สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม 2559 เป็นวันแรกที่เปิดให้ประชาชนเดินทางเข้าไปสักการะพระบรมศพ
ประชาชนต่างเฝ้ารอวันนี้นับตั้งแต่ท่านทรงสวรรคต เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่รอให้ถึงวันนี้ เราและเพื่อนจึงนัดกันว่าเราจะไปต่อคิวกันนะ แต่วันนั้นเราต่างคาดการณ์เวลาผิดจึงไปสายแล้ว(8.30 น.) ระหว่างทางเราก็นั่งดูข่าวในโซเชียลไป แล้วพบว่ามีประชาชนไปรอต่อแถวกันตั้งแต่เที่ยงคืนหรือมากกว่านั้น
จนถึงตี5 แถวประชาชนก็ยาวครบรอบสนามหลวงเสียแล้ว แต่เป็นไงก็เป็นกันเราตั้งใจมาแล้วก็ต้องห้ามท้อ เมื่อไปถึงเราจึงไปต่อแถวรับคิว (ซึ่งมารู้ภายหลังขณะต่อแถว) ว่างดแจกคิว คือจะให้เข้าไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงเวลาครบกำหนด เราจึงต่อแถวเรื่อยไป ระยะเวลาการขยับแถวกว่าจะครบแถวนั้นกินเวลาเกิน 1ชั่วโมง (ตอนไปถึงอยู่ประมาณแถวที่4) รูปแบบแถวก็คือคดไปมาอยู่ในสนามหลวง
เรากับเพื่อนยืนกันจนถึง ชั่วโมงที่ 5 เจ้าหน้าที่ก็มาประกาศแจ้งให้ทราบว่า แถวที่เรายืนอยู่นั้นคือส่วนใด สิ่งที่เราได้ยินคือ เจ้าหน้าที่บอกว่า เห็นแถวด้านซ้ายมือของท่านไหมครับ ไม่ใช่เขามายืนรอต่อแถวรับอาหารนะ แต่แถวนั้นคือหางแถวที่จะเข้าไปสักการะพระบรมศพ ส่วนแถวที่ท่านยืนคือ หางของหางของหางแถวครับ อย่าเพิ่งท้อขอให้อดทน (เสียงของคำว่าหางของหางของหางแถว) ก้องอยู่ในหูแบบเสียงเวลาเปิดวิทยุแล้วมีเสียงแอคโค่ แบบตกใจที่ยืนมา 5 ชั่วโมงเพิ่งอยู่ส่วนนี้งั้นหรอ เราจึงคำนวนเวลาและความน่าจะเป็นของแถวที่เคลื่อน แล้วหันไปมองหน้าเพื่อนแล้วบอกว่า เอาไงวะ คิดว่าไม่ทันวะ ใจจริงก็อยากจะลองยืนสู้ดูสักตั้ง แต่อีกใจมันก็บอกว่าจากที่เห็นแล้วไม่ทันแน่นอน บวกกับระหว่างที่ยืนในแถวนั้น สภาพอากาศร้อนถึงร้อนมาก จะกินอะไรก็ไม่กล้ากินกลัวต้องไปเข้าห้องน้ำ(ของที่ทุกคนนำมาแจกมีตลอดเวลา) เราจึงอดทน ไม่ยอมกินอะไรเลย นอกจากจิบน้ำ จึงทำให้เราหิวมาก เนื่องจากออกจากบ้านมาก็คิดว่าจะมารับคิวก่อนแล้วค่อยไปหาอะไรกินกัน (ตามที่เจ้าหน้าที่แจ้งในข่าว) พอมาถึงกลับกลายเป็นว่าผิดแผน เลยต้องต่อแถวไป เรากลับเพื่อนจึงคิดกันว่า ไปเราไปหาข้าวกินกันวันนี้ถึงยังไงไม่ได้แน่ๆ ไปกินข้าวแล้ววางแผนใหม่ เราจึงเดินออกจากแถวกันมา(ภารกิจ ความตั้งใจของพวกเราวันนี้จึงต้องเดินคอตกกันไป)
หลังจากนั้น เราจึงเริ่มนัดแนะกันใหม่โดยเลือกวันธรรมดาแทน ด้วยหวังว่าคนบางส่วนคงติดงาน อย่างน้อยก็คงไม่เยอะเท่าวันหยุด เราจึงจัดแจงนัดกันแล้วลาพักร้อน งานประจำ เพื่อมาต่อแถวอีกครั้ง เรานัดกันที่วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน 2559 โดยก่อนถึงวันที่นัด เราต่างติดตามข่าวของผู้เดินทางมาสักการะพระบรมศพ จนพอใกล้ถึงวันเราจึงนัดกันที่ เวลาตี4 เราจะมาต่อแถวกันอีกครั้ง(ถึงตี4นะว้อยย ไม่ใช่ออกตี4นะ ย้ำกับเพื่อนอยู่หลายรอบ) เมื่อมาถึง เราพบประชาชนที่มาต่อคิวจำนวนมาก (มากกว่าที่เราคิด) วันธรรมดานะเนี้ย นี่ตี4 ทำไมมันเยอะขนาดนี้ และเราก็ยืนต่อคิว
จุดที่ 1 จุดตรวจก่อนเข้าคิว
ในด่านแรก คือการต่อคิวเพื่อเข้าไปยังบริเวณด้านในสนามหลวง โดยจะมีเครื่องสแกนตรวจจับให้เราเดินผ่านเข้าไป และเจ้าหน้าที่ตำรวจ คอยตรวจค้นของต้องห้าม เช่น มีด กรรไกร อาวุธ ห้ามพกเด็ดขาด!!!! หากเป็นชาย จะมีการค้นตัวด้วย เมื่อผ่านเข้ามาก็เดินตามทางต่อคิว
จุดที่ 2 จุดนั่งรอ
ในจุดนี้หากใครที่เข้ามาถึงโซนเก้าอี้นั่งแล้วนั้น นั่นหมายถึงอีกไม่กี่อึดใจ ท่านจะได้เข้าไปหาท่านผู้เป็นที่รักแล้ว เพราะระหว่างทางก่อนถึงจุดนี้ทุกคนจะต้องยืนเข้าแถวในเต้นท์ ซึ่งหากคนเยอะก็ต้องยืนค่อนข้างนานกว่าจะมาถึงจุดที่เป็นเก้าอี้นั่ง
จุดที่ 3 จุดแถวภายในพระบรมมหาราชวัง
เมื่อได้เข้ามาแล้ว(รอยยิ้มเริ่มเกิด) ก็จะต้องเดินเข้าไปเพื่อรอคิว มีความรู้สึกสิ่งที่ตั้งใจกำลังจะเป็นความจริง ในที่สุดก็ได้เข้ามา
จุดที่ 4 จุดรอภายในพื้นที่ชั้นในด้านนอกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
เมื่อเข้ามาถึงพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทจุดนี้ เจ้าหน้าที่จะมีการแจกถุงเพื่อให้ประชาชนถอดรองเท้า และถุงเท้าใส่ไว้ในถุง และ ให้นำกระเป๋ามาถือไว้ด้านหน้า โดยจะไม่มีการสะพายใดใดเด็ดขาด และที่สำคัญห้ามถ่ายรูปโดยเด็ดขาด!! จากนั้นก็ตามลำดับการเรียกแถว
จุดที่ 5 จุดสักการะพระบรมศพ(ในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท)
เมื่อทุกได้เข้าไปแล้ว จะมีเวลาไม่นานนัก เจ้าหน้าที่จะคอยบอกว่าเราต้องทำอย่างไร นำของทั้งหมดที่ถือมาวางไว้ด้านขวามือ และนั่งพับเพียบ อย่าชิดนักเว้นพื้นที่ให้มีพื้นที่ในการก้มลงกราบ(กราบแบบไม่แบมือ) และเจ้าหน้าที่จะบอกกราบ ให้ทุกคนกราบ จากนั้นก็ให้ทุกคนได้ระลึกถึงท่าน และบอกความในใจกับท่านเท่าที่เรารู้สึก ช่วงระยะหนึ่ง (สำหรับเราพอเข้าไป แทบไม่ได้บอกอะไร ได้เพียงมองให้ได้นานที่สุด และบอกว่า ไม่ว่าจะเกิดอีกกี่ชาติเราจะขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป ขอพระองค์ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ซึ่งเราไม่รู้ว่าสิ่งที่เราพูดไปตอนนั้นมันถูกต้องหรือไม่ แต่นั่นมันคือความรู้สึกของเรา ณ ขณะนั้นที่เราอยากจะทำ) บรรยากาศคนรอบข้างเรารู้สึกรับรู้ได้ว่าทุกคนเสียใจมากแค่ไหน บางคนร้องไห้ เราเองก็น้ำตาซึมเหมือนกัน มันเจ็บปวดอยู่ข้างในที่ต้องมาเห็นภาพแบบนี้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะแจ้งให้เราลุก เพื่อให้คนอื่นได้เข้ามาบ้าง เมื่อลงมาก็ต้องคืนถุงแก่เจ้าหน้าที่ เพื่อให้คนต่อไปได้ใช้
จุดที่ 6 จุดออก

เมื่อออกจากประตูด้านในจะมีเจ้าหน้าที่ให้รูปภาพที่ระลึกคนละ 1 ใบ และก็เดินเป็นแถวออกมา ระหว่างทางก่อนถึงทางออกด้านนอก จะมีเจ้าหน้าที่แจกน้ำดื่ม นม และถุงข้าวพอเพียง คนละ 1 ถุง จากนั้นจึงเดินออกจากประตูวัง
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2559(ระยะเวลาของเราทั้งหมด)
02.30 น. อาบน้ำแต่งตัว
03.30 น. ออกจากที่พัก(ย่านแคราย นนทบุรี)
04.00 น. ถึงสนามหลวงต่อคิว
06.00 น. เข้าไปในพระบรมมหาราชวัง
--คาดคะเนเวลา--(เพราะดูเวลาอีกทีตอนออก)
06.40 น. เข้าไปยังจุดรอด้านใน
07.15 น. เข้าสักการะพระบรมศพ
07.25 น. ออกถึงยังด้านนอก
เมื่อออกมาเราก็แวะเก็บภาพวาดหน้า ม.ศิลปากร นิดหน่อย คนวาดเก่งจัง สวยมาก เห็นแล้วยิ่งคิดถึงท่านมาก
หากให้แนะนำไปวันธรรมดา เวลาเช้าได้ควรไปเพราะ อากาศกำลังดีเย็นนิดๆยืนได้สบายๆ ไม่ร้อนอบอ้าว ทำให้สามารถยืนได้อึดทึกทน หากไปสายคนจะยิ่งมากขึ้น แดดจะเริ่มออก อาจทำให้เวลาในการยืนเพิ่มมากขึ้น และสภาพร่างกายอ่อนล้าจากสภาพอากาศได้ หรือไปช่วงเย็น หลังเลิกงานช่วงเวลาสัก หกโมงเย็นเป็นต้นไป มีคนบอกว่า คนจะไม่ค่อยเยอะมาก การเดินทางหากมาตอนเช้า สามารถนั่งแท็กซี่มาได้เลย เร็วมากรถไม่ติด หากมาสายสำหรับเรา แนะนำเรือด่วนเจ้าพระยาก็ง่ายเร็ว ถ้าใครสะดวกทางเรือ
บันทึกแห่งความทรงจำ : เมื่อฉันไปกราบพ่อ ที่พระบรมมหาราชวัง
ประชาชนต่างเฝ้ารอวันนี้นับตั้งแต่ท่านทรงสวรรคต เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่รอให้ถึงวันนี้ เราและเพื่อนจึงนัดกันว่าเราจะไปต่อคิวกันนะ แต่วันนั้นเราต่างคาดการณ์เวลาผิดจึงไปสายแล้ว(8.30 น.) ระหว่างทางเราก็นั่งดูข่าวในโซเชียลไป แล้วพบว่ามีประชาชนไปรอต่อแถวกันตั้งแต่เที่ยงคืนหรือมากกว่านั้น
จนถึงตี5 แถวประชาชนก็ยาวครบรอบสนามหลวงเสียแล้ว แต่เป็นไงก็เป็นกันเราตั้งใจมาแล้วก็ต้องห้ามท้อ เมื่อไปถึงเราจึงไปต่อแถวรับคิว (ซึ่งมารู้ภายหลังขณะต่อแถว) ว่างดแจกคิว คือจะให้เข้าไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงเวลาครบกำหนด เราจึงต่อแถวเรื่อยไป ระยะเวลาการขยับแถวกว่าจะครบแถวนั้นกินเวลาเกิน 1ชั่วโมง (ตอนไปถึงอยู่ประมาณแถวที่4) รูปแบบแถวก็คือคดไปมาอยู่ในสนามหลวง
เรากับเพื่อนยืนกันจนถึง ชั่วโมงที่ 5 เจ้าหน้าที่ก็มาประกาศแจ้งให้ทราบว่า แถวที่เรายืนอยู่นั้นคือส่วนใด สิ่งที่เราได้ยินคือ เจ้าหน้าที่บอกว่า เห็นแถวด้านซ้ายมือของท่านไหมครับ ไม่ใช่เขามายืนรอต่อแถวรับอาหารนะ แต่แถวนั้นคือหางแถวที่จะเข้าไปสักการะพระบรมศพ ส่วนแถวที่ท่านยืนคือ หางของหางของหางแถวครับ อย่าเพิ่งท้อขอให้อดทน (เสียงของคำว่าหางของหางของหางแถว) ก้องอยู่ในหูแบบเสียงเวลาเปิดวิทยุแล้วมีเสียงแอคโค่ แบบตกใจที่ยืนมา 5 ชั่วโมงเพิ่งอยู่ส่วนนี้งั้นหรอ เราจึงคำนวนเวลาและความน่าจะเป็นของแถวที่เคลื่อน แล้วหันไปมองหน้าเพื่อนแล้วบอกว่า เอาไงวะ คิดว่าไม่ทันวะ ใจจริงก็อยากจะลองยืนสู้ดูสักตั้ง แต่อีกใจมันก็บอกว่าจากที่เห็นแล้วไม่ทันแน่นอน บวกกับระหว่างที่ยืนในแถวนั้น สภาพอากาศร้อนถึงร้อนมาก จะกินอะไรก็ไม่กล้ากินกลัวต้องไปเข้าห้องน้ำ(ของที่ทุกคนนำมาแจกมีตลอดเวลา) เราจึงอดทน ไม่ยอมกินอะไรเลย นอกจากจิบน้ำ จึงทำให้เราหิวมาก เนื่องจากออกจากบ้านมาก็คิดว่าจะมารับคิวก่อนแล้วค่อยไปหาอะไรกินกัน (ตามที่เจ้าหน้าที่แจ้งในข่าว) พอมาถึงกลับกลายเป็นว่าผิดแผน เลยต้องต่อแถวไป เรากลับเพื่อนจึงคิดกันว่า ไปเราไปหาข้าวกินกันวันนี้ถึงยังไงไม่ได้แน่ๆ ไปกินข้าวแล้ววางแผนใหม่ เราจึงเดินออกจากแถวกันมา(ภารกิจ ความตั้งใจของพวกเราวันนี้จึงต้องเดินคอตกกันไป)
หลังจากนั้น เราจึงเริ่มนัดแนะกันใหม่โดยเลือกวันธรรมดาแทน ด้วยหวังว่าคนบางส่วนคงติดงาน อย่างน้อยก็คงไม่เยอะเท่าวันหยุด เราจึงจัดแจงนัดกันแล้วลาพักร้อน งานประจำ เพื่อมาต่อแถวอีกครั้ง เรานัดกันที่วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน 2559 โดยก่อนถึงวันที่นัด เราต่างติดตามข่าวของผู้เดินทางมาสักการะพระบรมศพ จนพอใกล้ถึงวันเราจึงนัดกันที่ เวลาตี4 เราจะมาต่อแถวกันอีกครั้ง(ถึงตี4นะว้อยย ไม่ใช่ออกตี4นะ ย้ำกับเพื่อนอยู่หลายรอบ) เมื่อมาถึง เราพบประชาชนที่มาต่อคิวจำนวนมาก (มากกว่าที่เราคิด) วันธรรมดานะเนี้ย นี่ตี4 ทำไมมันเยอะขนาดนี้ และเราก็ยืนต่อคิว
จุดที่ 1 จุดตรวจก่อนเข้าคิว
ในด่านแรก คือการต่อคิวเพื่อเข้าไปยังบริเวณด้านในสนามหลวง โดยจะมีเครื่องสแกนตรวจจับให้เราเดินผ่านเข้าไป และเจ้าหน้าที่ตำรวจ คอยตรวจค้นของต้องห้าม เช่น มีด กรรไกร อาวุธ ห้ามพกเด็ดขาด!!!! หากเป็นชาย จะมีการค้นตัวด้วย เมื่อผ่านเข้ามาก็เดินตามทางต่อคิว
จุดที่ 2 จุดนั่งรอ
ในจุดนี้หากใครที่เข้ามาถึงโซนเก้าอี้นั่งแล้วนั้น นั่นหมายถึงอีกไม่กี่อึดใจ ท่านจะได้เข้าไปหาท่านผู้เป็นที่รักแล้ว เพราะระหว่างทางก่อนถึงจุดนี้ทุกคนจะต้องยืนเข้าแถวในเต้นท์ ซึ่งหากคนเยอะก็ต้องยืนค่อนข้างนานกว่าจะมาถึงจุดที่เป็นเก้าอี้นั่ง
จุดที่ 3 จุดแถวภายในพระบรมมหาราชวัง
เมื่อได้เข้ามาแล้ว(รอยยิ้มเริ่มเกิด) ก็จะต้องเดินเข้าไปเพื่อรอคิว มีความรู้สึกสิ่งที่ตั้งใจกำลังจะเป็นความจริง ในที่สุดก็ได้เข้ามา
จุดที่ 4 จุดรอภายในพื้นที่ชั้นในด้านนอกพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
เมื่อเข้ามาถึงพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทจุดนี้ เจ้าหน้าที่จะมีการแจกถุงเพื่อให้ประชาชนถอดรองเท้า และถุงเท้าใส่ไว้ในถุง และ ให้นำกระเป๋ามาถือไว้ด้านหน้า โดยจะไม่มีการสะพายใดใดเด็ดขาด และที่สำคัญห้ามถ่ายรูปโดยเด็ดขาด!! จากนั้นก็ตามลำดับการเรียกแถว
จุดที่ 5 จุดสักการะพระบรมศพ(ในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท)
เมื่อทุกได้เข้าไปแล้ว จะมีเวลาไม่นานนัก เจ้าหน้าที่จะคอยบอกว่าเราต้องทำอย่างไร นำของทั้งหมดที่ถือมาวางไว้ด้านขวามือ และนั่งพับเพียบ อย่าชิดนักเว้นพื้นที่ให้มีพื้นที่ในการก้มลงกราบ(กราบแบบไม่แบมือ) และเจ้าหน้าที่จะบอกกราบ ให้ทุกคนกราบ จากนั้นก็ให้ทุกคนได้ระลึกถึงท่าน และบอกความในใจกับท่านเท่าที่เรารู้สึก ช่วงระยะหนึ่ง (สำหรับเราพอเข้าไป แทบไม่ได้บอกอะไร ได้เพียงมองให้ได้นานที่สุด และบอกว่า ไม่ว่าจะเกิดอีกกี่ชาติเราจะขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป ขอพระองค์ส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ซึ่งเราไม่รู้ว่าสิ่งที่เราพูดไปตอนนั้นมันถูกต้องหรือไม่ แต่นั่นมันคือความรู้สึกของเรา ณ ขณะนั้นที่เราอยากจะทำ) บรรยากาศคนรอบข้างเรารู้สึกรับรู้ได้ว่าทุกคนเสียใจมากแค่ไหน บางคนร้องไห้ เราเองก็น้ำตาซึมเหมือนกัน มันเจ็บปวดอยู่ข้างในที่ต้องมาเห็นภาพแบบนี้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะแจ้งให้เราลุก เพื่อให้คนอื่นได้เข้ามาบ้าง เมื่อลงมาก็ต้องคืนถุงแก่เจ้าหน้าที่ เพื่อให้คนต่อไปได้ใช้
จุดที่ 6 จุดออก
เมื่อออกจากประตูด้านในจะมีเจ้าหน้าที่ให้รูปภาพที่ระลึกคนละ 1 ใบ และก็เดินเป็นแถวออกมา ระหว่างทางก่อนถึงทางออกด้านนอก จะมีเจ้าหน้าที่แจกน้ำดื่ม นม และถุงข้าวพอเพียง คนละ 1 ถุง จากนั้นจึงเดินออกจากประตูวัง
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2559(ระยะเวลาของเราทั้งหมด)
02.30 น. อาบน้ำแต่งตัว
03.30 น. ออกจากที่พัก(ย่านแคราย นนทบุรี)
04.00 น. ถึงสนามหลวงต่อคิว
06.00 น. เข้าไปในพระบรมมหาราชวัง
--คาดคะเนเวลา--(เพราะดูเวลาอีกทีตอนออก)
06.40 น. เข้าไปยังจุดรอด้านใน
07.15 น. เข้าสักการะพระบรมศพ
07.25 น. ออกถึงยังด้านนอก
เมื่อออกมาเราก็แวะเก็บภาพวาดหน้า ม.ศิลปากร นิดหน่อย คนวาดเก่งจัง สวยมาก เห็นแล้วยิ่งคิดถึงท่านมาก
หากให้แนะนำไปวันธรรมดา เวลาเช้าได้ควรไปเพราะ อากาศกำลังดีเย็นนิดๆยืนได้สบายๆ ไม่ร้อนอบอ้าว ทำให้สามารถยืนได้อึดทึกทน หากไปสายคนจะยิ่งมากขึ้น แดดจะเริ่มออก อาจทำให้เวลาในการยืนเพิ่มมากขึ้น และสภาพร่างกายอ่อนล้าจากสภาพอากาศได้ หรือไปช่วงเย็น หลังเลิกงานช่วงเวลาสัก หกโมงเย็นเป็นต้นไป มีคนบอกว่า คนจะไม่ค่อยเยอะมาก การเดินทางหากมาตอนเช้า สามารถนั่งแท็กซี่มาได้เลย เร็วมากรถไม่ติด หากมาสายสำหรับเรา แนะนำเรือด่วนเจ้าพระยาก็ง่ายเร็ว ถ้าใครสะดวกทางเรือ