันจนเบื่อเราก็หันไปพายคายัคแทนค่ะ เพราะอยากออกไปไกลๆบ้าง เลือกลำใหญ่มาละอัดสามออกไปเล้ยยยยย ผลัดกันพายไปค่ะ เรือหนักมากกกก ใช้กำลังแขนมากๆ ไม่รู้หนักอะไรใครพอจะตอบได้บ้าง5555555

นางนึงไม่ยอมช่วยพายค่ะ นางนั่งกินลมชมวิวหน้าตาเฉย เกลี๊ยดดดดด

หลังจากพายเรือเล่นกันจนตัวจะไหม้เราก็ขี่มอไซค์ออกจากหาดเฉวง มุ่งหน้าไปเล่นน้ำที่หาดละไม ซึ่งระหว่างทางจะผ่านจุดชมวิวด้วย (หลายสถานที่ในสมุยเราเคยรีวิวสั้นๆไว้ในเพจแล้วน้า ไปหาอ่านได้ในอลับั้ม 'what is on เกาะสมุย ที่เกาะสมุยมีอัลไล') เราแวะกินไก่ย่างกันที่นี่ ซื้อมาจากข้างทางแถวๆหาดเฉวงนะ ตรงนั้นไม่มีขาย เป็นการกินไก่ที่วิวดีสุดในชีวิตละอ่ะ ใครไปเที่ยวสมุยเราบอกเลยว่าห้ามพลาดตรงนี้ วิวเค้าเด็ดจริงอะไรจริง

หลังจากนั้นเราก็ไปเล่นน้ำที่หาดละไมกัน คลื่นสูงมากๆ เล่นกันมันส์หัวเหอไปหมด ต้องกลับที่พักไปอาบน้ำสระผมแต่งหน้าใหม่ถึงจะออกไปหาอะไรกินได้ ก็จบคืนแรกของสมุยไปแบบไม่มีอะไรทำมากนัก เพราะวันนั้นร้านต่างๆยังเปิดเพลงดังเหมือนปกติไม่ได้ ทุกคนเลยทำได้แค่นั่งชิวๆ พอง่วงก็แยกย้ายกันเข้านอน แต่เหตุการณ์ความซวยมันตามหลอกหลอนเราในเช้าวันต่อมาค่ะ! คือเราตื่นมาเก็บของเตรียมเดินทางไปเกาะพะงัน ก่อนจะไปที่ร้านคืนรถเราก็แวะหาอะไรกินใน central festival สมุย พอเข้าไปเดินวนๆก็ตัดสินใจกันได้ว่าจะกิน kfc ง่ายๆกินได้ทุกตัว ทีนี้เนี่ย ตอนที่เรายืนสั่งกันอยู่นั้น อยู่ๆก็มีกลิ่นไหม้ลอยมาค่ะ แต่ไม่ใช่กลิ่นไก่ทอดไหม้แต่เป็นแอร์ไหม้! คือแอร์ตรงประตูทางเข้า ข้างๆกับที่เราสั่งไก่กันอยู่เกิดช็อตแล้วไหม้จนเกิดประกายไฟออกมาเลย ทุกคนถอยห่างแอร์ตัวนั้นหมด เรายืนมองด้วยความหวาดระแวงว่ายิ้มจะระเบิดป่าววะ พนักงานเองก็มายืนหวาดระแวงอยู่ข้างเรา ไม่ช่วยจัดการอะไรให้เลย จนเพื่อนเราที่ไปด้วยต้องถามว่านั่นใช้ปลั๊กแอร์รึเปล่าจะเอาออกให้ พนักงานก็ดันไม่รู้อีก น่ารักจริมๆ ยืนงงๆเมากลิ่นไหม้ซักพักไฟก็ดับไป คือเราไม่โทษ kfc เลยนะ เพราะความซวยของพวกเราเองแหละ จึงเกิดเหตุอาเพศขึ้นกับร้านเค้าแบบนั้น555555555 และหลังจากไฟไหม้ใน kfc เราก็ซวยกันต่อเนื่อง ด้วยการที่เกือบไปไม่ทันเวลาขึ้นเรือ เพราะ 1. เราช้ากันเองที่ออกจากที่พักช้าไปหน่อย 2. ก่อนจะถึงร้านเช่ารถที่ต้องขึ้นรถตู้ต่อไปท่าเรือเนี่ย มีขวบวนแห่มอเตอร์ไซค์เพื่อพ่ออะไรซักอย่างวันนั้นพอดี เพื่อนเราคนนึงที่ขี่รถมาถึงไม่ทันขบวนนั้นเลยต้องรอขบวนปล่อยออกตัวไปก่อนถึงจะมาได้ 3. เราลืมของไว้ใต้เบาะมอเตอร์ไซค์! ข้อนี้แหละพีค เราขึ้นรถตู้กันเรียบร้อยแล้วกำลังออกตัว เราก็นึกขึ้นมาได้ว่า ตั๋วเรือไปไหนวะ? ทีนี้ก็นึกขึ้นได้อีกว่าไม่ใช่แค่ตั๋วเรือแต่มันทั้งกระเป๋าเลยนี่หว่า! ลืมของอีกแล้ว รอบที่3ของทริปนี้แล้วด้วย เอ๋อสุดอะไรสุด ออนนีที่นั่งติดกับประตูรถก็เลยต้องวิ่งลงจากรถตู้ข้ามถนนไปที่ร้านเช่ารถเพื่อเอากระเป๋ากลับมา แข่งกับเวลามากๆ ยังดีที่พี่คนขับรถตู้ช่วยเหยียบรถเต็มที่พวกเราเลยไปถึงทันเวลาเรือออกพอดีค่ะ
-ข้อความเต็มอ่ะ ต่อในคอมเม้นนะคะ-
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่