ヽ( ´ー`)ノ ❤ วิ่งเทรลบนเทือกเขา Mont Blanc 102 Km ผ่าน 3 ประเทศ ...รักก็ต้องไป ไปให้รู้ว่าจะสู้ได้ไกลแค่ไหน.. ❤


สวัสดีค่ะ  อุ๊บอิ๊บเองนะ ^__^
( แหม่...แนะนำซะเหมือนคนรู้จักเยอะ 555  ย้อนไปทำความรู้จักกับอิ๊บได้จากกระทู้ก่อนๆที่เคยเขียนไว้ได้นะคะ )

ห่างหายจากการเขียนกระทู้ไปนานค่ะ กลับมาพร้อมกับงานใหญ่ 2 งานที่ไปร่วมลงสนามมา
ไม่เคยคิดเหมือนกันค่ะว่าตัวเองจะมีโอกาสได้เป็นหนึ่งในคนที่วิ่งสนามนี้ด้วย  สนามที่เป็นความฝันลึกๆในใจเลยล่ะ
(จากนี้ของแทนตัวเองด้วย อักษรย่อ ออ. เหมือนเดิมนะคะ)
ช่วงเวลาที่ห่างกันไม่ถึง 1 เดือน ออ.ได้มีโอกาสเดินทางไปแข่งขันงานวิ่งเทรลที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกถึง2งานติดกัน นั่นคือรายการ
Ultra Trail Du Mont Blanc (UTMB) และ Ultra Trail Mt.Fuji (UTMF)
ทั้ง2สนามนี้...ออ.เชื่อว่าไม่มีนักวิ่งเทรลคนไหนไม่รู้จักและกล้าปฎิเสธเลยว่า
“ครั้งหนึ่งในชีวิต อยากมาพิชิต...สักครั้ง”



การจะได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันมีขั้นตอนอยู่ค่ะ เนื่องจากเป็นสนามแข่งที่เป็นที่หมายปองของนักวิ่งเทรลจากทั่วทุกมุมโลก
นักวิ่งที่จะได้เข้าร่วม จึงต้องฝ่าด่านเพื่อจะได้เข้าแข่งขัน นั่นคือการเก็บแต้มและต้องมีดวง

ออ.จะอธิบายคร่าวๆนะคะ “แต้ม”ที่จะนำมายื่นสมัคร เราจะได้จากการเป็นFinisherในแข่งขันรายการวิ่งระยะไกลจากสนามอื่นๆมาก่อน ซึ่งแต่ละงานจะมีแต้มไม่เท่ากันแล้วแต่ความยาก-ง่ายของงานที่เราไปแข่งขัน  พอเรามีแต้มครบ(ตามที่เค้าต้องการ) เราก็นำแต้มเหล่านั้นมายื่นสมัครในการแข่ง UTMB ,  UTMF นี้ได้  แต่ทว่า UTMB จะพิเศษกว่าตรงที่ทุกคนที่มีคะแนน ก็จะต้องมาลุ้น Lottory กันอีกรอบเพื่อหาผู้โชคดีที่จะได้แข่งกันต่อไป ( เห็นมั้ยว่ามีคะแนนอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีดวงอีกต่างหาก )

ข้ามขั้นตอนเหล่านี้ไป  เอาเป็นว่า 2 งานนี้  ออ.มีทั้งแต้มและดวง
จึงทำให้มีโอกาสได้เป็น 1 ในนักวิ่งของปีนี้ด้วย อมยิ้ม21

แต่ถ้าหากใครพอจะติดตามการแข่งขันของ ออ.มาตั้งแต่ต้นปี
อาจจะพอทราบว่า ออ.มีอาการบาดเจ็บอยู่2จุด คือ ข้อเท้าและเข่า ที่ยังเป็นอุปสรรคในการวิ่งระยะไกลอยู่
แม้จะมีความลังเลเข้ามาสะกิดตัวเองบ่อยๆว่า “จะเดินทางไปแข่งดีไหม”
แต่ทุกครั้งที่เกิดคำถามก็จะได้คำตอบให้กับตัวเองแบบนี้ทุกครั้ง  นั่นคือ
“แกต้องไปสิ”

เริ่มต้นจากงานแข่ง UTMB
งานนี้จัดที่ยุโรปค่ะ  แบ่งออกเป็นRace ย่อย คือ
UTMB
CCC
TDS
OCC
และ PTL

เนื่องจากประสบการณ์ยังอ่อนนัก และมีแต้มไม่มากพอที่จะยื่นลงสมัครระยะ 100 miles (ราวๆ 170 Km) คือUTMB ได้
ออ.จึงตัดสินใจลงสมัครสนามที่เรียกว่าเป็นน้องสาวของ UTMB นั่นคือ CCC ซึ่งเป็นการวิ่งเส้นทางเดียวกับเส้นทางของ UTMB เพียงแต่วิ่งแค่ 102 Km เท่านั้น



CCC ย่อมาจากชื่อเมืองทั้ง 3 คือ Courmayeur อิตาลี  Champex-Lac สวิตฯ และ Chamonix ฝรั่งเศส
นั่นหมายถึง 102 kmนี้ ออ จะได้วิ่งผ่าน 3 ประเทศเชียวนะ!!

อมยิ้ม22

และถึงแม้ว่า ออ.จะเคยผ่านงานแข่ง 100Km มาเกือบ 10 สนามแล้วก็ตาม
แต่บอกเลยว่าสนามนี้เป็นสนามที่ ออ.กลัวมากที่สุด เนื่องจากความชันสะสมที่มากที่สุดเท่าที่เคยวิ่งมาและมียอดเขาที่สูงเกินกว่าที่ตัวเองเคยวิ่งขึ้นไปถึง
ความกลัวเริ่มเข้ามาทักทายเรื่อยๆ
ยิ่งใกล้วันแข่งมากเท่าไหร่  ยิ่งทำให้ไม่มั่นใจมากเท่านั้น
ออ.ซ้อมน้อยมากเนื่องจากอาการบาดเจ็บ  นั่นยิ่งทำให้ความไม่มั่นใจทวีคูณขึ้นไปอีก
“ซ้อมให้ตายตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วล่ะ...สิ่งเดียวที่ต้องทำตอนนี้คือ “ทำใจ” ยิ้มให้กว้าง และใส่เกียร์เดินหน้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น”

ส่วนตัวยังเชื่อเสมอว่า “การมีหัวใจที่สบายและเปี่ยมสุข” จะทำให้เราทำทุกอย่างอย่างไม่กดดันและราบรื่น
ถึงแม้ว่าจะไม่เคยคิดว่าตัวเองจะไปถึงเส้นชัยได้...แต่ยังไงเราต้องมีความสุขที่จะได้ลองพยายามกับมันสักครั้ง

ดอกไม้

จัดกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางด้วยความตื่นเต้น  พยายามไม่ให้หลงลืมอะไร เพราะปกติเป็นคนขี้ลืมมาก


และนี่คือการเดินทางไปยุโรปครั้งแรก และต้องบินไปคนเดียว
เปลี่ยนเครื่องยังไง ต้องทำยังไง  จะหลงมั้ย จะเอ๋อมั้ย จะไปถึงรึเปล่า
แอบกังวลใจอยู่ไม่น้อยเลยค่ะ
แต่สุดท้าย ทุกอย่างก็ราบรื่นดีค่ะ


(ภาพที่สนามบินสุวรรณภูมิค่ะ)

(รอเปลี่ยนเครื่องจากซูริคไปเจเนวา)

พอมาถึง ออ.ก็เหมือนพวกบ้านนอกเข้ากรุง ตื่นตาตื่นใจกับทุกอย่าง
เห็นอะไรก็อยากถ่ายรูปไปหมด อยากเล่า อยากบอกใครต่อใครว่ามันสวยมากยังไง
จะมองไปทางไหนก็สวย แปลกตาและน่าประทับใจ






ออ.เดินเล่นอยู่ในเมืองสักพัก ก่อนที่อีกวันจะต้องเดินทางไปยังเมืองที่จะแข่งขัน
ตื่นเต้นมากถึงมากที่สุด

“นี่ขนาดในเมืองยังขนาดนี้...ในป่าในเขาจะสวยขนาดไหนกัน”

อมยิ้ม22

ว่าแล้วเราไปคุยถึงการแข่งขันกันเลยดีกว่าเนอะ

ก่อนมาแข่ง ออ. ศึกษากราฟความชันของสนามมาพอสมควรค่ะ
เขาที่จะต้องข้ามแต่ละลูกบอกเลยว่าไม่ธรรมดา นับรวมแล้วราวๆ 5 ยอด
แต่ละยอดความยากไม่ได้น้อยหน้ากันเลย (โหดๆทั้งนั้น)



กราฟจะบอกว่า เราจะต้องไปถึงแต่ละจุดให้ทันก่อนกี่โมง (ถ้าไม่ทันนั่นหมายถึงเราไม่สามารถวิ่งไปต่อได้ ต้องออกจากการแข่งขัน)
แต่ละจุดมีอาหาร มีน้ำ มีอะไรให้เราบ้าง และจุดเหล่านั้น ห่างกันกี่กม.


(นี่คือเส้นทางที่จะวิ่งค่ะ  วิ่งรอบเทือกเขามองบลัง จุดstart และ finish อยู่คนละที่กัน เส้นทางนี้ผ่านทั้งหมด  3 ประเทศเลยล่ะค่ะ)

นอกจากจะต้องเตรียมตัวศึกษาเรื่องเส้นทางแล้ว  การเตรียมตัวเองในการไปวิ่งก็สำคัญเช่นกัน
อุปกรณ์ทุกอย่างต้องเป๊ะ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาค่ะ  
ออ.ค่อนข้างชัวร์ว่าตัวเองต้องการอะไรบ้าง เวลาวิ่งสิ่งที่ ออ จะต้องติดตัวไปมีอะไรบ้าง
สิ่งเหล่านี้ได้มาจากประสบการณ์จากสนามก่อนๆที่เคยผ่านมา
น้ำ  อาหาร  เครื่องนุ่งห่ม อุปกรณ์บังคับ (ทางงานจะระบุมา ) รวมไปถึงสาระพัดยาที่ ออ.ต้องพกไปเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินในระหว่างการแข่งขัน
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เป้ที่แบกอยู่บนหลังร่วมๆ 4-5 Kg ได้


(ก่อนแข่ง ออ ชอบเอาของมาเรียงๆถ่ายรูป  มันช่วยเชคได้นะว่าเรายังขาดอะไรอีกบ้าง )

เดินทางจากGeneva ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นั่งบัสมายัง Chamonix ประเทศ ฝรั่งเศส
มาถึงก็มารับ BIB (เบอร์วิ่ง) เรียบร้อย



เดินเล่นที่งาน Expo ค่ะ  เรียกได้ว่าตื่นตาตื่นใจมากเพราะมีสินค้าที่บรรดานักวิ่งเทรลอย่างเราๆชอบเพียบ
ไอเทมหายาก  นี่มีมาจัดแทบทุกยี่ห้อ  งานวิ่งจากทั่วโลกมาเปิดบูธรับสมัครนักวิ่งเพื่อไปแข่งขัน
ถึงขั้นต้องกุมบัตรเครดิตในมือให้ดีเลยล่ะค่ะ



ก่อนวันแข่งได้มีโอกาสนั่งกระเช้าไปบนยอด Chamonix ด้วยค่ะ
ไปเพื่อทดสอบร่างกายดูว่าอยู่บนที่สูง ร่างกายจะทนต่อสภาวะออกซิเจนน้อยได้มากแค่ไหน
แต่พอไปถึง  ความสวยงามของยอดนั้นทำให้ ออ ลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปเลย
ที่นั่นสวยมากกกกกก  สวยจนแทบไม่อยากลงไปไหนเลยค่ะ


พระอาทิตย์
เช้าวันใหม่ ก้าวเข้าสู่วันแข่ง
ออ.ตื่นแต่เช้าเพื่อไปขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางไปจุดปล่อยตัวที่เมือง Courmayeur (เส้นชัยอยู่ที่ Chamonix)
บรรยากาศหน้าเส้นStart คึกคักมาก อากาศเย็นกำลังดี  นักวิ่งทุกคนดูตื่นเต้นและมีความสุขที่ได้มาอยู่กัน ​ณ ที่แห่งนี้
ออ.เองก็เช่นกัน



(ถ่ายกับพี่กัส และพี่ขวัญ  พี่สาวและพี่ชายคนไทยที่ไปแข่งด้วยกันค่ะ)

ด้วยความที่พวกเราคนไทยโดดเด่นสะดุดตาหรือหรือยังไงไม่ทราบ
เจ้าหน้าที่เดินมาขอตรวจอุปกรณ์ที่เราพกใส่ไว้ในเป้กันอีกครั้ง (เพื่อยืนยันว่าพวกเราพกกันครบตามที่ทางงานกำหนด)
ออ.ต้องรื้อทุกอย่างในเป้ที่จัดเรียงไว้อย่างดีแล้วออกมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจ
มีหลายอย่างที่เค้าสงสัยว่ามันมันคืออะไร เช่นยาดม ( 5555 ) สเปรย์พ่นแก้ปวด ยาหอม (ที่เป็นผงๆ เอาไว้อมตอนคิดว่าจะเป็นลม) ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคนเจ็บออดๆแอดๆอย่าง ออ.จริงๆ


(เจ้าหน้าที่กำลังตรวจเลยค่ะ)

( นั่งรอเวลาปล่อยตัว เพิ่งเห็นว่าตัวเองตาบวมอะไรขนาดนั้น 555 )

ก่อนปล่อยตัว ออ.คุยกับตัวเองอยู่ตลอด
ทำใจให้สบายนะ ไปเรื่อยๆเท่าที่ไหว มีความสุขกับมันให้มากๆก็พอ
อมยิ้ม04หัวใจ


(เส้นสตาร์ทอยู่ไกลๆ เพราะ ออ.ต้องปล่อยตัวเป็นกลุ่มที่ 2  ห่างจากกลุ่มแรกราวๆ 30 นาที)

(กลุ่มแรกปล่อยตัวออกไป พวกเราก็ได้เดินเข้าใกล้ซุ้มปล่อยตัวมากขึ้นค่ะ)

พลุพลุ
เมื่อเสียงปล่อยตัวดังขึ้น  การต่อสู้กับใจตัวเองก็เริ่มต้นขึ้นเช่นกัน!

แม้สนามนี้จะมีความยากมากแค่ไหน แต่ก็บอกได้เลยว่าไม่เคยมีสนามไหนง่ายสำหรับตัวเองอยู่แล้ว
สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือต้องอดทนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้เท่านั้นพอ
เริ่มวิ่งไปได้ไ่ม่กี่ร้อยเมตรก็ต้องเจอกับการวิ่งขึ้นแล้วค่ะ

เคยวิ่งขึ้นที่ชันๆมั้ยคะ  หัวใจมันจะระเบิดออกมาซะให้ได้!
วิ่งขึ้นถนนเรื่อยๆ เหนื่อยจนไม่อยากจะคิดอะไรต่อ และจากถนนก็เริ่มตัดเข้าสู่เทรล ( เส้นทางเข้าป่า )
นี่แหละจุดเริ่มต้นที่แท้จริง

ทางในป่าจะเป็นถนนเส้นแคบๆเล็กๆ
นักวิ่งต้องเบียดๆกันเพื่อให้ได้อยู่ข้างหน้า
ใครแรงดีกว่าก็แย่งชิงกันไป  ใครคิดว่าไม่ไหวก็หลบให้เค้าก่อน



จากแผนที่วางไว้แต่แรกและต้องทำให้สำเร็จให้ได้ก่อนนั่นคือ
จากจุดStart ต้องไปถึงยอดเขาแรกให้กันก่อนเวลา Cut off
เพราะปล่อยตัวมา 10 Km แรกก็ให้ขึ้นเขาไปถึงยอดซึ่งมีความสูงถึง 2,400 กันเลย!!!

ออ กลัวด่านนี้มาก เพราะถ้าไปไม่ทัน นั่นคือ อีก 90 Km ที่เหลือก็อดวิ่ง
นี่เราคงไม่ดั้นด้นมาถึงยุโรปเพื่อวิ่ง 10 Km หรอกนะ




ออ ตั้งหน้าตั้งตาไปตามทาง แม้จะมีติดขัดกันแถวยาว มองไปสุดลูกหูลูกตาบ้าง
แต่นั่นก็เป็นช่วงเวลาดีที่จะให้เราได้พักหายใจหายคอ


และนี่คือยอดแรกที่ ออ มาถึง ความสูงอยู่ที่ระดับ 2,400 ค่ะ
มาถึงพร้อมๆกับพี่กัสพี่ขวัญเลย
ก้มดูนาฬิกา...น้ำตาจะไหล TvT  นี่เรามาทันเวลาที่ตั้งใจไว้ด้วย
ฮื่อๆ ไม่เสียเวลาล่ะ จากนี้เป็นทางลง
วิ่งได้ก็ต้องวิ่งแล้วล่ะ  ไปกัน!

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่