[CR] [CR] Friends Day : เฟรนด์กัน 3-4 วันที่เกาหลี แชร์เที่ยวแบบรวบรัด วิวทิวทัศน์ไม่มี ไม่เน้นรูปคนแต่บ่นไปเรื่อย DAY:1

กระทู้นี้ไม่เน้นความรู้ หรือแนะนำสิ่งจำเป็นใดๆในเกาหลีทั้งสิ้นนะ
หนังสือหนังหาไกด์ไลน์ที่อ่านไป ไม่ได้เข้าหัวแม้แต่น้อย สิ่งที่ช่วยชีวิตคือกูเกิ้ลโอนลี่
ถ้าอยากได้อะไรที่มีประโยชน์ให้เรียนรู้ หรือเป็นแนวทาง ในนี้ไม่มีค่ะ 555
รูปวิวทิวทัศน์ก็ไม่มี มีแต่หน้าตัวเองกะอะไรที่อยากถ่าย เป็นกระทู้รวบรัดที่แชร์ความรู้สึกตอนไปเที่ยวเฉยๆ
ถือว่าบอกแล้วนะ 55

ยังไงก็ มาเริ่มเลยแล้วกันเนาะ







Day 1 : ในวันที่ตามเพื่อนไม่ทัน หากินที่หมู่บ้านบุ๊กชอน ฮันอก + เดินโง่ๆที่เมียงดง + และหลงใหลไปกับสวนดอกไม้นีออน

เนื่องจากติดภารกิจ เลยต้องตามไปช้ากว่าคนอื่นเค้าหนึ่งวัน เครื่องออกตีสองหน่อยๆ นี่ก็มานั่งเล่นรอกับเพื่อนที่เป็น ตม.อยู่สนามบินดอนเมือง เม้ามอยกันตามประสา ก่อนจะขึ้นเครื่องเดินทางไปโซลด้วยความกังวลใจนิดๆ กลัวเหลือเกินว่าจะไปติดแหง่กอยู่ที่โน่น ละทำไรไม่ได้ด้วยเพราะเดินทางคนเดียว เน็ตก็ไม่มี ไม่มีใครรู้ T^T

9.25 โมงเช้า เวลาเกาหลี (ไวกว่าไทย 2 ชม.)
ด้วยความเคลื่อนที่เร็ว ก็เลยหลุดจากกลุ่มคนไทยที่ขึ้นเครื่องมาเที่ยวบินเดียวกัน ไปเดินอยู่กับฝูงชนเกาหลีเจ้าถิ่น ละก็หลงทางไปตามประสาอยู่พักนึง ก่อนจะถูกไล่ต้อนมาเข้าแถวผ่านด่าน ตม.

มีคนก่อนหน้าโดนเรียกเข้าห้องเย็น ราวๆ 5 คน
ว่ากันแบบตรงไปตรงมา 3 ในนั้นพอดูออกนะว่ามาทำงาน ส่วนอีก 2 นี่ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ผ่าน ไม่แน่ใจเหมือนกัน

แต่เอาล่ะ ตาเราละ.. เดินเข้าไปแบบใจตุ้มๆต่อมๆ

เรา :  Morning.
ตม.เกา : Good morning. (หน้าตาเรียบเฉย)
เสียงเครื่องแสกนนิ้วดังเป็นภาษาไทย ... กรุณาวางนิ้วลงช่อง ...ค่ะ

เสร็จ.

เอ้า..ผ่านละรึ ทำไมมันง่ายนัก  O_o!!
รู้สึกไม่สบายใจ.. แล้วที่เราท่องมาเพื่อตอบคำถามพร้อมใบสำคัญทางหน้าที่การงาน หลักฐานแสดงตัวและจิปาถะล่ะ
ไม่สนใจเราเลยยยย อุตส่าซ้อมท่าน่าเชื่อถือมาตั้งสองอาทิตย์ นี่ออกแรงหวาดกลัวมาพักใหญ่ อะไรวะ 55

เอาเต๊อะ เข้าก็เข้า (ยังมีหน้ามาพูดนะ)

แฟนมารอรับอยู่ตรงทางออกจากสนามบิน นางกังวลนึกว่าเราติดอยู่ในนั้นเพราะช้ามาก
ป่าว..หลงทางอีกรอบนี่แหละ เลี้ยวผิดละงง เดินวนไปวนมาอยู่พักใหญ่ น่องยอกหมดละ
ตม.ก็ผ่านแล้ว แต่ถ้าออกไม่ได้เพราะหลงทิศ นี่คงอนาถจริงๆนะ

ไม่ได้เตรียมตัวเป็นผู้ประสบภัย ออกจากสนามบินไม่ได้(เพราะโง่)มาก่อนด้วยในชีวิต  - -“


เต่าเอือม


ผ่านไปชม.นึง สุดท้ายก็หาทางออกมาเจอแฟนจนได้ ก็นั่งรถไฟไปที่พักแถวฮงแด เอาของไปเก็บก่อน แล้วว่าจะตามไปสมทบกับเพื่อนที่หมู่บ้านฮันอก

แต่พอไปได้ครึ่งทาง ก็เอ็นดูเพื่อนๆที่อุตส่ารออยู่เป็นระยะ เที่ยงละด้วย เลยบอกให้เพื่อนไปกันก่อนเลย แล้วจะตามไปเรื่อยๆ ทันตรงไหนก็ตรงนั้น เพราะถ้ามัวรอกันเดี๋ยวคนอื่นเค้าจะไม่ได้เที่ยว เพื่อนๆก็เลยล่วงหน้าไปเดินถ่ายรูปเล่นรอกันที่เกาะนามิเป็นสถานีถัดไปกันก่อน ส่วนเรากับแฟนก็หาทางไปหมู่บ้านฮันอก ละก็ว่าจะหาร้านข้าวนั่งกิน

ปล.แวะเซเว่นแป๊บนึง เจอกาแฟสตาบั้คแบบหลอดยืดได้ มันก็คงมีมานานแล้วอะนะ แต่พี่ตื่นเต้นกะวิวัฒนาการและรสชาติของมันมาก คืออร่อย.. อร่อย แบบว่า อร่อยอะอธิบายไม่ถูก ได้แต่ดีดไปดีดมาและกรีดร้องชอบใจ ใครไปที่นั่นต้องลองนะ เป็นความธรรมดาที่ละมุนลิ้นมาก




ถนนทางไปหมู่บ้านฮันอกก็สวยมาก เรียงรายประดับประดาด้วยต้นแปะก๊วยสีเหลืองสะพรั่ง สวยมากๆ แค่เดินผ่านแล้วมองก็มีความสุขแล้วอะ

แฟนบอกว่า “สวยเนาะ รู้สึกเหมือนอยู่ในต่างประเทศเลย”
เอิ่ม.. ก็ใช่ไงคะ เราอยู่ต่างประเทศกันนิ 55



เดินไปได้ซักพัก หิว..
หันไปเห็นร้านแผงลอยข้างทางเล็กๆพอดี กะจะหาอะไรกินรองท้องซะหน่อย
มีโอเด้งสีชืดๆกะต๊อกในน้ำแดงๆ สีเข้มข้นแบบไร้เหตุผล
ไม่ได้คาดหวังอะไรอยู่แล้ว กะกินๆไปให้ท้องเลิกหิว แล้วจะรีบไปเดินต่อ
ป้าไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ เราเลยต้องใช้สกิลภาษาเกาหลีอันลึกล้ำที่เพียรท่องมาแบบยาวเหยียดในการสั่งว่า..

“อาจุมม่า อิก๊อๆ” (ป้า เอาอันนี้)
ถึงสำเนียงเราจะทุเรส แต่ดูป้าก็เข้าใจดีนะ
“โบ๋ย ยะ (อะไรนิ)” ซึ่งคำตอบของป้าพี่ฟังไม่ออกแม้แต่น้อย แต่แอคติ้งแซงรัชดาลัยในสายเลือดมันกระตุ้นให้ตอบว่า อ๊ออออ.. พร้อมทำหน้าเกทเป็นอย่างมาก สีหน้าป้าดูพอใจที่สื่อสารกะเราสำเร็จ เราแอ๊บทำหน้าฉลาดเนียนสินะ




จากนั้นก็กิน ปรากฏว่า... อร๊อยยยยยย (เสียงสูง)

น้ำซุปก็ไม่ได้จืดเหมือนที่ตาเห็น โอเด้งปลาก็หนุบๆกำลังดี ป้ากะลุงก็แสนจะใจดี ให้เติมน้ำซุปได้เรื่อยๆ (จริงๆคงเห็นความตะกละตะกลามของเรากะแฟน ยืนกินกันได้หิวโหยอดอยากมั้ง 55) อร่อยมากเลยอันนี้

สุดท้ายก็ตั้งหลักนั่งกินกันจริงจังแจ่ะ ไม่จบแค่โอเด้งด้วย กินไปเรื่อยๆเท่าที่กระเพาะจะเอาเข้าไปได้ นิสัยคนอ้วนทั้งคู่อะ





พออิ่มก็เคลื่อนที่ หาทางไปหมู่บ้านฮันอกกันต่อ

ไปได้ซอยเดียวหันไปเห็นสาวๆในชุดฮันบกเป็นระยะ กระตุ้นความอยากเหลือเกิน ไม่ได้การณ์ละ

เราหันไปหาสาวเวียดนามคนนึง ที่เดินใกล้เราที่สุดว่านางไปหาชุดมาจากไหน พวกนางก็ใจดีพาเดินไปส่งถึงร้านเช่า ซึ่งก็ไม่ไกลจากที่นั่นมาก ในร้านละลานตาไปด้วยชุดฮันบกน่ารักๆทั้งของผช และผญ เลย
อย่างไม่ต้องสืบ จัดซะหน่อย..
เราบอกอิเจ๊เจ้าของร้านพร้อมทำหน้าตามุ่งมั่นว่า “ โน กีแซง กงจู ” (ไม่เอากีแซง จะเป็นเจ้าหญิงขร่ะ ทำท่าประกอบการพูดด้วย) นางกลั้นขำแต่ก็เลือกชุดให้

ได้ยินเสียงอ่อยๆของแฟนตัวเองแว่วๆมาตามลมจากด้านหลัง “เค้าต้องใส่ด้วยเหรอคะ..”
เรายิ้มหวานแต่สายตาอำมหิตแทนคำตอบ


สภาพจริงไม่ได้เป็นดั่งภาพที่เห็นในรูปถ่าย กว่าจะได้แต่งตัว ถ่ายรูปละเดินลงมาจากร้าน เราต้องคอยประคับประคอง ให้กำลังใจแฟนหน้าบูดเหมือนตูดหมาเน่ามาเป็นระยะๆ นางรำคาญชุด นางไม่อยากใส่ แต่นางเลือกไม่ได้ และนางแสดงพลังอำนาจการต่อต้าน (ที่มีอยู่จึ๋งนึง) ด้วยการใส่หมวกยุคปัจจุบันในคอสตูมฮันบกไปด้วย ซึ่งเราหยวนให้ เพราะเราเป็นคนมีเหตุผล และใจกว้าง

จากนั้นก็ถ่ายรูปเล่นกะเพื่อนร่วมคอสตูมซะหน่อย เจอหน้าร้าน






ขาเดินไปยังหมู่บ้านฮันอก ต้องผ่านร้านลุงป้าโอเด้งอีกรอบ เราก็ไปหยุดยืนเรียกร้องความสนใจให้ป้าชื่นชมในความงามเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามชาวบ้านเค้าเข้าไปในหมู่บ้าน(ซะที) ป้าส่งเสียงภาษาเกาหลีที่เราฟังออกอยู่คำนึงว่า
“น่ารัก” ยอปุ้ดต้า ปุ้ดเต้ อะไรซักอย่าง ซึ่งพอใจละ ท่อนอื่นช่างมัน ไม่ได้ฟัง ฟังไม่ออก

เม่าบัลเล่ต์

เลี้ยวเข้าทางขึ้นหมู่บ้าน เจอร้านนมกล้วยดักก่อน กินก็ได้วะ
รสชาติอร่อยดีนะ ก็นมๆกล้วยๆนี่แหละ
สำหรับเราไม่รู้สึกว่าอร่อยจนต้องขนกลับไปกิน แต่คิดว่ามาเกาหลีทั้งที่ก็ควรลอง ความชอบแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนได้กินแล้วอาจจะรู้สึกอร่อยมาก จนแค่กินยังไม่พอต้องซื้อกลับไปอาบที่บ้านก็ได้นะ

เดินมาอีกหน่อยก็เจอทางเข้าบ้านส่วนตัวของใครซักคน มีน้องๆเกาหลีในชุดฮันบกมาเชิญชวนเข้า ซึ่งพอเราหิ้วกระโปรงแตะธรณีประตูเท่านั้นแหละ อิเด็กนี่รีบบอกราคาเลย
เฉลี่ยเป็นเงินไทย หัวละสี่ร้อยกว่า
ขร่ะ.. พี่ยกเท้าเล่นไปงั้น ออกดีกว่า คิดเงินด้วยนะแหม อห. 55

จากนั้นก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ หมูบ้านฮันอกนี่จะเป็นเนินซะส่วนใหญ่ ทำให้เราเดินลำบากมาก เพราะนอกจากเนินบางที่จะเอียง 45 องศาแล้วนั้น กระโปรงฟูฟ่องเป็นยองใยก็น่ารำคาญเหลือเกิน

สภาพตอนปีน ดังรูป


เดินไปได้ซักพัก นักท่องเที่ยวประเทศอะไรไม่รุ้ที่ไม่ใช่จีน ทักทายเราบางๆด้วยคำว่า “หนีห่าวว”

ไม่ใช่ว่าหน้าตาเราเหมือนจีนหรอก แต่คิดว่าน่าจะเพราะได้ยินเราพูดแล้วคิดว่าเราเป็นคนจีนมากกว่า
ซึ่ง..เข้าใจผิดแล้วล่ะ

“เชี่ย เชี่ย” ไม่ได้มาจากภาษาจีนที่แปลว่าขอบคุณหรอกนะคะ

มันเป็นคำสร้อยภาษาไทยค่ะ จะออกมายามไม่พอใจหรือกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก เช่น การหอบกระโปรงพร้อมเดินขึ้นเนินลาดชันโง่ๆยาวๆนี่
เป็นต้น..

เรียนรู้นะคะชาวต่างชาติ ยูโน๊ว





เดี๋ยวมาต่อด้วยเมียงดง.. ปั่นงานก่อย >,<”
ชื่อสินค้า:   Day 1 : ในวันที่ตามเพื่อนไม่ทัน หากินที่หมู่บ้านบุ๊กชอน ฮันอก + เดินโง่ๆที่เมียงดง + และหลงใหลไปกับสวนดอกไม้นีออน
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่