[หนังโรงเรื่องที่ 163] Fantastic Beasts and Where to Find Them - ศักราชใหม่ของโลกเวทมนตร์ ; (David Yates, 2016)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : A+ (จากสเกล D-A)
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : '
นิวท์ สคามันเดอร์' (Eddie Redmayne) นักสัตว์วิเศษวิทยาแห่งโลกเวทมนตร์ของอังกฤษได้เดินทางไปยังนิวยอร์คเพื่อทำวิจัยและเขียนหนังสือเกี่ยวกับสัตว์วิเศษ แต่ก็มีเหตุให้บรรดาสัตว์ทั้งหลายที่เขาเก็บไว้ใน 'กระเป๋าวิเศษ' นั้นต้องหลุดออกมา .. ซึ่งนิวท์ก็ต้องไปตามล่าจับสัตว์เหล่านี้ยัดกลับลงกระเป๋าเหมือน อีกทั้งยังซวยเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์วุ่นวายอันเกิดมาจากจอมเวทย์ด้านมืดในนิวยอร์คอีก
ต้องยอมรับเลยว่านี่เป็นการเปิดศักราชใหม่ของโลกเวทมนตร์ที่สมเกียรติเอามากๆ ผลงานสรรค์สร้างโดยผกก.คู่บุญ จาก Harry Potter Saga และเขียนบทโดยผู้ให้กำเนิดจักรวาลจอมเวย์อย่าง เจ.เค.โรวลิ่ง ได้คลอดออกมาเป็น 'หนังภาคเปิด' ที่สมดุลและงดงามเอามากๆ ครบรสชาดทั้งความแฟนตาซีของเวทมนตร์ และการเมืองที่เคร่งเครียดที่ช่วยผลักดันโทนหนังให้มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
1.ด้านเนื้อเรื่อง
ตลอดสองชั่วโมงหนังสามารถดำเนินเรื่องได้น่าสนใจ โดยการใช้พล็อต 'สัตว์วิเศษ' ของนิวท์เป็นข้ออ้างที่ดีใจการจูงมือเราเข้าไปสัมผัส-เรียนรู้กับระบบการปกครองและรูปแบบสังคมของเหล่าผู้ใช้เวทมนตร์ในนิวยอร์คได้อย่างแยบคาย ก่อนที่จะดันเรื่องไปหาพล็อตหลักที่แท้จริงของเรื่องอย่างจอมเวทย์ฝ่ายมืดได้ในที่สุด
สิ่งแรกที่ชอบก็คือการที่ เจ.เค.โรวลิ่ง เลือกที่จะสอดแทรก 'ความเป็นอเมริกา' เข้าไปในหนังได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นระบบสภา,ศาล หรือการเมืองอันเป็นรากฐานของประเทศนี้ ที่แม้แต่ชุมชนผู้วิเศษก็ยังต้องเอามาปรับใช้เป็นของตัวเอง ซึ่งมันสื่อถึง 'เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม' (uniqueness) ที่ทำให้บริบทของหนังมันดูสมจริงมากขึ้น และสามารถเอาไปขยายความได้อีกเยอะในภาคต่อๆไป
ประเด็นที่สองก็คือเนื้อเรื่องส่วนของบรรดาสัตว์วิเศษที่ถึงแม้จะเป็นเพียงพล็อตรองของเรื่อง แต่ก็มีความสำคัญในแง่ 'การโชว์ของ' ที่จะพาคนดูเข้าไปตื่นตากับความมหัศจรรย์ของโลกเวทมนตร์ได้อีกครั้ง ด้วยความที่พล็อตมันเบาๆก็เลยทำให้เราเอ็นจอยกับมันไม่ได้ยาก ถือซะว่าเป็นฉากผ่อนคลายสลับกับเนื้อเรื่องหลักที่ตึงเครียดได้ละกัน
ส่วนของข้อเสีย! ก็คือช่วงที้หนังพยายามพูดถึงลัทธิล่าแม่มด 'เซเล็มใหม่' และพลังเวทมนตร์แฝงต่างๆนาๆนั้น น่าสับสนมากกกกกกกก คือไม่ใช่ว่ามันยากเกินจะเข้าใจหรอก แต่คิดว่ามันถูกขัดเกลามาไม่ดีเสียมากกว่า เหมือนคนเขียนเข้าใจเออ-ออกันอยู่คนเดียว แล้วมารวบรัดตัดตอนให้มันพอดีกับเหตุในเนื้อเรื่องก็เท่านั้น ส่วนตัวคิดว่ามันน่าจะดีกว่านี้ได้อีกเยอะจริงๆ
2.ด้านตัวละคร
สอบผ่านแน่นอนสำหรับ 'เอ็ดดี้ เรดเมย์' ในบทบาทพ่อมดบริทิชขี้เขินผู้คลั่งไคล้สัตว์วิเศษ ซึ่งอาจจะเป็นบทที่ซ้อนทับกับบุคลิกที่แท้จริงของแกเลยก็ได้มั้ง โดยส่วนตัวรู้สึกชื่นชอบการนำเสนอตัวละคร 'นิวท์' ที่ไม่ค่อยสันทัดกับการปฏิสัมพันธ์กับคนออกมาได้สมจริงเอามากๆ จะสังเกตได้จากรังสี 'กระอักกระอ่วน' (awkward) ที่นิวท์แผ่ออกมาทุกครั้งที่ต้องคุยกับมนุษย์คนอื่นได้ชัดมาก ชัดจนเรากังวลว่าถ่ายหนังจบเอ็ดดี้จะต้องทายาแก้เคล็ดขัดยอกรึเปล่า (เห็นเอียงคอขวาทั้งเรื่องเลย) และในทางกลับกันเราจะได้เห็น 'ตัวตนที่แท้จริง' ของนิวท์ในเวลาที่เขาได้อยู่กับเหล่าสรรพสัตว์(ประหลาด)ทั้งหลาย ที่มีทั้งความอบอุ่นและความซุกซนแบบออกหน้าออกตาจนสัมผัสได้ เรียกได้ว่าบอร์น ทู บี จริงๆให้ตายสิ
นอกเหนือจากตัวละครหลักแล้ว เราก็ยังมีตัวประกอบ A ที่เราอดชื่นชมแบบเสียไม่ได้พ่วงมาด้วย ก็คือตาลุงมักเกิ้ล '
โควัลสกี้' (Dan Fogler) ที่เป็นตัวแทนของผู้ชมอย่างเราๆที่ได้มาสัมผัสโลกเวทมนตร์ที่แสนจะอลังการเหนือจินตนาการ ซึ่งตาลุงคนนี้ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเอามากๆเสียด้วยสิ ทั้งบทเหวอ บทฮา บทซึ้ง ลุงโควัลสกี้กวาดเรียบ จนไปๆมาๆเราแทบจะเอ็นดูตัวละครนี้มากกว่าตัวเอกเสียอีก (หัวเราะ)
.. แต่ขอพูดนิดนึงว่าเอาจริงๆแล้ว Warner Bros เองก็แอบหยั่งเชิงกับหนังเรื่องนี้เหมือนกันนะ ดูจากโครงพล็อตที่สร้างมานี่คือกะจะให้มันเป็น 'หนังตอนเดียวจบ' แน่ๆ แล้วค่อยมาดูกระแสตอบรับอีกทีว่าจะสร้างภาคต่อดีมั้ย (เพราะเป็นหนังเรื่องแรกที่ไม่มีเนื้อเรื่องหนังสือรองรับ) ซึ่งดูจากกระแสแล้วก็ไม่แปลกใจหรอก ที่ผู้สร้างจะวาดโครงเรื่องไปถึง 5 ภาคแล้ว
สรุปแล้ว "Fantastic Beasts and Where to Find Them" ก็ถือว่าเป็นการเปิดตัวแฟรนไชส์ใหม่ของจักรวาลแฮรี่ พอตเตอร์ได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง ด้วยพล็อตที่ 'โตขึ้น' ทำให้มันมีอะไรให้เราขบคิดตามได้ และงานภาพและเอฟเฟคสุดอลังการของปี 2016 ก็ช่วยขยับขยาย 'โลกเวทมนตร์' ให้กว้างไปอีกขั้น และที่สำคัญคือเราจะได้เห็นการใช้เวทมนตร์ต่อสู้กันได้ถึงน้ำถึงเนื้อมากขึ้นไปอีก เรียกได้ว่าคุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เหล่ามักเกิ้ลเอยจงไปดูในโรงเถิด!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ป.ล.การเปิดตัวป๋าเดปป์ไม่ปังอย่างที่คาดไว้เลย
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่
https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า Facebook ครับ ..
[Movie Review] Fantastic Beasts and Where to Find Them - ศักราชใหม่ของโลกเวทมนตร์ by ตั๋วหนังมันแพง
[หนังโรงเรื่องที่ 163] Fantastic Beasts and Where to Find Them - ศักราชใหม่ของโลกเวทมนตร์ ; (David Yates, 2016)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : A+ (จากสเกล D-A)
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : 'นิวท์ สคามันเดอร์' (Eddie Redmayne) นักสัตว์วิเศษวิทยาแห่งโลกเวทมนตร์ของอังกฤษได้เดินทางไปยังนิวยอร์คเพื่อทำวิจัยและเขียนหนังสือเกี่ยวกับสัตว์วิเศษ แต่ก็มีเหตุให้บรรดาสัตว์ทั้งหลายที่เขาเก็บไว้ใน 'กระเป๋าวิเศษ' นั้นต้องหลุดออกมา .. ซึ่งนิวท์ก็ต้องไปตามล่าจับสัตว์เหล่านี้ยัดกลับลงกระเป๋าเหมือน อีกทั้งยังซวยเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์วุ่นวายอันเกิดมาจากจอมเวทย์ด้านมืดในนิวยอร์คอีก
ต้องยอมรับเลยว่านี่เป็นการเปิดศักราชใหม่ของโลกเวทมนตร์ที่สมเกียรติเอามากๆ ผลงานสรรค์สร้างโดยผกก.คู่บุญ จาก Harry Potter Saga และเขียนบทโดยผู้ให้กำเนิดจักรวาลจอมเวย์อย่าง เจ.เค.โรวลิ่ง ได้คลอดออกมาเป็น 'หนังภาคเปิด' ที่สมดุลและงดงามเอามากๆ ครบรสชาดทั้งความแฟนตาซีของเวทมนตร์ และการเมืองที่เคร่งเครียดที่ช่วยผลักดันโทนหนังให้มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
1.ด้านเนื้อเรื่อง
ตลอดสองชั่วโมงหนังสามารถดำเนินเรื่องได้น่าสนใจ โดยการใช้พล็อต 'สัตว์วิเศษ' ของนิวท์เป็นข้ออ้างที่ดีใจการจูงมือเราเข้าไปสัมผัส-เรียนรู้กับระบบการปกครองและรูปแบบสังคมของเหล่าผู้ใช้เวทมนตร์ในนิวยอร์คได้อย่างแยบคาย ก่อนที่จะดันเรื่องไปหาพล็อตหลักที่แท้จริงของเรื่องอย่างจอมเวทย์ฝ่ายมืดได้ในที่สุด
สิ่งแรกที่ชอบก็คือการที่ เจ.เค.โรวลิ่ง เลือกที่จะสอดแทรก 'ความเป็นอเมริกา' เข้าไปในหนังได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นระบบสภา,ศาล หรือการเมืองอันเป็นรากฐานของประเทศนี้ ที่แม้แต่ชุมชนผู้วิเศษก็ยังต้องเอามาปรับใช้เป็นของตัวเอง ซึ่งมันสื่อถึง 'เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม' (uniqueness) ที่ทำให้บริบทของหนังมันดูสมจริงมากขึ้น และสามารถเอาไปขยายความได้อีกเยอะในภาคต่อๆไป
ประเด็นที่สองก็คือเนื้อเรื่องส่วนของบรรดาสัตว์วิเศษที่ถึงแม้จะเป็นเพียงพล็อตรองของเรื่อง แต่ก็มีความสำคัญในแง่ 'การโชว์ของ' ที่จะพาคนดูเข้าไปตื่นตากับความมหัศจรรย์ของโลกเวทมนตร์ได้อีกครั้ง ด้วยความที่พล็อตมันเบาๆก็เลยทำให้เราเอ็นจอยกับมันไม่ได้ยาก ถือซะว่าเป็นฉากผ่อนคลายสลับกับเนื้อเรื่องหลักที่ตึงเครียดได้ละกัน
ส่วนของข้อเสีย! ก็คือช่วงที้หนังพยายามพูดถึงลัทธิล่าแม่มด 'เซเล็มใหม่' และพลังเวทมนตร์แฝงต่างๆนาๆนั้น น่าสับสนมากกกกกกกก คือไม่ใช่ว่ามันยากเกินจะเข้าใจหรอก แต่คิดว่ามันถูกขัดเกลามาไม่ดีเสียมากกว่า เหมือนคนเขียนเข้าใจเออ-ออกันอยู่คนเดียว แล้วมารวบรัดตัดตอนให้มันพอดีกับเหตุในเนื้อเรื่องก็เท่านั้น ส่วนตัวคิดว่ามันน่าจะดีกว่านี้ได้อีกเยอะจริงๆ
2.ด้านตัวละคร
สอบผ่านแน่นอนสำหรับ 'เอ็ดดี้ เรดเมย์' ในบทบาทพ่อมดบริทิชขี้เขินผู้คลั่งไคล้สัตว์วิเศษ ซึ่งอาจจะเป็นบทที่ซ้อนทับกับบุคลิกที่แท้จริงของแกเลยก็ได้มั้ง โดยส่วนตัวรู้สึกชื่นชอบการนำเสนอตัวละคร 'นิวท์' ที่ไม่ค่อยสันทัดกับการปฏิสัมพันธ์กับคนออกมาได้สมจริงเอามากๆ จะสังเกตได้จากรังสี 'กระอักกระอ่วน' (awkward) ที่นิวท์แผ่ออกมาทุกครั้งที่ต้องคุยกับมนุษย์คนอื่นได้ชัดมาก ชัดจนเรากังวลว่าถ่ายหนังจบเอ็ดดี้จะต้องทายาแก้เคล็ดขัดยอกรึเปล่า (เห็นเอียงคอขวาทั้งเรื่องเลย) และในทางกลับกันเราจะได้เห็น 'ตัวตนที่แท้จริง' ของนิวท์ในเวลาที่เขาได้อยู่กับเหล่าสรรพสัตว์(ประหลาด)ทั้งหลาย ที่มีทั้งความอบอุ่นและความซุกซนแบบออกหน้าออกตาจนสัมผัสได้ เรียกได้ว่าบอร์น ทู บี จริงๆให้ตายสิ
นอกเหนือจากตัวละครหลักแล้ว เราก็ยังมีตัวประกอบ A ที่เราอดชื่นชมแบบเสียไม่ได้พ่วงมาด้วย ก็คือตาลุงมักเกิ้ล 'โควัลสกี้' (Dan Fogler) ที่เป็นตัวแทนของผู้ชมอย่างเราๆที่ได้มาสัมผัสโลกเวทมนตร์ที่แสนจะอลังการเหนือจินตนาการ ซึ่งตาลุงคนนี้ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเอามากๆเสียด้วยสิ ทั้งบทเหวอ บทฮา บทซึ้ง ลุงโควัลสกี้กวาดเรียบ จนไปๆมาๆเราแทบจะเอ็นดูตัวละครนี้มากกว่าตัวเอกเสียอีก (หัวเราะ)
.. แต่ขอพูดนิดนึงว่าเอาจริงๆแล้ว Warner Bros เองก็แอบหยั่งเชิงกับหนังเรื่องนี้เหมือนกันนะ ดูจากโครงพล็อตที่สร้างมานี่คือกะจะให้มันเป็น 'หนังตอนเดียวจบ' แน่ๆ แล้วค่อยมาดูกระแสตอบรับอีกทีว่าจะสร้างภาคต่อดีมั้ย (เพราะเป็นหนังเรื่องแรกที่ไม่มีเนื้อเรื่องหนังสือรองรับ) ซึ่งดูจากกระแสแล้วก็ไม่แปลกใจหรอก ที่ผู้สร้างจะวาดโครงเรื่องไปถึง 5 ภาคแล้ว
สรุปแล้ว "Fantastic Beasts and Where to Find Them" ก็ถือว่าเป็นการเปิดตัวแฟรนไชส์ใหม่ของจักรวาลแฮรี่ พอตเตอร์ได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง ด้วยพล็อตที่ 'โตขึ้น' ทำให้มันมีอะไรให้เราขบคิดตามได้ และงานภาพและเอฟเฟคสุดอลังการของปี 2016 ก็ช่วยขยับขยาย 'โลกเวทมนตร์' ให้กว้างไปอีกขั้น และที่สำคัญคือเราจะได้เห็นการใช้เวทมนตร์ต่อสู้กันได้ถึงน้ำถึงเนื้อมากขึ้นไปอีก เรียกได้ว่าคุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เหล่ามักเกิ้ลเอยจงไปดูในโรงเถิด!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หากชื่นชอบรีวิวสามารถติดตามเพจได้ที่ https://www.facebook.com/expensivemovie หรือค้นหาคำว่า "ตั๋วหนังมันแพง" ได้ที่หน้า Facebook ครับ ..