เราคิดมาตลอดว่าน้ำเกลือมีไว้แค่ให้คนป่วย
มันเป็นภาพชินตา กับภาพของคนป่วยหน้าซีดในชุดโรงพยาบาลที่กางเกงชอบเปิดเห็นตูด และสายระโยงระยางที่เชื่อมระหว่างร่างกายของผู้ป่วยกับถุงใสๆที่ห้อยไว้เหนือราวเหล็กคู่ใจไปไหนไปกัน “ถุงน้ำเกลือ”
เอาเป็นว่าถ้าพูดถึงน้ำเกลือ เราก็คงจะคิดว่ามีแต่คนป่วยนอนโรงพยาบาลเท่านั้นแหละ ที่จะใช้มัน
แล้วเรื่องมันก็เริ่มขึ้นจากตอนที่แฟนเราเอาน้ำเกลือเช็ดหน้ามันตอนเป็นสิวเนี๊ยแหละ แล้วช่วงนั้นเราเป็นสิวพอดี ทำให้เราได้รู้จักกับมัน เจ้าเกลือน้ำมหัศจรรย์
และนี่คือน้ำเกลือที่แฟนเราซื้อมา ยี่ห้อ Klean&Kare ราคา 45 บาท จากร้านขายยาแถวมหาลัย
หลังจากที่แฟนซื้อมา เราอ่านข้างขวดนิดหน่อยถึงรายละเอียดต่างๆ ก็ค้นพบว่า อ่ออ นี่มันน้ำเกลือคนละประเภทกับที่เค้าให้คนป่วยกันนี่นา แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก อ่านเจอแค่ว่า “เป็นน้ำยาที่มีความสมดุลกับน้ำในเซลล์ร่างกาย จึงเป็นยาที่เหมาะสมกับใช้สวนล้าง ชะล้าง และทำความสะอาดทั่วไป” แปลง่ายๆว่ามันคงใช้ได้กับทุกส่วนของร่างกาย โอเค แค่นี้ถือเป็นอันใช้ได้ เช็ดหน้าคงไม่เป็นอะไร แต่ก็ยังสงสัยถึงรสชาตินิดหน่อยตามประสาคนขี้สงสัยแบบเรา เพราะเมื่อขึ้นชื่อว่น้ำเกลือมันก็ต้องเค็มปี๋แน่ๆ ข้างขวดไม่เขียนรสชาติไว้ด้วยสิ เลยจัดการชิมซะก่อนหนึ่งจิบ เอออ ไม่ได้เค็มแบบนั้นแฮะ รสชาติประมาณร้องไห้แล้วน้ำตาไหลเข้าปาก โอเค ใช้ได้
หลังจากนั้นเราก็ไปหาอ่านข้อมูลมา แต่คุณสมบัติที่เราอ่านเจอแล้วประทับใจที่สุด คือ น้ำเกลือสามารถใช้ล้างหน้าและเช็ดสิวได้ด้วย!! เห้ยยย ข้อนี้ดีว่ะ สิ่งที่แฟนทำมามันถูก แถมอันนี้ทำได้เลย ทีแรกก็กะจะว่าจะเทราดหน้าไปเลย แต่แฟนบอกว่ามันเปลือง เลยใช้วิธีการฉีดลงบนสำรีแล้วเช็ดแทน
เห้ยย ช่วงเวลาแห่งความสุขและการเป็นอิสระของรูขุมขนบนใบหน้ากลับมาอีกแล้ว! 5555 อันนี้เล่นใหญ่ไป แต่ส่วนตัวคิดว่ามันให้ผลที่ดีกว่าพวกโฟมล้างหน้าด้วยซ้ำ เพราะเมื่อเช็ดด้วยน้ำเกลือแล้วเช็ดออกแล้ว หน้าชุ่มชื่นไม่แห้งเหมือนเวลาที่ใช้โฟมล้างหน้าล้างทั่วไป แถมที่ข้างขวดยังเขียนไว้ด้วยอีกว่า สามารถใช้ได้กับเด็กแรกเกิด นั่นแปลว่ามันอ่อนโยนมาก เราจึงไม่ต้องกลัวแพ้เลย ไม่ว่าเราผิวแพ้ง่าย หน้าบอบบางหรือหน้าหนาด้านชาแค่ไหนก็ตาม
นอกจากนั้นเรายังอ่านเจอว่ามันสามารถใช้ล้างบาดแผลทั่วไปได้อีกด้วย เพราะเวลาเราออกไปแตะบอลเราจะพกมันออกไปด้วยทุกครั้งเวลาแตะบอลแล้วล้มเราก็ใช้น้ำเกลือเนี๊ยแหละเช็ดก่อนกลับไปอ้อนแฟนให้ทำแผลให้ แต่ทุกคนยังไม่ต้องวิ่งให้หกล้มสักทีเพื่อจะได้ทดสอบศักยภาพของน้ำเกลือนะ 5555
ตั้งแต่นั้นมาเราจึงพกเจ้าน้ำเกลือนี้ติดตัวตลอดเวลา แม้ว่าสิวจะหายไปนานแล้วก็ตาม แต่ก็ถือว่าพกไว้ใช้ล้างหน้า เช็ดหน้า แทนโฟมล้างหน้าไปเลย แล้วก็ยังมีใช้ล้างจมูกบ้างเวลาที่ภูมิแพ้กำเริบ
แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณสมบัติของน้ำเกลือมันจะหมดลงแค่นี้ คุณคิดผิดครับ เหตุเกิดเมื่อครั้งที่เราไปเข้าไปถ่ายหนักในห้องน้ำของห้าง ซึ่งธรรมดานั้นเราชอบที่จะเข้าห้องน้ำที่บ้านมากกว่าด้วยความสบายใจ หรือไม่ก็เลือกห้องน้ำที่มีสายฉีดตูด แต่ด้วยข้าศึกรุกหนักเหิมเกริมขึ้นทุกที เห็นทีต้องยอมพ่ายแพ้แต่โดยดี เราพยายามจะใช้ทิชชู่ที่มีในห้องน้ำเช็ดแบบเพียวๆ แต่ทำยังไง มันก็ยังรู้สึกค้างคา มันไม่โล่งว่ะ

ไม่ใช่! คิดถึงทิชชู่เปียกของพวกผู้หญิงขึ้นมาทีเดียว และแล้ว เราคิดถึงน้ำเกลือน้ำเกลือ! ในเมื่อมันสามารถใช้ล้างได้ทุกส่วน มันก็ต้องล้างตรงนี้ได้เหมือนกันเว้ย! เราจะไม่ขออธิบายในส่วนนี้ให้เห็นภาพ เพราะคิดว่าคงไม่มีใครอยากนึกตามแน่นอน แต่ใช่! ช่วงเวลาแห่งความสุขและอิสรภาพของรูทวารกลับมาอีกแล้ว เราไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้วไอ้ขี้!
ถึงน้ำเกลือของเราจะมีคุณสมบัติมากมายแต่การใช้ร่วมกันทั้งส่วนบนและล่างในขวดเดียวกันก็อาจจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ แต่ตอนนั้นมันก็เหตุสุดวิสัยจริงๆ ก็พอจะให้อภัยตัวเองได้
เราก็กลับกลายเป็นพกมันติดตัวไว้ตลอดแบบไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม ทั้งที่เราไม่ใช่คนสำอางและไม่เคยจะพกอะไรแบบนี้มาก่อนเลย แต่ด้วยความสามารถที่หลากหลายในขวดเดียวจึงเหมาะกับผู้ชายขี้เกียจอยากเราที่จะพกอะไรหลายอย่างๆ ก็พกเจ้าน้ำเกลือนี้ขวดเดียว ทำมันทุกอย่างเลย(ยกเว้นล้างส่วนล่างซึ่งขอละไว้สำหรับเหตุสุดวิสัยจริงๆเท่านั้นละกัน) โดยไม่ต้องกลัวถูกแซวว่าเป็นหนุ่มแบ๊วเลย เพราะด้วยรูปลักษณ์ที่เหมือนยาทางการแพทย์มากกว่าจะเป็นเครื่องสำอาง ซึ่งก็คงไม่มีใครแซวว่า เห้ย พกพารามากินด้วยหรอวะแน่นอน เผลอๆดีไม่ดีพกน้ำเกลืออาจจะถูกแซวน้อยกว่าพกโฟมล้างหน้าด้วยซ้ำไป
แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณสมบัติของน้ำเกลือหมดลงแค่นี้ คุณก็ยังคิดผิดอีกนั่นแหละ เพราะนั่นเป็นเพียงประสบการณ์ส่วนตัวของเราจากการใช้น้ำเกลือทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเองเท่านั้น แต่ด้วยคุณสมบัติที่สามารถใช้ได้กับทุกส่วนของร่างกายอย่างที่บอกไว้ตอนต้น มันจึงเหลือพื้นที่อีกมากสำหรับการครีเอทน้ำเกลือเพื่อชะล้างส่วนอื่นๆของร่างกายที่เราเองก็ยังไม่มีโอกาสได้ใช้ในตอนนี้ ส่วนวิธีการเก็บรักษามันมีเขียนไว้ที่หน้าขวด ขวดนึงควรใช้ให้หมดภายใน30วัน
เราว่า นอกจากน้ำมันเขียวน้ำมันเหลือง น้ำมันวิเศษที่คนไทยใช้มันทำสารพัดแล้ว ก็มีน้ำเกลือนี่แหละ เจ้าน้ำมหัศจรรย์ของจริง
..
[CR] Item ลับ สำหรับผู้ชาย พกไว้ ไม่ต้องกลัวแบ๊ว
มันเป็นภาพชินตา กับภาพของคนป่วยหน้าซีดในชุดโรงพยาบาลที่กางเกงชอบเปิดเห็นตูด และสายระโยงระยางที่เชื่อมระหว่างร่างกายของผู้ป่วยกับถุงใสๆที่ห้อยไว้เหนือราวเหล็กคู่ใจไปไหนไปกัน “ถุงน้ำเกลือ”
เอาเป็นว่าถ้าพูดถึงน้ำเกลือ เราก็คงจะคิดว่ามีแต่คนป่วยนอนโรงพยาบาลเท่านั้นแหละ ที่จะใช้มัน
แล้วเรื่องมันก็เริ่มขึ้นจากตอนที่แฟนเราเอาน้ำเกลือเช็ดหน้ามันตอนเป็นสิวเนี๊ยแหละ แล้วช่วงนั้นเราเป็นสิวพอดี ทำให้เราได้รู้จักกับมัน เจ้าเกลือน้ำมหัศจรรย์
และนี่คือน้ำเกลือที่แฟนเราซื้อมา ยี่ห้อ Klean&Kare ราคา 45 บาท จากร้านขายยาแถวมหาลัย
หลังจากที่แฟนซื้อมา เราอ่านข้างขวดนิดหน่อยถึงรายละเอียดต่างๆ ก็ค้นพบว่า อ่ออ นี่มันน้ำเกลือคนละประเภทกับที่เค้าให้คนป่วยกันนี่นา แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก อ่านเจอแค่ว่า “เป็นน้ำยาที่มีความสมดุลกับน้ำในเซลล์ร่างกาย จึงเป็นยาที่เหมาะสมกับใช้สวนล้าง ชะล้าง และทำความสะอาดทั่วไป” แปลง่ายๆว่ามันคงใช้ได้กับทุกส่วนของร่างกาย โอเค แค่นี้ถือเป็นอันใช้ได้ เช็ดหน้าคงไม่เป็นอะไร แต่ก็ยังสงสัยถึงรสชาตินิดหน่อยตามประสาคนขี้สงสัยแบบเรา เพราะเมื่อขึ้นชื่อว่น้ำเกลือมันก็ต้องเค็มปี๋แน่ๆ ข้างขวดไม่เขียนรสชาติไว้ด้วยสิ เลยจัดการชิมซะก่อนหนึ่งจิบ เอออ ไม่ได้เค็มแบบนั้นแฮะ รสชาติประมาณร้องไห้แล้วน้ำตาไหลเข้าปาก โอเค ใช้ได้
หลังจากนั้นเราก็ไปหาอ่านข้อมูลมา แต่คุณสมบัติที่เราอ่านเจอแล้วประทับใจที่สุด คือ น้ำเกลือสามารถใช้ล้างหน้าและเช็ดสิวได้ด้วย!! เห้ยยย ข้อนี้ดีว่ะ สิ่งที่แฟนทำมามันถูก แถมอันนี้ทำได้เลย ทีแรกก็กะจะว่าจะเทราดหน้าไปเลย แต่แฟนบอกว่ามันเปลือง เลยใช้วิธีการฉีดลงบนสำรีแล้วเช็ดแทน
เห้ยย ช่วงเวลาแห่งความสุขและการเป็นอิสระของรูขุมขนบนใบหน้ากลับมาอีกแล้ว! 5555 อันนี้เล่นใหญ่ไป แต่ส่วนตัวคิดว่ามันให้ผลที่ดีกว่าพวกโฟมล้างหน้าด้วยซ้ำ เพราะเมื่อเช็ดด้วยน้ำเกลือแล้วเช็ดออกแล้ว หน้าชุ่มชื่นไม่แห้งเหมือนเวลาที่ใช้โฟมล้างหน้าล้างทั่วไป แถมที่ข้างขวดยังเขียนไว้ด้วยอีกว่า สามารถใช้ได้กับเด็กแรกเกิด นั่นแปลว่ามันอ่อนโยนมาก เราจึงไม่ต้องกลัวแพ้เลย ไม่ว่าเราผิวแพ้ง่าย หน้าบอบบางหรือหน้าหนาด้านชาแค่ไหนก็ตาม
นอกจากนั้นเรายังอ่านเจอว่ามันสามารถใช้ล้างบาดแผลทั่วไปได้อีกด้วย เพราะเวลาเราออกไปแตะบอลเราจะพกมันออกไปด้วยทุกครั้งเวลาแตะบอลแล้วล้มเราก็ใช้น้ำเกลือเนี๊ยแหละเช็ดก่อนกลับไปอ้อนแฟนให้ทำแผลให้ แต่ทุกคนยังไม่ต้องวิ่งให้หกล้มสักทีเพื่อจะได้ทดสอบศักยภาพของน้ำเกลือนะ 5555
ตั้งแต่นั้นมาเราจึงพกเจ้าน้ำเกลือนี้ติดตัวตลอดเวลา แม้ว่าสิวจะหายไปนานแล้วก็ตาม แต่ก็ถือว่าพกไว้ใช้ล้างหน้า เช็ดหน้า แทนโฟมล้างหน้าไปเลย แล้วก็ยังมีใช้ล้างจมูกบ้างเวลาที่ภูมิแพ้กำเริบ
แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณสมบัติของน้ำเกลือมันจะหมดลงแค่นี้ คุณคิดผิดครับ เหตุเกิดเมื่อครั้งที่เราไปเข้าไปถ่ายหนักในห้องน้ำของห้าง ซึ่งธรรมดานั้นเราชอบที่จะเข้าห้องน้ำที่บ้านมากกว่าด้วยความสบายใจ หรือไม่ก็เลือกห้องน้ำที่มีสายฉีดตูด แต่ด้วยข้าศึกรุกหนักเหิมเกริมขึ้นทุกที เห็นทีต้องยอมพ่ายแพ้แต่โดยดี เราพยายามจะใช้ทิชชู่ที่มีในห้องน้ำเช็ดแบบเพียวๆ แต่ทำยังไง มันก็ยังรู้สึกค้างคา มันไม่โล่งว่ะ
ถึงน้ำเกลือของเราจะมีคุณสมบัติมากมายแต่การใช้ร่วมกันทั้งส่วนบนและล่างในขวดเดียวกันก็อาจจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ แต่ตอนนั้นมันก็เหตุสุดวิสัยจริงๆ ก็พอจะให้อภัยตัวเองได้
เราก็กลับกลายเป็นพกมันติดตัวไว้ตลอดแบบไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม ทั้งที่เราไม่ใช่คนสำอางและไม่เคยจะพกอะไรแบบนี้มาก่อนเลย แต่ด้วยความสามารถที่หลากหลายในขวดเดียวจึงเหมาะกับผู้ชายขี้เกียจอยากเราที่จะพกอะไรหลายอย่างๆ ก็พกเจ้าน้ำเกลือนี้ขวดเดียว ทำมันทุกอย่างเลย(ยกเว้นล้างส่วนล่างซึ่งขอละไว้สำหรับเหตุสุดวิสัยจริงๆเท่านั้นละกัน) โดยไม่ต้องกลัวถูกแซวว่าเป็นหนุ่มแบ๊วเลย เพราะด้วยรูปลักษณ์ที่เหมือนยาทางการแพทย์มากกว่าจะเป็นเครื่องสำอาง ซึ่งก็คงไม่มีใครแซวว่า เห้ย พกพารามากินด้วยหรอวะแน่นอน เผลอๆดีไม่ดีพกน้ำเกลืออาจจะถูกแซวน้อยกว่าพกโฟมล้างหน้าด้วยซ้ำไป
แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณสมบัติของน้ำเกลือหมดลงแค่นี้ คุณก็ยังคิดผิดอีกนั่นแหละ เพราะนั่นเป็นเพียงประสบการณ์ส่วนตัวของเราจากการใช้น้ำเกลือทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเองเท่านั้น แต่ด้วยคุณสมบัติที่สามารถใช้ได้กับทุกส่วนของร่างกายอย่างที่บอกไว้ตอนต้น มันจึงเหลือพื้นที่อีกมากสำหรับการครีเอทน้ำเกลือเพื่อชะล้างส่วนอื่นๆของร่างกายที่เราเองก็ยังไม่มีโอกาสได้ใช้ในตอนนี้ ส่วนวิธีการเก็บรักษามันมีเขียนไว้ที่หน้าขวด ขวดนึงควรใช้ให้หมดภายใน30วัน
เราว่า นอกจากน้ำมันเขียวน้ำมันเหลือง น้ำมันวิเศษที่คนไทยใช้มันทำสารพัดแล้ว ก็มีน้ำเกลือนี่แหละ เจ้าน้ำมหัศจรรย์ของจริง
..