สวัสดีครับ
ต้องบอกก่อนเลยว่าตอนนี้ผมเป็นบุคคลที่ตกงาน แต่ช่วงที่ตกงานอยู่นี้ผมก็มีเดินสายไปสัมภาษณ์กับบริษัทหลายๆที่ บางที่ก็เงียบไป บางที่ก็บอกว่าถ้าผมพร้อมเมื่อไรให้โทรติดต่อกลับเขาไป แต่ก็ติดที่ว่ามีอยู่บริษัทนึงซึ่งผมอยากเข้ามากๆครับ (เป็นบริษัททำธุรกิจแฟรนไชส์รายใหญ่ของประเทศเลยก็ว่าได้) ซึ่งผมก็รู้ว่างานที่นั่น นั้นงานหนักเอามากๆ แต่ผมก็คิดว่าไม่มีปัญหาสำหรับผม
บริษัทแห่งนี้ผมไปๆมาๆเพื่อสัมภาษณ์ ก็รวมๆ แล้วประมาณ 6-7 รอบ (จากหลายๆตำแหน่งที่เขาเรียกมา) โดยรอบแรกๆ นั่นผมเดินเข้าไปเพื่อสมัครแล้วสัมภาษณ์เลย ทางบริษัทก็แจ้งเมลล์มาก็ได้เพียงแค่ตัวสำรอง ก็เลยคิดว่าไม่เป็นไรรอบหน้ายังมี จนรอเวลาที่เข้าเปิดสมัครผมก็ไปอีกครับ มารอบนี้คือ ผมไม่ได้ครับ
แล้วผมก็ได้ลองเอาประวัติของผมฝากเข้าไปในเว็บของบริษัทเขาครับ (บริษัทอื่นๆผมก็ฝากประวัติไปเช่นกันครับ) จากนั้นบริษัทที่ผมอยากทำเขาก็โทรมาหาผมเพื่อเรียกมาสัมภาษณ์เบื้องต้น ซึ่ง..ในช่วงเวลานั้น ก็มีอีกบริษัทนึงที่ผมได้ไปสัมภาษณ์เรียกผมให้เข้าไปทำสัญญาแล้วเริ่มงานในสัปดาห์ถัดไปเลย (อะไรจะได้เหมาะเหม็งขนาดนั้น) ซึ่งผมก็ต้องเลือกแล้วครับว่าจะเอาอันไหน สุดท้ายผมก็เลือกบริษัทที่ผมอยากทำครับ แล้วผมก็ไปสัมภาษณ์เบื้องต้นแล้วเขาได้ฝากงานบางอย่างให้ผมทำเพื่อใช้ประกอบในการตัดสิน (รอบนี้ผมทุ่มเทมากครับ) โดยเขาให้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ จากนั้นเขาก็เรียกผมมาเพื่อให้มาพรีเซนต์งานที่ผมทำ หลังพรีเซนต์เขาบอกว่าจะติดต่อกลับไป ผมก็รอครับ..ตาผมนี่จองแต่โทรศัพท์เลยก็ว่าได้ และแล้วเขาก็โทรมาครับ แล้วบอกว่า เรียกผมสัมภาษณ์อีกรอบนึงแล้วจะประกาศผลวันนั้นเลย โดยให้นำงานที่ไปทำนั่นเอามาอีกรอบเพื่อใช้พรีเซนต์ สุดท้ายแล้วคือ ผมได้เพียงที่ 2 ครับ เจ็บที่สุดคือ หลังจากที่ประกาศผลแล้วว่าผมไม่ได้ คนที่มาสัมภาษณ์อีกคนบอกผมว่า สนใจมาทำงานของเขาไหม ซึ่งตอนนั้นหลังจากที่ผมรู้ผลแล้วผมก็รู้สึกเสียใจมาก ความรู้สึกผมดิ่งลงเลยก็ว่าได้ ซึ่งผมคิดว่าที่เขาพูดมาคงเป็นความหวังดีจากเขาแหละครับ แต่ในความคิดผมคือว่าคุณอย่าพูดเลยครับ มันเหมือนเป็นการเย้ยผม โดยให้ผมไปนั่งทำงานที่คุณเคยทำอยู่แล้วกำลังออกไปทำงานที่คุณและผมใฝ่ฝันอยากจะทำทั้งคู่ ผมเลยบอกคนที่มาสัมภาษณ์อีกคนไปแบบเสียงผมแข็งๆพร้อมรอยยิ้มว่า "ผมไม่สนใจครับ ขอบคุณนะครับ" (ในใจผมไม่พอใจมากที่เขามาพูดกับผมแบบนี้ ถ้าเป็นผม ผมได้งานแล้วผมจะไม่พูดอะไรเลยครับ) จนพี่ที่บริษัทเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีต้องเข้ามาตัดบทว่า "เดี๋ยวถ้ามีตำแหน่งว่างเดี๋ยวติดต่อกลับไปแล้วกัน" ผมกลับมาที่ห้องผมก็รู้สึกท้อเลยครับ ผมบอกกับตัวเองว่า พอแล้วมั้ง บางทีมันคงจะไม่ใช่ที่ของเรา แล้วผมก็ได้เริ่มหางานใหม่จากที่อื่นๆอีกครั้ง
......จนกระทั้งผ่านไปสักเดือนนึงทางฝ่ายบุคคลจากสำนักงานใหญ่ที่เราอยากจะทำโทรมาให้ไปสัมภาษณ์ในส่วนอีกแผนกนึง ความรู้สึกในตอนนั้นของผม อีกแล้วเหรอ ทำไมต้องมาตอนนี้ ซึ่งในช่วงนั้นผมกำลังได้งานใหม่ โดยทางบริษัทนั้นเขาให้ผมติดต่อกลับไปเพื่อบอกเขาว่าจะเริ่มงานได้ตอนไหน (ใจจริงอยากโทรบอกเขามากเลยครับว่าเริ่มปีใหม่ 55555 แต่เขาคงไม่ยอมแน่ๆ) ซึ่งผมในตอนนี้ได้แค่ยื้อเวลา ส่วนตัวผมคิดว่าถ้าปล่อยจนเกินเดือนนึงหรือ 30 วัน แล้วติดต่อกลับไปเขาคงไม่เอาแล้ว ซึ่งตอนนี้มันยังไม่เกินเดือนนึง แล้วผมก็ไปสัมภาษณ์กับฝ่ายบุคคลครับ ผ่านฝ่ายบุคคลแล้วฝ่ายบุคคลส่งต่อให้ทางแผนก พอสัมภาษณ์กับทางแผนก ทางแผนกบอกว่าจะส่งต่อให้กับหัวหน้าแผนกซึ่งหมายความว่าผมก็ไม่รู้ว่าทางหัวหน้าแผนกจะเรียกผมเมื่อไรก็ไม่รู้ ซึ่งเขาบอกว่าต้องคัดจากผู้สมัครคนอื่นๆด้วย ผมนี่ เฮ้ออออ เลย
บางทีได้งานจากที่อื่นจริงๆก็ต้องมาเจออะไรแบบนี้ตลอดเลย เหมือนโดนกลั่นแกล้งยังไงก็ไม่รู้
ล้มลุกคลุกคลานสัมภาษณ์ เพื่อให้ได้บริษัทที่ใฝ่ฝัน แต่ก็ไปไม่ถึงซักที..
ต้องบอกก่อนเลยว่าตอนนี้ผมเป็นบุคคลที่ตกงาน แต่ช่วงที่ตกงานอยู่นี้ผมก็มีเดินสายไปสัมภาษณ์กับบริษัทหลายๆที่ บางที่ก็เงียบไป บางที่ก็บอกว่าถ้าผมพร้อมเมื่อไรให้โทรติดต่อกลับเขาไป แต่ก็ติดที่ว่ามีอยู่บริษัทนึงซึ่งผมอยากเข้ามากๆครับ (เป็นบริษัททำธุรกิจแฟรนไชส์รายใหญ่ของประเทศเลยก็ว่าได้) ซึ่งผมก็รู้ว่างานที่นั่น นั้นงานหนักเอามากๆ แต่ผมก็คิดว่าไม่มีปัญหาสำหรับผม
บริษัทแห่งนี้ผมไปๆมาๆเพื่อสัมภาษณ์ ก็รวมๆ แล้วประมาณ 6-7 รอบ (จากหลายๆตำแหน่งที่เขาเรียกมา) โดยรอบแรกๆ นั่นผมเดินเข้าไปเพื่อสมัครแล้วสัมภาษณ์เลย ทางบริษัทก็แจ้งเมลล์มาก็ได้เพียงแค่ตัวสำรอง ก็เลยคิดว่าไม่เป็นไรรอบหน้ายังมี จนรอเวลาที่เข้าเปิดสมัครผมก็ไปอีกครับ มารอบนี้คือ ผมไม่ได้ครับ
แล้วผมก็ได้ลองเอาประวัติของผมฝากเข้าไปในเว็บของบริษัทเขาครับ (บริษัทอื่นๆผมก็ฝากประวัติไปเช่นกันครับ) จากนั้นบริษัทที่ผมอยากทำเขาก็โทรมาหาผมเพื่อเรียกมาสัมภาษณ์เบื้องต้น ซึ่ง..ในช่วงเวลานั้น ก็มีอีกบริษัทนึงที่ผมได้ไปสัมภาษณ์เรียกผมให้เข้าไปทำสัญญาแล้วเริ่มงานในสัปดาห์ถัดไปเลย (อะไรจะได้เหมาะเหม็งขนาดนั้น) ซึ่งผมก็ต้องเลือกแล้วครับว่าจะเอาอันไหน สุดท้ายผมก็เลือกบริษัทที่ผมอยากทำครับ แล้วผมก็ไปสัมภาษณ์เบื้องต้นแล้วเขาได้ฝากงานบางอย่างให้ผมทำเพื่อใช้ประกอบในการตัดสิน (รอบนี้ผมทุ่มเทมากครับ) โดยเขาให้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ จากนั้นเขาก็เรียกผมมาเพื่อให้มาพรีเซนต์งานที่ผมทำ หลังพรีเซนต์เขาบอกว่าจะติดต่อกลับไป ผมก็รอครับ..ตาผมนี่จองแต่โทรศัพท์เลยก็ว่าได้ และแล้วเขาก็โทรมาครับ แล้วบอกว่า เรียกผมสัมภาษณ์อีกรอบนึงแล้วจะประกาศผลวันนั้นเลย โดยให้นำงานที่ไปทำนั่นเอามาอีกรอบเพื่อใช้พรีเซนต์ สุดท้ายแล้วคือ ผมได้เพียงที่ 2 ครับ เจ็บที่สุดคือ หลังจากที่ประกาศผลแล้วว่าผมไม่ได้ คนที่มาสัมภาษณ์อีกคนบอกผมว่า สนใจมาทำงานของเขาไหม ซึ่งตอนนั้นหลังจากที่ผมรู้ผลแล้วผมก็รู้สึกเสียใจมาก ความรู้สึกผมดิ่งลงเลยก็ว่าได้ ซึ่งผมคิดว่าที่เขาพูดมาคงเป็นความหวังดีจากเขาแหละครับ แต่ในความคิดผมคือว่าคุณอย่าพูดเลยครับ มันเหมือนเป็นการเย้ยผม โดยให้ผมไปนั่งทำงานที่คุณเคยทำอยู่แล้วกำลังออกไปทำงานที่คุณและผมใฝ่ฝันอยากจะทำทั้งคู่ ผมเลยบอกคนที่มาสัมภาษณ์อีกคนไปแบบเสียงผมแข็งๆพร้อมรอยยิ้มว่า "ผมไม่สนใจครับ ขอบคุณนะครับ" (ในใจผมไม่พอใจมากที่เขามาพูดกับผมแบบนี้ ถ้าเป็นผม ผมได้งานแล้วผมจะไม่พูดอะไรเลยครับ) จนพี่ที่บริษัทเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีต้องเข้ามาตัดบทว่า "เดี๋ยวถ้ามีตำแหน่งว่างเดี๋ยวติดต่อกลับไปแล้วกัน" ผมกลับมาที่ห้องผมก็รู้สึกท้อเลยครับ ผมบอกกับตัวเองว่า พอแล้วมั้ง บางทีมันคงจะไม่ใช่ที่ของเรา แล้วผมก็ได้เริ่มหางานใหม่จากที่อื่นๆอีกครั้ง
......จนกระทั้งผ่านไปสักเดือนนึงทางฝ่ายบุคคลจากสำนักงานใหญ่ที่เราอยากจะทำโทรมาให้ไปสัมภาษณ์ในส่วนอีกแผนกนึง ความรู้สึกในตอนนั้นของผม อีกแล้วเหรอ ทำไมต้องมาตอนนี้ ซึ่งในช่วงนั้นผมกำลังได้งานใหม่ โดยทางบริษัทนั้นเขาให้ผมติดต่อกลับไปเพื่อบอกเขาว่าจะเริ่มงานได้ตอนไหน (ใจจริงอยากโทรบอกเขามากเลยครับว่าเริ่มปีใหม่ 55555 แต่เขาคงไม่ยอมแน่ๆ) ซึ่งผมในตอนนี้ได้แค่ยื้อเวลา ส่วนตัวผมคิดว่าถ้าปล่อยจนเกินเดือนนึงหรือ 30 วัน แล้วติดต่อกลับไปเขาคงไม่เอาแล้ว ซึ่งตอนนี้มันยังไม่เกินเดือนนึง แล้วผมก็ไปสัมภาษณ์กับฝ่ายบุคคลครับ ผ่านฝ่ายบุคคลแล้วฝ่ายบุคคลส่งต่อให้ทางแผนก พอสัมภาษณ์กับทางแผนก ทางแผนกบอกว่าจะส่งต่อให้กับหัวหน้าแผนกซึ่งหมายความว่าผมก็ไม่รู้ว่าทางหัวหน้าแผนกจะเรียกผมเมื่อไรก็ไม่รู้ ซึ่งเขาบอกว่าต้องคัดจากผู้สมัครคนอื่นๆด้วย ผมนี่ เฮ้ออออ เลย
บางทีได้งานจากที่อื่นจริงๆก็ต้องมาเจออะไรแบบนี้ตลอดเลย เหมือนโดนกลั่นแกล้งยังไงก็ไม่รู้