เค้าเรียกตัวเองว่า ครู ..... ได้ด้วยหรือ ??

ขอเท้าความ เล่าเรื่อง ย้อนไปสักประมาณ กลางปี 2558 น้องสาวของเรา มีเพื่อนที่โรงเรียนมาชวนไปเรียนเต้นลีลาศ กับสมาคมหนึ่งย่านเมืองทอง  น้องสาวเราสนใจเลยมาขอแม่ไปเรียน แม่ก็ยินดี พาไปสมัครตามคำชวนของเพื่อนน้องสาว พบกับครูผู้ดูแลที่นั่น
(ซึ่งต่อไปเราจะเรียกครูคนนี้ว่าครู A) เป็นอันว่าตรงลง จ่ายเงินค่าสมาชิกรายปี (อันนี้เราจำไม่ได้ว่ากี่บาท) กับค่าเรียนเดือนละ 2000 บาท และอย่างที่ทราบกันว่าลีลาศ ต้องเต้นเป็นคู่ น้องเราได้คู่เป็นเพื่อนนักเรียนชาย โรงเรียนเดียวกัน ชั้นเดียวกัน แต่คนละห้องกัน
(ซึ่งต่อไปนี้เราจะเรียกคู่เต้นของน้องสาวว่า น้อง P) เป็นคู่เต้น และเป็นคนสอนท่าเต้น น้องสาวเราตั้งแต่นั้นมา สงสัยใช่มั้ยล่ะคะ ว่า ที่นั่นก็มีครูผู้ดูแล ทำไมครูถึงไม่ได้เป็นคนสอน ตอนแรกเราก็สงสัยคะ แต่ตอนนั้นโลกสวย เชื่อในสิ่งที่ครู A บอก ว่า น้อง P เรียนลีลาศ มาราวๆ6 ปี น้อง P เต้นเก่งที่สุด จำท่าได้ดีที่สุด และสามารถแกะท่าเต้นจากการดูยูทูป เลยให้น้อง P สอนท่า basic ให้กับน้องสาวเรา เป็นอันว่า ยอมรับได้คะ
          ระหว่างที่เรียนได้สัก 2-3อาทิตย์ ก็มีงานแข่งของสมาคม(งานภายในระหว่างสมาคมลีลาศต่างๆที่อยู่ในเครือเดียวกัน)เข้ามา ครู A ก็จัดแจงส่งเด็กเข้าร่วม ตอนนั้น ที่บ้านเราตื่นเต้นกันมากคะ เพระเป็นงานแรก ของน้องสาว เราไปส่งน้องสาว แต่งหน้าทำผม แต่งตัวที่สมาคม ด้วยความที่ตามปกติแล้ว น้องสาวเราเป็นเด็กกิจกรรมมาตั้งแต่เรียนประถม เวลามีงานประกวดแข่งขัน งานโชว์ งานช่วย เราก็จะไปดูทุกครั้งเว้นแต่บางงานที่เจ้าของงานแจ้งว่าไม่สามารถเข้าไปดูได้ หรือไม่สามารถช่วยแต่งตัวแต่งหน้าได้ เราก็จะไม่เข้าไปรบกวนการทำงานของทีมงานคะ และครั้งนี้เราไม่ได้ถูกสั่งห้ามว่าห้ามดูแล ห้ามช่วยเหลือ เราจำได้ดี และ ขึ้นใจมากคะ เราเห็นว่า ครู A ต้องดูแล เด็กหลายคน เพราะที่นั่น มีครูA ดูแล เพียงแค่คนเดียว และเราก็เห็นว่าครู A เร่งรีบ กลัวว่าจะไปไม่ทันรายงานตัว เราเลยเอ่ยปากให้ความช่วยเหลือ สิ่งที่เราได้จากปากครู A วันนั้นคือ

"พี่นั่งเถอะเรื่องของ โค้ช กับนักกีฬา พี่ไม่เกี่ยว แค่รอดูมืออาชีพเค้าทำกันก็พอ ดูนะ นี่มืออาชีพเค้าทำแบบนี้"


    สิ่งที่ครู A ทำคือ เอาเจลมาโปะ บนหัวน้องสาวเรา แล้วหวีอย่างรุนแรง กระชากหัวไปมา ปากก็พูดว่า เกร็งคอ เนี้ย ฝึกคอให้แข็ง หลังจากที่โปะเจลจนหัวเปียก ก็รวบผมไว้ตรงกลางหัว  แล้วก็พันๆให้เป็นก้อนๆ แล้วเอากิ๊ฟดำเหน็บ เป็นอันว่าเสร็จ เกิดมาก็เพียงเคยเจอคะบอกเลย คนที่เรียกตัวเองว่าครู แล้วระบายอารมณ์ ลงบนหัวเด็ก กระชากหัว แล้วบอกว่าฝึกคอ ตอนนั้นอารมณ์ขึ้นมากเลยคะ บอกตรงๆ แต่ต้องอดทนไว้ เพราะไม่อยากจะมีเรื่องตั้งแต่งานแรก พอไปถึงที่สนามแข่ง ก็เป็นครั้งแรกอีกนั้นแหละคะ ที่เคยมาสนามแข่งลีลาศ ก็แปลกตานะคะ เพราะรอบสนามแข่งเต็มไปด้วยโต๊ะจีน ร่วมๆ30 โต๊ะ พอเริ่มแข่งเราเลนตระหนักคะว่า มันไม่ใช่การแข่งขันกีฬาแบบที่เราคิดเลยคะ น่าจะเรียกว่า งานเลี้ยงกินโต๊ะจีนและการเต้นเพื่อสุขภาพเสียมากกว่า เพราะการแข่งขันน่าเป็นเรื่องที่ทางผู้จัดงานเอามาเป็นข้ออ้างบังหน้าเพื่อขอสปอนเซอร์สถานที่ซะมากกว่า เด็กที่มาลงแข่งจะเสียค่าสมัครแข่งคนละ 600 บาท ถามว่าแข่งได้อะไรเป็นรางวัล ก็จะมีถ้วย กับเหรียญ มอบให้คะ รายการนึงมีแข่งอยู่ 4-5 คู่ บางรายการมี แข่งอยู่ ทีมเดียว เค้าก็จะเรียกว่าโชว์คะ ให้เหรียญทองไปเลย ทุกคนคงคิดใช่มั้ยคะว่า แข่งเสร็จ ผู้เข้าร่วมการแข่งขัน คงได้ทานโต๊ะจีนด้วยเพราะเสียค่าสมัครไป600 บาท  คิดผิดคะ ไม่ได้ทานนะคะ โต๊ะจีนนั้น เค้าขายบัตรให้แก่ผู้ที่สนใจเต้นลีลาศ เข้ามารับประทาน และ เต้นรำกันอย่างเพลิดเพลิน แข่งเสร็จก็กลับคะ หาข้าวหาน้ำทานเอง หลังจากงานแรกจบไป งานที่ 2, 3, 4ก็ตามมาคะ แบบเดิมๆ

    ในระหว่างที่เรียน น้องสาว เราก็มาบ่นว่า ไม่ค่อยได้ซ้อมเลย ไม่ได้ค่อยได้ท่าเลย P ต้องสอนทุกคนเลย ต้องนั่งคอย บางวันไปก็ไม่ได้ซ้อมเลย แล้วครู A ก็เอาแต่ด่า ด่าแรงมากเลย เนี้ยชอบเปรียบเทียมกับเพื่อนอีกคน ชอบบอกว่า หนูเต้นไม่ได้ ทั้งๆที่หนูยังไม่ได้ลองเต้นเลย บอกว่าหนูเต้นห่วย เป็นตัวถ่วงของ P เราก็ถามกลับไปว่า ทำไมไม่ให้ ครู A สอนล่ะ น้องสาวตอบว่า ครู A ไม่เห็นจะสอนอะไรเลย สอนแต่ท่ายืน กับสอนน้องๆเด็กๆตั้งท่ายืน นอกนั้น P สอนหมดเลย ซึ่งตอนแรกเราก็ไม่ได้เชื่อน้องสาวเราทั้งหมดนะ จนได้ฟังจากเพื่อนของน้องสาวที่เข้าไปเรียนพร้อมกันเล่าให้ฟังสมทบด้วย และได้ไปลองแอบดูน้องสาวตอนไปซ้อมเต้น เป็นอันว่าจริงตามนั้น  

    เรียนได้สัก 3 เดือน ก็มีการเรียกเก็บเงิน 20000 บาท เพื่อจะไปแข่งขันลีลาศ นานาชาติที่ ปีนัง มาเลเซีย แม่เราก็ฟังคำโน้มน้าว + กับน้องสาวเราอยากไป เลยยอมจ่ายเงินล่วงหน้าให้ไป (เก็บเงินก่อนไป 3 เดือน) และก็เรียกเก็บเงินล่วงหน้า ค่าไปแข่งกีฬานักเรียน / กีฬาเยาวชน ครั้งละ 3500 ต่อการไปแข่ง1รายการ ทางครู A แจงว่า เป็นค่ารถ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ตลอดการแข่งขัน (ถ้าแข่งในนามนักกีฬาจังหวัดทางจังหวัดจะสนับสนุนเงินในนักกีฬาคนละ1000บาท ซึ่งก็จะรวมเท่ากับว่า ครู A จะได้เงินต่อเด็ก 1 คน เท่ากับ 4500 บาท ต่อการแข่ง 1 ครั้ง ) มีค่าเช็คท่า คือ การไปเรียนกับครูที่สามารถสอนได้จริง ให้คำแนะนำได้จริงครั้งละ 500 บาท (ครูA ต้องอนุญาติให้ไปถึงไปได้)
      
    ตามที่บอกไป 3500 คือ ค่าอาหาร  ค่ารถ ค่าที่พัก งั้นเริ่มที่งานแรก ที่เสีย 3500 การแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ รอบคัดภาค ที่จังหวัดสมุทรปราการ
ไป 3 วัน ช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอม
     - สถานทื่พัก ห้องเรียนห้องหนึ่งของโรงเรียนที่ใช้เป็นสนามแข่งขัน ที่ทางครู A กับทางติดต่อผู้จัดการแข่งขันขอพักค้างคืน นั้นเท่ากับว่า ฟรี
     - อาหาร คือ มาม่า และอาหารที่ทางผู้ปกครองหาไปให้ ซึ่งไม่ได้จ่ายเงินให้คืนให้กับทางผู้ปกครองแต่อย่างใด
     - ค่ารถ ขาไป เหมารถตู้ไป คาดว่าไม่น่าจะเกิน 2000 บาท ขากลับ เลือกเด็กที่กลับกับทางครู A 3 คน เพราะคนอื่นๆผู้ปกครองมาดูแล้วก็รับกลับบ้าน
    เรื่องอื่น ช่างมัน คะ แต่ที่รับไม่ได้จริงๆ คือ เรื่องอาหาร เช้าวันแข่ง สิ่งที่เด็กได้ทานก่อนแข่งคือ มาม่า ครึ่งซอง ได้คุณค่าโภชนาการมากคะ ครูคะ     เด็กเล็กร้องไห้เพราะหิวกินไม่อิ่ม เราดูออกคะ เด็กมองเวลาเรากิน หรือเวลาที่เราแอบยื่นของให้น้องสาวเรากิน เน้นว่าต้องแอบให้นะคะ เพราะว่า    ถ้าครู A  เห็นน้องสาวเราโดนด่าเละเทะคะ น้องบอกเสียสุขภาพจิตมาก แต่คนอื่นกินไม่ได้นะคะ แต่ลูกชายของครู A ที่ไปแข่งด้วยกัน อภิสิทธิ์มากคะ     สามารถกินได้คะ และพ่อลูกชายตัวดีก็เป็น หูเป็นตาให้แม่ด้วยคะ ใครแอบกินอะไร เอาไปฟ้อง ทันที ไม่ใช่แค่เรื่องของกินนะคะ แค่เดินไปคุยก็ต้องแอบคุยคะ เข้าห้ามผู้ปกครองยุ่งกับเด็ก และจากการแข่งครั้งนี้ จบลง น้องสาวเราได้พบกับคำว่า  แพ้ ก็โดนด่า ชนะก็โดนกระแนะกระแหน ยกตัวอย่างง่ายๆคะ บางรายการต้องในรายการเดียวกับลูกชายครู A แข่ง ถ้าได้ที่ดีกว่า เช่น     น้องสาวเราได้ที่ 4 ลูกชายเค้าได้ที่ 5 เค้าจะบอกว่า เป็นเพราะกรรมการเห็นว่า น้อง P แข่งมานานเลยให้ น้อง P ชนะ ตรรกะไหนคะ กรรมการที่ตัดสิน  เค้าตัดสินจากอายุผู้เข้าแข่งขันหรอคะ  ถ้าแข่งแพ้ ก็จะโดนเละคะ หาว่า เต้นห่วย เป็นตัวถ่วง สารพัดจะหามาว่า

     เป็นอยู่อย่างนี้เสมือน วัตถจักร ชีวิต จนเด็กหลายคนทนไม่ไหว ลาออกไป นั่นก็รวมถึง เพื่อนน้องสาวที่มาชวนไปเรียนด้วย ที่อดรนทนไม่ได้ หลังจากกลับจากการแข่งขันที่ปีนัง จบสิ้นลง เพราะยิ่งเรียนก็ย่ำอยู่กับที่ สภาพจิตใจเสียเปล่า มีแต่น้องสาวเราเนี้ยแหละ ที่บอกให้ลาออกมา ก็ไม่ยอม  เพราะอยากจะเต้นให้ได้เหรียญรางวัล 1 ใน 3 ของรายการระดับประเทศสักครั้ง ก็ต้องปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป
    
     จนมาถึงวันนี้คะ วันที่น้องสาวเราไม่ไปเรียน ขอหยุด ครูA พิมพ์ ข้อความมาต่อว่า เรื่องนี้เราก็รู้ว่าน้องเราทำไม่ถูกเรื่องที่ขอลาหยุดกระทันหัน แต่ทางครู A กลับต่อว่าอย่างหนัก สั่งให้น้องสาวเราให้แม่โทรมาขออนุญาติหากจะหยุด ว่าแม่มีปัญหาอะไรถึงจะให้หยุดวันนี้ ท้าทายให้ลาออก บอกว่า แม่พูดโกหกอย่าง  ลูกพูดโกหกอย่าง ครอบครัวนี้จะทำไรเจริญมั้ย  ทั้งๆที่แม่ไม่ได้โทรไปคุยกับทาง ครู A เลย แม่จะโกหกอะไรได้ในเมื่อไม่ได้คุยกัน น้องสาวเราเลยขอลาออกคะ ไม่เสียดายแล้วเงินที่จ่ายไปล่วงหน้าตั้งมากมาย ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ

      มาถึงตรงนี้แล้ว ขอถามความเห็นทุกคนหน่อยคะว่า
      - ใครกันแน่คะที่จะไม่มีวันเจริญ ตอนนี้ครู A ก็เช่าห้องที่ใช้เรียนอยู่ บางเดือนขอเก็บเงิน เดือนล่วงหน้า 2-3เดือน บอกว่าจะไปจ่ายค่าไฟ ค่าน้ำ
      - คนแบบนี้ควรเรียกตัวเองว่า ครู หรือคะ ในเมื่อสอนอะไรใครไม่ได้ เตือนสติตัวเองยังไม่ได้
      - ใครมีที่เรียนลีลาศ ดีๆแนะนำหน่อยคะ น้องยังอยากเรียนอยู่ ยังมีความฝันที่ดี

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ ทุกคนที่เข้ามาอ่าน และ ขออภัยหากข้อความอ่านยากหรือมีคำผิด ครั้งแรกกับการตั้งกระทู้ คะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่