มุมที่สอง ของอาชีพ ผู้ตรวจสอบบัญชี [CPA] ภาคต่อ ตอน Fantastic zeeed and where to find happiness


Cr. http://www.abante.com.ph/auditor.htm




สวัสดีครับ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณที่เพื่อนๆหลายคนมากๆที่ได้อ่านในกระทู้แรก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ซึ่งผมก็ได้พูดในแง่มุมหนึ่ง ดีๆของออดิท [External Auditor] ไปส่วนหนึ่งว่าในสายอาชีพนี้เราเจออะไร ทำอะไร แล้วเป็นอาชีพที่มีแง่ดีไม่น้อยเลยดีเดียว แล้วที่ทำผมซึ้งและประทับใจคือคอมเมนท์ที่เพื่อน ร่วมวิชาชีพ หลายท่านมาช่วยกันตอบ และ Inbox มาสอบถามมากจนไม่คิดว่าคนสนใจในวิชาชีพนี้เยอะเหมือนกันแฮะ ไม่ว่าจะเป็นน้องนิสิต, เพื่อนๆที่เริ่มทำงาน, เพื่อนๆออดิท หรือแม้แต่พี่ๆที่ทำงานมาสิบกว่าปีก็ตาม ขอบคุณจากใจครับ



แน่นอนว่ามีด้านดี ด้านไม่ดีมันก็ต้องมีเป็นธรรมดา และเพื่อไม่เป็นการขายฝันสำหรับใครหลายคน หึหึหึ กระทู้ที่นี้ผมอยากมาเล่าเกี่ยวกับ ด้านที่ออดิท อาจจะต้องพบเจอ คือผมไม่อยากใช้คำว่าด้านมืดอะครับ เพราะบางทีหลังจากผ่านความโหดร้ายของมันมาแล้วเนี่ย ผมรู้สึกว่าตัวเองได้ประสบการณ์มากเหลือเกิน จนบางทีอยากจะเรียกมันมากราบขอบคุณอีกรอบ ดังนั้นกระทู้นี้ผมขอพูดเกี่ยวกับ มุมที่ออดิท เราอาจจะต้องเจอ หรือแปลเป็นภาษาพจนานุกรมว่า




"ปัจจัยที่อาจกระทบกระเทือนทางอารมณ์ และ  วิธีรับมือในรูปแบบของผม" (หรือที่เคยเห็นๆมา)
แน่นอนมันสอดคล้องกับชื่อกระทู้นะ Fantastic ZEED and where to find happiness (คือไม่เกี่ยวกับหนังครับ แค่เพิ่งไปดูมา)



ขอเกริ่นอีกหน่อยนะ คือตอนแรกผมลังเลการเขียนมุม เกี่ยวกับด้านที่ไม่ค่อยโสภา เท่าไหร่หรอกครับ อาจจะไม่มันส์เท่าตอนแรกนะบอกก่อน แต่ผมเห็นเพื่อนหลายคน โดยเฉพาะน้องนิสิต ที่มีกระทู้เกี่ยวกับ วิชาชีพ ออดิทเนี่ยหายากเหลือเกิน จนบางทีน้องเหล่านั้นอาจได้ยินได้ฟังอะไรมา แล้วมาคิดเองเออเอง ปรุงแต่งเองจนบางทีอาจจะตัดสินใจผิดๆ ไม่ว่าจะเลือกคณะบ้างล่ะ ซิ่วเลยบ้างล่ะ หรือจะอะไรก็แล้วแต่ ผมขอให้มองกระทู้นี้เป็นสิ่งที่อยากจะบอก (ถือซะว่าเป็น Another information)หรือข้อมูลที่อยากจะเล่า มากกว่ามองว่าเอาด้านโซแบ้ดมาบ่นให้ฟัง นะครัชชช



เอาล่ะเรามาเริ่มกันเลยนะ เหล่านอนเมจ (ใครเก็ทมุกบ้าง อิอิ)



1. The Fantastic DEADLINE - ความรันจวญของกำหนดส่งงาน


พอพูดถึงเรื่องที่จะมาฮิต อารมณ์การทำงานให้ตื่นเต้น เครียด แล้วก็พลิลี้พลิลั่น แล้วเนี่ย Deadlineของการทำงานกับออดิท มักจะเป็นของคู่กันในเกือบจะทุกๆงานที่พวกเราเข้าตรวจ คำว่าDeadline ในงานตรวจสอบนี้เนี่ย ถ้าในภาพรวมมักจะเป็นวันที่ ทีมออดิท ไปตกลงกับลูกค้ารายนั้นๆว่า เดี๋ยววันที่เท่นี้นะครับ การตรวจจะเสร็จและงบการเงินก็ออกได้ นี่แหละครับคือ Deadline ของทั้งทีมว่า การตรวจของเราจะต้องเรียบร้อยภายในวันที่สัญญากับลูกค้าที่รัก



แต่พอมามองใน ออดิท ที่ออกตรวจลูกค้าแต่ละทีมแล้ว ซึ่งใน 1 ทีมผมขอแบ่งง่ายๆ เป็น ออดิทที่ทำหน้าที่ ตรวจรายละเอียด / ออดิทที่เป็นเมเนเจอร์ควบคุมงานตรวจสอบลูกค้ารายนั้นๆ และ ออดิทที่เป็นพาทเนอร์หรือคนเซ็น (คนรับผิดชอบงานตรวจสอบหลัก)  ซึ่งผมมองว่า Deadline ในช่วงของการเป็นออดิทระยะแรกเริ่มนี้ (ประมาณ 3 ปีแรก) เป็นช่วงที่มีความกดดันและหนักมากที่สุด อาจเป็นเพราะปัจจัยต่างๆไม่ว่าจะเป็น ช่วงเวลาที่เราก้าวจากนิสิตเป็นคนทำงาน, ความไม่คุ้นชิ้นในการทำงานในตำแหน่งที่ถูกคาดหวังเรื่องความรู้ความสามารถสูงงงง หรือความที่ยังไม่เข้าใจว่างานที่เราทำไปให้อะไรกลับมา แน่นอนครับว่าการตรวจสอบของน้องๆออดิทที่เพิ่งเข้าสู่ วงการนี้จะถูกรีวิว/ ตรวจทาน/ ฟันธง หรือเชือดโดย เมเนเจอร์เป็นหลัก (โดยปกติออดิทประมาณ 5 ปีจะได้รับการโปรโมทเป็นเมเนเจอร์ครับ)



ทำไมถึงต้องเป็นออดิทเอ๊าะๆที่รับบทหนัก กับDeadline ที่ว่านี้ก็เพราะบางที เหล่าเมเนเจอร์ทั้งหลาย ที่รับผิดชอบหน้าที่การตรวจทาน ก่อนจะส่งให้พาทเนอร์ ตรวจซ้ำอีกรอบ ต้องการู้รายละเอียดให้ได้มากถึงมากที่สุด ขึ้นอยู่กับ ดุลยพินิจและความเยอะ ของแต่ละคน (ตามปกติ วิธีการตรวจสอบจะอิงกับดุลยพินิจเป็นหลัก) ดังนั้นบทหนักจึงส่งผลมายังน้องๆออดิททั้งหลายที่จะต้อง ขวนขวาย หาข้อมูลมาเป็นหลักฐาน มาเป็นสิ่งที่ทำให้เมเนเจอร์เหล่านั้น เข้าใจ และชื่นใจ กับการตรวจสอบ อย่างที่เราทราบกันว่า ออดิทไม่มีเวลาการทำงานที่เข้า 8 โมงเลิก 6 โมงเหมือนงานทั่วๆไป นาฬิกาของเราคือความรับผิดชอบที่งานต้องเสร็จ ดังนั้นแล้ว ถ้าเมเนเจอร์ต้องการรีวิวงานคุณวันไหนล่ะก็ ทางเลือกเดียวที่มีคือ...ต้องเสร็จ โดยเมเนเจอร์เหล่านั้นจะนัดวันที่จะทำการ ตรวจทานงานที่เด็กๆได้ทำได้ปฏิบัติ อย่างไรก้ตาม Deadline จะยิ่งเซอร์ไพรซ์มากขึ้น ถ้าเมเนเจอร์ได้ปฏิบัติการเข้ามาตรวจทาน โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ในจ้อบนั้นๆ OMG




จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม ออดิทที่ฝังตามออฟฟิตทั้งหลาย จึงทำงานถึง ห้าทุ่ม เที่ยงคืน ตีสอง หรือตีห้า (เท่าที่เคยดึกสุดนะครับ) ก็เพราะงานตรวจสอบนั้นๆต้องตอบรับการ Deadline ที่เราต้องตกลงไว้กับลูกค้า และมันก็พัวพันถึงทุกระดับบของออดิทที่ทำการตรวจสอบ ให้ต้องรีบเร่งทำให้เสร็จ อย่างไรก็มันจะยิ่งเครียดขึ้นไปถ้าปรากฏว่า ใกล้วัน ส่งงาน แล้วแต่งานยังไม่มีทีท่าว่าจะเสร็จ ความกดดันจะทะลักเข้ามาหาคุณเลยล่ะครับ มันคงไม่ค่อยมีช้อยท์ให้เลือกมานักนอกจาก สวดมนต์และทำให้เสร็จต่อไป




2. เพื่อนร่วมทีม




ดังที่บอกครับว่าทุกครั้งที่ออดิททำการ ออกตรวจในออฟฟิตของลูกค้าต่างๆ จะไปกันเป็นทีมๆ ซึ่งใน 1 ทีมจะประกอบด้วย เมเนเจอร์  (จะมาโผล่ที่ออฟฟิตลูกค้าแค่วันที่ทำการตรวจทานครับ) และออดิทผู้ช่วย (Associate Auditor) ที่ทำการตรวจสอบในรายละเอียดนั่นเอง ผมว่าเราทุกคนคงผ่านประสนการณืทั้ง มปลาย มหาลัยหรือบางคน ทำThesis ปโทมาแล้วว่า ต่อให้งานหนักเพียงใด นั่งทำๆไปมันก็สำเร็จ แต่ถ้างานมันหนักเพราะเกิดจาก คนในทีมทำให้หนักใจ มันเหนื่อยยิ่งกว่ามากกกก ซึ่งออดิทเป็นอาชีพที่ผมเชื่อว่าจำเป้นต้อง ปฏิสัมพันธ์ มากเหลือเกิน ไม่ว่าคุณต้องติดต่อกับลูกค้าที่ต้องใช้พลังกาย พลังใจ พลังจิต(บางที) ในการได้มาเกี่ยวกับเอกสารการตรวจสอบ (คือลูกค้าก็คิดว่าเราจะมาจับผิดเค้าอยู่แล้ว การได้มาซึ่งเอกสารบางทีมันเหนื่อยเหลือเกิน) หรือเป็นการสื่อสารกันระหว่างเพื่อนร่วมทีม



คุณจะได้เจอคนที่มีเอกลักษณ์การทำงานแตกต่างกัน มากมาย (ก็เพราะออดิทต้องเปลี่ยนทีมแทบจะทุกๆเดือนนิครับ) เช่น ชอบทำงานให้เสร็จไวๆเพื่อที่จะได้กลับบ้านพักผ่อน / ชอบเริ่มงานเที่ยงตรงและเลิกงานเที่ยงคืน/ ชอบชิวช่วงแรกและเร่งตาแหกช่วงท้าย/ ชอบทำเป็นไม่รู้ทั้งๆที่รู้ดีว่าจะทำอย่างไร เป็นต้น คุณลองนึกละกันว่าการที่คนหลายๆประเภทมาทำงานกลุ่มเดียวกัน โดยคุณต้องเปลี่ยนกลุ่มทุกๆเดือน มันก็ต้องสร้างความกลุ้มใจไม่มากก็น้อยบ้างล่ะ สมมตินะว่า คุณเป็นน้องเด็กสุดในทีม มาถึงที่ทำงานประมาณ 8.30น ของทุกวันเพื่อที่ตัวเองจะปรารถนาว่าฉันจะรีบทำงานเร็วเลิกเร็วเพื่อจะไปวิ่งที่สวนสาธารณะใกล้บ้านตอนเย็น  ส่วนพี่ออดิทที่โตสุดในทีมมาถึง 11น ของทุกวัน เพราะยืนบนทัศนะคติที่ว่า ฉันชอบทำงานสายและเลิกดึก มากกว่าทำงานเช้าเลิกเร็ว เอาล่ะสิ พอถึงช่วงประมาณ 6โมงเย็น (ผมเรียกมันว่าช่วงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก) ถ้าคุณเป็นน้องเด็กสุด คุณจะกล้าพูดหรอครับว่า "พี่ๆ ผมกลับก่อนนะ จะไปวิ่งอะ" ทั้งๆที่ทั้งทีมกำลังพิมพ์งานกันอยู่! หรือคุณเป็นพี่ออดิทที่โตสุด คุณจะคิดยังไงล่ะครับ ถ้าเด็กคนนั้นขอตัวกลับเร็วทุกวัน ทั้งๆที่คุณกลับเที่ยงคืน อ้าวววววว หลายคนก็อาจบอกว่า เออก็ปกตินิ อ้าว ก็ธรรมดานิ แต่ในความจริง มันเหมือนมีแรงกดดันที่ในทีมนั้นๆแบกรับอยู่ ผมว่าหลายคนคงเคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาดี แต่ออดิทต้องเจอทุกวัน




เดี๋ยวมาต่อนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่