( กระทู้นี้มีเพื่อสรุปข้อมูลการเดินทางไป ย็อกยากาตาร์ - โบรโม่ - คาวาอี้เจี้ยน - บาหลี เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยที่อ่านอะไรยาว ๆ ได้)
_____________________________________________________________________________________________
ผมใช้เวลาฉายเดี่ยวในทริปนี้รวมแล้ว 11 วัน โดยเส้นทางนั้นเริ่มต้นจาก กรุงเทพฯ - กัวลาลัมเปอร์ - ย็อกยากาตาร์ - โบรโม่
- อี้เจี้ยน - บาหลี มีความสัมพันธ์เกิดขึ้นมากมายหลากหลายรูปแบบ กระทู้นี้เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูลการเดินทาง เผื่อบางส่วน
จะเป็นประโยชน์แก่ใคร ที่กำลังมีแผนเดินทางไปอินโดนิเซียบ้างไม่มากก็น้อย เอาล่ะ ไม่ฟังอีร้าค่าอีลม ผมขอเริ่มต้นพาทุกท่าน
ไปเที่ยวด้วยกันที่ เมืองแรก
"ย็อกยา" (Yogyakarta)
Day 1 - Day 2 : ย่อหน้าแรกของความสัมพันธ์ และใจความสำคัญกับสองวันใน "ย็อกยา"
l แผนการเดินทาง l
มีเวลาแค่ 2 วัน 1 คืน ก็สามารถเที่ยวสถานที่สำคัญในเมืองนี้ที่นิยมกันเอิกเริกได้ ( แต่ระยะเวลาที่เหมาะและควร ซึ่งดีต่อใจ
สะดวกสบายต่อกายควรเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน) เริ่มจากควรพักในย่านนักท่องเที่ยว คือ ถนนมาลิโอโบโร่ (Malioboro) ซึ่งเป็นย่าน
การค้า ใกล้กับตลาดกลางคืนและบาร์เพียงหนึ่งเดียวของเมืองนี้ สำหรับถนนมาริโอ้นี้ อยู่ห่างจากสนามบินไม่ไกลมาก สามารถนั่งรถ
ประจำทางได้แต่ต้องนั่งสองต่อและใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง หากใช้บริการเคาท์เตอร์แท็กซี่ในสนามบิน ราคาเริ่มต้นที่ 100,000 รูเปีย
( 270 บาท) จนแตะเพดานแพงสุดที่แสนปลาย จากการเดินวนสอบถามจนหอบแ_ก ไม่มีเจ้าไหนให้ราคาต่ำกว่านี้
คำแนะนำ(1) : เดินฝ่าฝูงชนแท็กซี่มหานครออกไปทางขวามือ ทางไปขึ้นรสบัส ราวสี่สิบก้าวเราจะพบจุดจอดแท็กซี่
ที่มองดูคล้ายนิคมอุตสาหกรรมคนขับมารวมตัวกัน มีทั้งนั่งหลับ ทั้งเล่นหมากรุก ทั้งนั่งนินทาชาวบ้าน เขาจะตะโกนถามคุณเป็นพิธีว่า
"เห้ย ยูจะไปไหน แท็กซี่ไหม?" ...ดังนั้นไม่ต้องเหนียมอายอะไรคุยกับพวกเขาให้ได้ราคา 70,000 รูเปีย(150 บาท) แล้วกระโดดขึ้น
แท็กซี่ไปซะ จะสะดวกและทุ่นแรงของท่านไปได้เยอะ
คำแนะนำ(2) : หากไม่อยากจ่ายค่าแท็กซี่คนเดียว ควรสอดส่ายสายตามองหากลุ่มคน หรือบุคคลที่น่าสนใจไว้ แล้ว
ระหว่างอยู่ในแถวที่เหยียดยาวในการตรวจเอกสารเข้าเมือง ควรใช้ใบหน้าและภาษากะลิ้มกะเหลี่ยแบบไทย เซย์ไฮ หรือยกมือไหว้
ทักทาย แล้วให้ถามเป้าหมายหรือกลุ่มเป้าหมายไปตรง ๆ เลยว่า "แชร์ค่าแท็กซี่กันไหมจ๊ะ?" (เพราะถ้าไม่ใช่คนอินโดฯ นักท่องเที่ยว
ส่วนใหญ่แทบจะมีปลายทางเป็นย่าน มาลิโอโบโร่ ด้วยกันทั้งนั้น ) สำหรับผม ได้เพื่อนร่วมทางเรียบร้อย คือ นางสาว เซระ จากญี่ปุ่น
ซึ่งเธอได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความตาลปัตรมหาศาลบานตะไท ในทริปนี้ของกระผม !
l ที่พัก l
หากไปคนเดียวและมีความต้องการของถูกแต่ดี ขอบอกว่า "เห้ย ! มันมีจริง" แนะนำให้ตั้งหลักเดินไปที่ The packer lodge
Hostel สนนราคา เตียงละ 100,000 รูเปีย (270 บาท) เอาเข้าจริงสำหรับราคานี้แอบแพง แต่ ชั้ดช่า ! ที่พักและห้องน้ำ โค ตะ ระ
สะอาด เซฟมีคีย์การ์ด เป็นสัดส่วน ราคารวมผ้าเช็ดตัว บรรยากาศเงียบสงบไม่จอแจ ไวไฟ ในระดับโหลดนังโป๊ได้หลายจิ๊กกะไบต์
ในคืนเดียว (นี่ไม่ได้ทำนะ) ที่สำคัญพนักงานน่ารัก น่ารักมาก ๆ และค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ต่อวันอยูที่ 80,000 รูเปีย (180 บาท) *พร้อม
น้ำมันปริ่มจะล้นถัง ไม่ต้องเติมเพิ่มให้ถ้าใช้ไหม่หมดไม่แยแส แต่สำหรับใครที่มาเป็นคณะมากกว่า 2 คนขึ้นไป ผายมือไปที่โรงแรม
จะดีกว่า เพราะน่าจะเป้นส่วนตัวและเฉลี่ยกันต่อหัวแล้วคงถูกกว่า

(ภาพจาก : The Packer lodge hostel)
คำแนะนำ : หากมีเวลาแค่ 1 คืน 2 วันควรเริ่มเช่ามอเตอร์ไซค์ไว้ตั้งแต่บ่ายแก่ ๆ ของวันแรกที่เดินทางไปถึง
เพื่อจะได้มีเวลาทำความคุ้นเคยกับการจราจรบนถนนของย็อกยา และไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปไหนนาน ๆ ที่สำคัญวันรุ่งขึ้นสามารถ
บิดไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ บุโรพุทธโธ (Borobudu) ได้ตั้งแต่ไก่โห่
l สถานที่น่าสนใจ l
บูกิต บินทัง (Bukit bintang) - หากหวังอยากให้สาวซักคนของคุณรู้สึกโรแมนติก ควรพาหล่อนไปดินเนอร์ชมพระอาทิตย์ตก
หรือนั่งดูดาวกันตอนหัวค่ำที่ บูกิต บินทัง ซึ่งเป็นแหล่งรวมร้านอาหารพื้นบ้านบนยอดเขา พรั่งพร้อมด้วยจุดชมวิวและป้ายไฟ ที่น่าสนใจ
คือบรรยากาศสงบ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวพุกพล่าน แต่ว่าชาวบ้านอินโดพรึ่บพรั่บ ที่นี่มีเมนูอาหารยอดนิยมคือ "มาม่า" (ชื่อยี่ห้อในภาษา
อินโด "หมี่ป๊อบ" ผมไม่รู้นึกว่าอาหารพื้นบ้านสั่งมาทานโมโห น่าเขกกะโหลกทั้งรสชาติและราคา) สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองมาราว
14 กม. เท่านั้น ขี่มอเตอร์ไซค์หยอกล้อกระหนุงกระหนิงกับสาวเจ้าในดวงใจ หรือเพื่อนสุดเปิ่นของคุณไม่นานเดี๋ยวเดียวก็มาถึง
ตลาดกลางคืน - เสร็จจากการอิ่มทั้งกายและใจกันที่ บูกิต บินทัง แล้วไม่มีอะไรจะวิเศษไปกว่า การจอดรถแล้วพาตัวเอง
ไปเดินเหงาเท่ ๆ ย่านมาลิโอโบโล่ ซึ่งอยู่ใกล้ที่พักของคุณ เดินมันเข้าไปเดินให้ส้นเท้าแตกแล้วถ้าเหนื่อยนักจงไปนั่งจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ
ที่ ลูซิเฟอร์ บาร์ (Lucifer) ถ้าไม่เข้าใจว่าทำไมต้องร้านนี้ จะบอกให้ เพราะว่าที่นี่เป็นบาร์แห่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ของ ย็อกยา มีดนตรีสด
แกล้มกับสาว ๆ อินโดหน้าแชล่มให้ชม บรรยากาศไม่ขี้เหล่เลย ดนตรีสนุก นั่ง ลุก เดินสบายแต่ร้านจะวายตอน ห้าทุ่ม (เร็วชิ่บ)
บุโรพุทโธ (Borobudu) - ค่าเข้าชม 210,000 รูเปีย (ใกล้ ๆ 600 บาท) ไม่ต้องมีคำบรรยาย แต่จะบอกว่าถ้าหากบึ่งจาก
ที่พักตั้งแต่หัวรุ่ง เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้น อย่าได้ทะลึ่งหลงไปจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น ที่เป็นซอยข้าง ๆ บุโรพุทโธ อย่าฟอลโล่วป้าย หรือ
ไปขี่รถตามคำแนะนำของพวกมอเตอร์ไซต์ท้องถิ่น / ไกด์อาสา เพราะเจ้าพวกนี้จะพาเราไปที่ "ดอยประดิษฐ์" แล้วทำให้เราเชื่อว่าจะได้
เห็นวิวของพระอาทิตย์กลมโตขึ้นเคียงคู่ บุโรพุทโธอย่างสวยงาม แต่เปล่าเลย คุณจะมองเห็นอยู่ห่างออกไปไกลลิบลับ(ซึ่งก็ไม่ได้แย่เกิน
ไปนัก) สำหรับใครที่พอมีกำลังทรัพย์ แนะนำให้ซื้อทัวร์ชมพระอาทิตย์ขึ้น กับโรงแรม มโนราห์ ด้านหน้าทางเข้า สนนราคาก็แค่ 380,000
รูเปีย ต่อหัว ( แพง! ตั้งเกือบพัน ค่าขึ้นไปชมวิวดอยประดิษฐ์ แค่ 30,000 เอง เออ คิดไปคิดมาก็ดีแล้วที่หลงไปเจอดอยก่อน --)
Candi Plaosan Lor KabuPaten Klaten - โดยส่วนตัวไม่ได้สนใจอยากไปไหนใน ย็อกยาเลย นอกจากบุโรพุทโธ แต่เนื่อง
ด้วยมีสาวญี่ปุ่นตัวขาว ๆ ซ้อนท้ายไปด้วย แม่อยากไปปรัมบานันนัก อยากนักอยากหนาเลยกะว่าจะพาไปชะโงกทัวร์ แต่ปรากฏว่า "หลง"
ตายโหง แต่การหลงทางคราวนี้โชคดีที่ไปโผล่ Candi Plaosan Lor KabuPaten Klaten ที่นี่จะอยู่ทิศเดียวแต่คนละทางกับ ปรัมบานัน
เอาเป็นว่าถ้าตั้งใจไป และมีเวลาน้อยไม่อยากเสียค่าเข้าแพงมาก นักท่องเที่ยวไม่วุ่นวาย ที่นี่ก็สวยไม่แพ้กัน
คำแนะนำ : หากอยากจ่ายค่าเข้าชมของโบราณสถานแบบ ครึ่งราคา แนะนำให้พกบัตรนักศึกษาไปด้วย ถ้าหากอายุ
เกินหรือด้วยเหตุผลใดก็ตามที่ไม่สามารถมีบัตรนักศึกษาได้ แนะนำให้ไป "ถนนข้าวสาร" ก่อนการเดินทางออกนอกประเทศ แล้วคุณ
จะพบว่า ความคุ้มค่า ที่ใกล้วตัว มีอยู่จริง
l สถานที่ไม่น่าให้อภัย l
ทะเลทราย Gumuk Pasir - เห้ย คุณรู้ไหมว่านอกจาก มุยเน่ แล้ว ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใกล้บ้านเรามีทะเลทราย
สีขาวอีกที่ นั่นคือ Gumuk Pasir ซึ่งเป็นทะเลทรายใกล้กับทะเล ไอ้กระผมดูรีวิวฝรั่ง เห็นว่ามันน่าไป ไม่มีใครในพันทิพย์เคยไปถึง ด้วย
ความอยากเป็นที่หนึ่ง หรือคิดว่าตนจะเท่หรืออย่างไรไม่อาจทราบได้ บึ่งมอเตอร์ไซค์เป็นชั่วโมงจ้า เพื่อไปไอ้ทะเลทรายบ้านี่ สรุป ! ไอ้นี่
มันเป็นทะเลทรายจัดตั้ง เหมือนรถสิบล้อขนทรายยี่สิบคันมาคว่ำอิตรงนี้ แล้วก็เกิดเป็น ตู้มมมมมมมมม ทะเลทรายแห่งใหม่ในอินโดนิเซีย
ซึ่งไม่น่าจะมีใครหลงมาเที่ยว แต่บ้าไปแล้วเพราะไอ้หมอนี่ พาคนที่เพิ่งรู้จักบุกไปเลยจ้า เอาเป็นว่าถ้าชอบเล่น สโนว์บอร์ด หรือขี่รถ ATV
มาที่นี่ ก็ถัว ๆ กันไปได้ แต่เป็นสถานที่ที่ ไม่แนะนำอย่างมาก
art space / Batik School / Gallery - ใดใดก็ตามแต่ที่จะทำให้คุณคาดหวัง ว่าจะได้ชื่ชมศิลปะพื้นบ้าน งานผ้าบาติกแบบ
ปลอดโปร่งโล่งใจ รวมทั้งนิทรรศการศิลปะต่าง ๆ นานา โปรดรู้ไว้ว่า "อย่าเหยียบเข้าไปเด็ดขาด" ไอ้บ้า มันบ้ามาก ๆ ที่ต้องโดนหลอกถึง
สองครั้งสองครา ความน่าสนใจของสถานที่พวกนี้คือ นกต่อ จะมีนกต่อคอยดักรอคุณทุกซอยตามถนน มาลิโอโบโล่ ทำตัวประหนึ่งหวังดี
ต่อนักท่องเที่ยว และยืนใกล้ ๆ กับรถม้าหรือสามล้อถีบ โดยจะช่วยเราต่อรองราคาต่าง ๆ นานา แล้วจะบอกเราว่า "เออ วันนี้มีนิทรรศการ
ศิลปะบาติก วันสุดท้าย คุณควรไปชมนะ ไม่งั้นเสียดายแย่" แบบนี้เลย รูปแบบคำราวกับเรียนจบมาจากสถาบันเดียวกัน ครั้งแรกผมนี่แบบ
ตื่นเต้น เอาเว้ยเรานี่ช่างโชคดี รีบบึ่งไปด้วยความไวไปถึงที่ที่ไอ้หมอนั่นบอกว่าเป็น นิทรรศการผ้าบาติก มันกลายเป็นร้านขายบาติกก็อปปี้
สไตล์ แบบที่มีขึงไว้หยาบ ๆ แหวนไว้เป็นหย่อม ๆ บ้าง พอย่างเท้าเข้าไปคุณจะเจอกับมัคคุเทศน์ แสนดีคอยป้อนน้ำ ป้อนขนมแนะนำคุณ
โอ้โลมคุณ ทำทีประหนึ่งว่า "โอ้ววว คุณคือผู้เยี่ยมชมรายสุดท้ายของนิทรรศการเรา น่ายินดียิ่ง" แล้วเจ้าหมอนี่จะพยายามแนะนำให้คุณ
ซื้อผลงาน ผมลองถามราคาชิ้นหนึ่ง (ซึ่งไม่ได้สนใจหรอก) เปิดราคามิตรภาพสำหรับ last guest ที่ 900,000 รูเปีย ! สองพันกว่า แม่เจ้า
ดีต่อใจ ให้ความซาบซึ้งในผลงานของผู้รังสรรค์เหลือเกิน สุดท้ายคุณต้องพยายามใช้วิชา แถ ให้หลุดพ้นจากร้านพวกนี้ให้ได้ และขอ
เตือนว่า อย่าได้หลเชื่อถ้าใครบางคนไม่รู้จักในเมืองนี้บอกว่า "เห้ย ตรงนู้นมีนิทรรศการศิลปะ วันนี้วันสุดท้าย"
คำแนะนำ : บางทีโลนลี่ แพลนเน็ต หรือ รีวิว ในพันทิป ก็ได้แนะนำสถานที่ดีงามของเมืองนั้น ๆ ไว้อยู่แล้ว ไม่ต้องมี
ความอยากรู้อยากเห็นมากก็ได้
l อาหาร l
ไม่มีเมนูไหนแนะนำเป็นพิเศษ รสชาติของอาหารที่นี่น่าสนจสำหรับคนไทย ที่ชอบอาหารไทยแต่ไม่ชอบอะไรเผ็ดมากนัก สำหรับ
อาหารนั้น มีร้านแนะนำซึ่งเป็นร้านที่ "ห้ามพลาด" ด้วยประการทั้งปวง Ramintan เป็นร้านอาหารชั้นบนสุดของห้างขายผ้า(ซึ่งจำชื่อไม่ได้
แหะ ๆ) ทุกเมนูขอที่นี่ อร่อยโฮกฮากมากมาย แล้วที่สำคัญมีการให้โอกาสพนักงานที่เป็นสาวประเภทสองผู้ชนะการประกวดของร้าน ทำ
หน้าที่รับแขกและแนะนำรายการอาหาร สร้างความประทับใจได้มากทีเดียว ส่วนอีกหนึ่งคำแนะนำคือ ควรลองทานอาหารด้วยมือ แบบ
ชาวชวานีส ซักมื้อเพราะมันจะได้บรรยากาศแบบสุด ๆ ทีเดียวเชียว
[CR] I'm donesia : หวุดหวิดจะได้เมีย และข้อมูลการเดินทาง ย็อกยากาตาร์ l โบรโม่ l คาวาอี้เจี้ยน l บาหลี
_____________________________________________________________________________________________
ผมใช้เวลาฉายเดี่ยวในทริปนี้รวมแล้ว 11 วัน โดยเส้นทางนั้นเริ่มต้นจาก กรุงเทพฯ - กัวลาลัมเปอร์ - ย็อกยากาตาร์ - โบรโม่
- อี้เจี้ยน - บาหลี มีความสัมพันธ์เกิดขึ้นมากมายหลากหลายรูปแบบ กระทู้นี้เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูลการเดินทาง เผื่อบางส่วน
จะเป็นประโยชน์แก่ใคร ที่กำลังมีแผนเดินทางไปอินโดนิเซียบ้างไม่มากก็น้อย เอาล่ะ ไม่ฟังอีร้าค่าอีลม ผมขอเริ่มต้นพาทุกท่าน
ไปเที่ยวด้วยกันที่ เมืองแรก "ย็อกยา" (Yogyakarta)
Day 1 - Day 2 : ย่อหน้าแรกของความสัมพันธ์ และใจความสำคัญกับสองวันใน "ย็อกยา"
l แผนการเดินทาง l
มีเวลาแค่ 2 วัน 1 คืน ก็สามารถเที่ยวสถานที่สำคัญในเมืองนี้ที่นิยมกันเอิกเริกได้ ( แต่ระยะเวลาที่เหมาะและควร ซึ่งดีต่อใจ
สะดวกสบายต่อกายควรเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน) เริ่มจากควรพักในย่านนักท่องเที่ยว คือ ถนนมาลิโอโบโร่ (Malioboro) ซึ่งเป็นย่าน
การค้า ใกล้กับตลาดกลางคืนและบาร์เพียงหนึ่งเดียวของเมืองนี้ สำหรับถนนมาริโอ้นี้ อยู่ห่างจากสนามบินไม่ไกลมาก สามารถนั่งรถ
ประจำทางได้แต่ต้องนั่งสองต่อและใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง หากใช้บริการเคาท์เตอร์แท็กซี่ในสนามบิน ราคาเริ่มต้นที่ 100,000 รูเปีย
( 270 บาท) จนแตะเพดานแพงสุดที่แสนปลาย จากการเดินวนสอบถามจนหอบแ_ก ไม่มีเจ้าไหนให้ราคาต่ำกว่านี้
คำแนะนำ(1) : เดินฝ่าฝูงชนแท็กซี่มหานครออกไปทางขวามือ ทางไปขึ้นรสบัส ราวสี่สิบก้าวเราจะพบจุดจอดแท็กซี่
ที่มองดูคล้ายนิคมอุตสาหกรรมคนขับมารวมตัวกัน มีทั้งนั่งหลับ ทั้งเล่นหมากรุก ทั้งนั่งนินทาชาวบ้าน เขาจะตะโกนถามคุณเป็นพิธีว่า
"เห้ย ยูจะไปไหน แท็กซี่ไหม?" ...ดังนั้นไม่ต้องเหนียมอายอะไรคุยกับพวกเขาให้ได้ราคา 70,000 รูเปีย(150 บาท) แล้วกระโดดขึ้น
แท็กซี่ไปซะ จะสะดวกและทุ่นแรงของท่านไปได้เยอะ
คำแนะนำ(2) : หากไม่อยากจ่ายค่าแท็กซี่คนเดียว ควรสอดส่ายสายตามองหากลุ่มคน หรือบุคคลที่น่าสนใจไว้ แล้ว
ระหว่างอยู่ในแถวที่เหยียดยาวในการตรวจเอกสารเข้าเมือง ควรใช้ใบหน้าและภาษากะลิ้มกะเหลี่ยแบบไทย เซย์ไฮ หรือยกมือไหว้
ทักทาย แล้วให้ถามเป้าหมายหรือกลุ่มเป้าหมายไปตรง ๆ เลยว่า "แชร์ค่าแท็กซี่กันไหมจ๊ะ?" (เพราะถ้าไม่ใช่คนอินโดฯ นักท่องเที่ยว
ส่วนใหญ่แทบจะมีปลายทางเป็นย่าน มาลิโอโบโร่ ด้วยกันทั้งนั้น ) สำหรับผม ได้เพื่อนร่วมทางเรียบร้อย คือ นางสาว เซระ จากญี่ปุ่น
ซึ่งเธอได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความตาลปัตรมหาศาลบานตะไท ในทริปนี้ของกระผม !
l ที่พัก l
หากไปคนเดียวและมีความต้องการของถูกแต่ดี ขอบอกว่า "เห้ย ! มันมีจริง" แนะนำให้ตั้งหลักเดินไปที่ The packer lodge
Hostel สนนราคา เตียงละ 100,000 รูเปีย (270 บาท) เอาเข้าจริงสำหรับราคานี้แอบแพง แต่ ชั้ดช่า ! ที่พักและห้องน้ำ โค ตะ ระ
สะอาด เซฟมีคีย์การ์ด เป็นสัดส่วน ราคารวมผ้าเช็ดตัว บรรยากาศเงียบสงบไม่จอแจ ไวไฟ ในระดับโหลดนังโป๊ได้หลายจิ๊กกะไบต์
ในคืนเดียว (นี่ไม่ได้ทำนะ) ที่สำคัญพนักงานน่ารัก น่ารักมาก ๆ และค่าเช่ามอเตอร์ไซค์ต่อวันอยูที่ 80,000 รูเปีย (180 บาท) *พร้อม
น้ำมันปริ่มจะล้นถัง ไม่ต้องเติมเพิ่มให้ถ้าใช้ไหม่หมดไม่แยแส แต่สำหรับใครที่มาเป็นคณะมากกว่า 2 คนขึ้นไป ผายมือไปที่โรงแรม
จะดีกว่า เพราะน่าจะเป้นส่วนตัวและเฉลี่ยกันต่อหัวแล้วคงถูกกว่า
(ภาพจาก : The Packer lodge hostel)
คำแนะนำ : หากมีเวลาแค่ 1 คืน 2 วันควรเริ่มเช่ามอเตอร์ไซค์ไว้ตั้งแต่บ่ายแก่ ๆ ของวันแรกที่เดินทางไปถึง
เพื่อจะได้มีเวลาทำความคุ้นเคยกับการจราจรบนถนนของย็อกยา และไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปไหนนาน ๆ ที่สำคัญวันรุ่งขึ้นสามารถ
บิดไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ บุโรพุทธโธ (Borobudu) ได้ตั้งแต่ไก่โห่
l สถานที่น่าสนใจ l
บูกิต บินทัง (Bukit bintang) - หากหวังอยากให้สาวซักคนของคุณรู้สึกโรแมนติก ควรพาหล่อนไปดินเนอร์ชมพระอาทิตย์ตก
หรือนั่งดูดาวกันตอนหัวค่ำที่ บูกิต บินทัง ซึ่งเป็นแหล่งรวมร้านอาหารพื้นบ้านบนยอดเขา พรั่งพร้อมด้วยจุดชมวิวและป้ายไฟ ที่น่าสนใจ
คือบรรยากาศสงบ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวพุกพล่าน แต่ว่าชาวบ้านอินโดพรึ่บพรั่บ ที่นี่มีเมนูอาหารยอดนิยมคือ "มาม่า" (ชื่อยี่ห้อในภาษา
อินโด "หมี่ป๊อบ" ผมไม่รู้นึกว่าอาหารพื้นบ้านสั่งมาทานโมโห น่าเขกกะโหลกทั้งรสชาติและราคา) สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองมาราว
14 กม. เท่านั้น ขี่มอเตอร์ไซค์หยอกล้อกระหนุงกระหนิงกับสาวเจ้าในดวงใจ หรือเพื่อนสุดเปิ่นของคุณไม่นานเดี๋ยวเดียวก็มาถึง
ตลาดกลางคืน - เสร็จจากการอิ่มทั้งกายและใจกันที่ บูกิต บินทัง แล้วไม่มีอะไรจะวิเศษไปกว่า การจอดรถแล้วพาตัวเอง
ไปเดินเหงาเท่ ๆ ย่านมาลิโอโบโล่ ซึ่งอยู่ใกล้ที่พักของคุณ เดินมันเข้าไปเดินให้ส้นเท้าแตกแล้วถ้าเหนื่อยนักจงไปนั่งจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ
ที่ ลูซิเฟอร์ บาร์ (Lucifer) ถ้าไม่เข้าใจว่าทำไมต้องร้านนี้ จะบอกให้ เพราะว่าที่นี่เป็นบาร์แห่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ของ ย็อกยา มีดนตรีสด
แกล้มกับสาว ๆ อินโดหน้าแชล่มให้ชม บรรยากาศไม่ขี้เหล่เลย ดนตรีสนุก นั่ง ลุก เดินสบายแต่ร้านจะวายตอน ห้าทุ่ม (เร็วชิ่บ)
บุโรพุทโธ (Borobudu) - ค่าเข้าชม 210,000 รูเปีย (ใกล้ ๆ 600 บาท) ไม่ต้องมีคำบรรยาย แต่จะบอกว่าถ้าหากบึ่งจาก
ที่พักตั้งแต่หัวรุ่ง เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้น อย่าได้ทะลึ่งหลงไปจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น ที่เป็นซอยข้าง ๆ บุโรพุทโธ อย่าฟอลโล่วป้าย หรือ
ไปขี่รถตามคำแนะนำของพวกมอเตอร์ไซต์ท้องถิ่น / ไกด์อาสา เพราะเจ้าพวกนี้จะพาเราไปที่ "ดอยประดิษฐ์" แล้วทำให้เราเชื่อว่าจะได้
เห็นวิวของพระอาทิตย์กลมโตขึ้นเคียงคู่ บุโรพุทโธอย่างสวยงาม แต่เปล่าเลย คุณจะมองเห็นอยู่ห่างออกไปไกลลิบลับ(ซึ่งก็ไม่ได้แย่เกิน
ไปนัก) สำหรับใครที่พอมีกำลังทรัพย์ แนะนำให้ซื้อทัวร์ชมพระอาทิตย์ขึ้น กับโรงแรม มโนราห์ ด้านหน้าทางเข้า สนนราคาก็แค่ 380,000
รูเปีย ต่อหัว ( แพง! ตั้งเกือบพัน ค่าขึ้นไปชมวิวดอยประดิษฐ์ แค่ 30,000 เอง เออ คิดไปคิดมาก็ดีแล้วที่หลงไปเจอดอยก่อน --)
Candi Plaosan Lor KabuPaten Klaten - โดยส่วนตัวไม่ได้สนใจอยากไปไหนใน ย็อกยาเลย นอกจากบุโรพุทโธ แต่เนื่อง
ด้วยมีสาวญี่ปุ่นตัวขาว ๆ ซ้อนท้ายไปด้วย แม่อยากไปปรัมบานันนัก อยากนักอยากหนาเลยกะว่าจะพาไปชะโงกทัวร์ แต่ปรากฏว่า "หลง"
ตายโหง แต่การหลงทางคราวนี้โชคดีที่ไปโผล่ Candi Plaosan Lor KabuPaten Klaten ที่นี่จะอยู่ทิศเดียวแต่คนละทางกับ ปรัมบานัน
เอาเป็นว่าถ้าตั้งใจไป และมีเวลาน้อยไม่อยากเสียค่าเข้าแพงมาก นักท่องเที่ยวไม่วุ่นวาย ที่นี่ก็สวยไม่แพ้กัน
คำแนะนำ : หากอยากจ่ายค่าเข้าชมของโบราณสถานแบบ ครึ่งราคา แนะนำให้พกบัตรนักศึกษาไปด้วย ถ้าหากอายุ
เกินหรือด้วยเหตุผลใดก็ตามที่ไม่สามารถมีบัตรนักศึกษาได้ แนะนำให้ไป "ถนนข้าวสาร" ก่อนการเดินทางออกนอกประเทศ แล้วคุณ
จะพบว่า ความคุ้มค่า ที่ใกล้วตัว มีอยู่จริง
l สถานที่ไม่น่าให้อภัย l
ทะเลทราย Gumuk Pasir - เห้ย คุณรู้ไหมว่านอกจาก มุยเน่ แล้ว ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ใกล้บ้านเรามีทะเลทราย
สีขาวอีกที่ นั่นคือ Gumuk Pasir ซึ่งเป็นทะเลทรายใกล้กับทะเล ไอ้กระผมดูรีวิวฝรั่ง เห็นว่ามันน่าไป ไม่มีใครในพันทิพย์เคยไปถึง ด้วย
ความอยากเป็นที่หนึ่ง หรือคิดว่าตนจะเท่หรืออย่างไรไม่อาจทราบได้ บึ่งมอเตอร์ไซค์เป็นชั่วโมงจ้า เพื่อไปไอ้ทะเลทรายบ้านี่ สรุป ! ไอ้นี่
มันเป็นทะเลทรายจัดตั้ง เหมือนรถสิบล้อขนทรายยี่สิบคันมาคว่ำอิตรงนี้ แล้วก็เกิดเป็น ตู้มมมมมมมมม ทะเลทรายแห่งใหม่ในอินโดนิเซีย
ซึ่งไม่น่าจะมีใครหลงมาเที่ยว แต่บ้าไปแล้วเพราะไอ้หมอนี่ พาคนที่เพิ่งรู้จักบุกไปเลยจ้า เอาเป็นว่าถ้าชอบเล่น สโนว์บอร์ด หรือขี่รถ ATV
มาที่นี่ ก็ถัว ๆ กันไปได้ แต่เป็นสถานที่ที่ ไม่แนะนำอย่างมาก
art space / Batik School / Gallery - ใดใดก็ตามแต่ที่จะทำให้คุณคาดหวัง ว่าจะได้ชื่ชมศิลปะพื้นบ้าน งานผ้าบาติกแบบ
ปลอดโปร่งโล่งใจ รวมทั้งนิทรรศการศิลปะต่าง ๆ นานา โปรดรู้ไว้ว่า "อย่าเหยียบเข้าไปเด็ดขาด" ไอ้บ้า มันบ้ามาก ๆ ที่ต้องโดนหลอกถึง
สองครั้งสองครา ความน่าสนใจของสถานที่พวกนี้คือ นกต่อ จะมีนกต่อคอยดักรอคุณทุกซอยตามถนน มาลิโอโบโล่ ทำตัวประหนึ่งหวังดี
ต่อนักท่องเที่ยว และยืนใกล้ ๆ กับรถม้าหรือสามล้อถีบ โดยจะช่วยเราต่อรองราคาต่าง ๆ นานา แล้วจะบอกเราว่า "เออ วันนี้มีนิทรรศการ
ศิลปะบาติก วันสุดท้าย คุณควรไปชมนะ ไม่งั้นเสียดายแย่" แบบนี้เลย รูปแบบคำราวกับเรียนจบมาจากสถาบันเดียวกัน ครั้งแรกผมนี่แบบ
ตื่นเต้น เอาเว้ยเรานี่ช่างโชคดี รีบบึ่งไปด้วยความไวไปถึงที่ที่ไอ้หมอนั่นบอกว่าเป็น นิทรรศการผ้าบาติก มันกลายเป็นร้านขายบาติกก็อปปี้
สไตล์ แบบที่มีขึงไว้หยาบ ๆ แหวนไว้เป็นหย่อม ๆ บ้าง พอย่างเท้าเข้าไปคุณจะเจอกับมัคคุเทศน์ แสนดีคอยป้อนน้ำ ป้อนขนมแนะนำคุณ
โอ้โลมคุณ ทำทีประหนึ่งว่า "โอ้ววว คุณคือผู้เยี่ยมชมรายสุดท้ายของนิทรรศการเรา น่ายินดียิ่ง" แล้วเจ้าหมอนี่จะพยายามแนะนำให้คุณ
ซื้อผลงาน ผมลองถามราคาชิ้นหนึ่ง (ซึ่งไม่ได้สนใจหรอก) เปิดราคามิตรภาพสำหรับ last guest ที่ 900,000 รูเปีย ! สองพันกว่า แม่เจ้า
ดีต่อใจ ให้ความซาบซึ้งในผลงานของผู้รังสรรค์เหลือเกิน สุดท้ายคุณต้องพยายามใช้วิชา แถ ให้หลุดพ้นจากร้านพวกนี้ให้ได้ และขอ
เตือนว่า อย่าได้หลเชื่อถ้าใครบางคนไม่รู้จักในเมืองนี้บอกว่า "เห้ย ตรงนู้นมีนิทรรศการศิลปะ วันนี้วันสุดท้าย"
คำแนะนำ : บางทีโลนลี่ แพลนเน็ต หรือ รีวิว ในพันทิป ก็ได้แนะนำสถานที่ดีงามของเมืองนั้น ๆ ไว้อยู่แล้ว ไม่ต้องมี
ความอยากรู้อยากเห็นมากก็ได้
l อาหาร l
ไม่มีเมนูไหนแนะนำเป็นพิเศษ รสชาติของอาหารที่นี่น่าสนจสำหรับคนไทย ที่ชอบอาหารไทยแต่ไม่ชอบอะไรเผ็ดมากนัก สำหรับ
อาหารนั้น มีร้านแนะนำซึ่งเป็นร้านที่ "ห้ามพลาด" ด้วยประการทั้งปวง Ramintan เป็นร้านอาหารชั้นบนสุดของห้างขายผ้า(ซึ่งจำชื่อไม่ได้
แหะ ๆ) ทุกเมนูขอที่นี่ อร่อยโฮกฮากมากมาย แล้วที่สำคัญมีการให้โอกาสพนักงานที่เป็นสาวประเภทสองผู้ชนะการประกวดของร้าน ทำ
หน้าที่รับแขกและแนะนำรายการอาหาร สร้างความประทับใจได้มากทีเดียว ส่วนอีกหนึ่งคำแนะนำคือ ควรลองทานอาหารด้วยมือ แบบ
ชาวชวานีส ซักมื้อเพราะมันจะได้บรรยากาศแบบสุด ๆ ทีเดียวเชียว