การช่วยชาวนา และรักษาเสถียรภาพราคาข้าวและดัดหลังพ่อค้าข้าว คือให้มีบริษัทบริหารจัดการแบบเอกชนเลือกคนเก่งมาทำงาน
-ข้าวในห้างตอนนี้ ก็ลดราคา แจกของแถมกันแล้วนิ เพราะตอนนี้ กระแสช่วยชาวนาที่โดนกดราคาข้าวเปลือก
พอเอามาขายตรง คนได้ซื้อข้าวหอมมะลิ โลละ 25 -30 จากถ้าซื้อในห้างตกโลกละ 50 บาท
ประหยัดไปได้เยอะเลย..
__ รวมถึงการให้ ชาวบ้าน หลายๆ มีหมู่บ้านที่ใกล้ๆกัน มีโรงสีของตัวเอง เปลือกจากการสี ที่เหลือเอาไปขายได้อีก
เอาไปผสมดินทำปุ๋ยคอกก็ยังได้ เอาไปเผาทำไฟฟ้าใช้เองในชุมชนก็ได้ หรือขายเข้าระบบการ ไฟฟ้าก็ได้
ดูข่าววันนั้น เห็นบอกว่า หมู่บ้านหนึ่ง สีแล้วขายเองประมาณ 150 ตัน แต่ 150 ตัน คิดเป็น 2 % ของข้าวเปลือกที่ผลิตได้เองในหมู่บ้าน
โหๆๆ ๆๆ 150 ยังแค่สองเปอร์เซนต์ แปลว่าหมู่บ้าน นี้หมู่บ้านเดียว ผลิตข้าวได้ 6000 ตัน เลยนะ
เอาว่า ถ้าชาวนาไทย วางแผนจัดการดีดี กำไรเหลือซัก ตันละ 5000 บาท..
เท่ากับมีเงินหมุนเวียนในหมู่บ้านปีละ 30 ล้าน ต่อรอบการทำนาเลยนะ
__ ส่วนเรื่อง ราคาข้าวสาร ที่มาสีเป็นข้าวหมอมะลิ และ ขายที่ โลละ 20 บาท ขายวันนี้ได้ตันละ 20000 บาท
แต่ตอนรับจำนำ รับจำนำไป ตันละ 30000 บาท . ข้าวอย่างอื่น 12000 ก็จำนำที่ 15000 เรื่องนี้ก็ไปลองดูกันเองว่าจริงหรือไม่
--- ส่วน อีกแนวทาง คิดว่า น่าจะทำ บริษัทค้าข้าว ของรัฐ แบบรัฐวิสากอจแต่ บริหารแบบเอกชน แบบ ptt
เอาคนเก่งๆ มาบริหาร บรษัทนี้ จะทำงานร่วมกัน ธกส. และ รวมถึง บ. ย่อยต่างๆของ เอกชน
ในการรับจำนำข้าวและทำสต๊อกข้าวในมืออย่างเป็นระบบ ...
บริษัทนี้ จะได้คุม ข้าว กว่า 15- 20 % ในส่วนข้าวที่ส่งออกและขายในประเทศ
ซึ่งจำนวนนี้ น่าจะมากพอ ที่จะสามารถควบคุมราคาขาย และส่งออกในประเทศได้
และเอาข้าวจำนวนนี้ไว้ดัดหลังพวกพอ่ค้าข้าวด้วย อย่างต่อไปถ้าพ่อค้าข้าวจะกดราคา ชาวนาเพือ่จะเอาข้าวถูกไปส่งออก
คือรับออเดอร์มาแล้ว จะมาหาข้าวจากชาวนา แต่อยากกดราคาเพราะต้องการกำไรเพิ่มใากขึ้นอีก
. ชาวนามีทางเลือกเลย ว่าให้มาขายให้ บ.ข้าวไทย มหาชนแทน และ บ. จะถือสต๊อกข้าว
และอาจจะขายต่อให้ บ.ค้าข้าวอีกที คือยังไง ก็ไม่ให้ต่ำจนนาเกลียด และเป็นการดึงราคา
กลางไว้ว่า ใครจะไปซื้อชาวนาต่ำกว่านี้ไม่ได้ ถ้าข้าวได้คุณภาพ
และถ้า พ่อค้าข้าวไปกดหัวชาวนา หาข้าวไปส่งมอบให้ไม่ได้ มันก็ต้องมาหา ที่ บ. ข้าวไทย มหาชน
เราก็ขายให้ และก็ บริหาร ข้าวในสต๊อกของเราไปด้วย
รวมไปถึง บ. อาจจะตั้ง บ.ย่อย ไปเทรด สัญญาข้าว ในตลอด afex ได้ด้วย
หรือจะให้ลูกหลานชาวนาที่เรียน ด้านการเงินการตลาด ไปช่วยหมู่บ้าน เทรดสัญญาด้วยก็ได้
ทีนี้ละ ชาวนา คุมทั้งข้าวในแปลง และใช้ ฟิวเจอร์ข้าว ทำกำไรได้
หวังว่าจะมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น.. และตลาด afex คงเติบโตได้ดีเหมือนตลาดหุ้น
ผมสงสัยมาแต่เด็กละ เราปลูกข้าวเป็นหลัก เป็นประเทศอุตสาหกรรมแต่ทำไม ตลาดหุ้นการเกษตรสินค้าเกษตรเรา
ถึงไม่เติบโต อย่าง เช่น เทรด มันสำประหลัง อ้อย ยางพารา ข้าวโพด
_______________________________
ช่วงนี้เห็นข้าวสารถุงในห้าง ลดราคา ซื้อข้าวแถมน้ำเปล่าถังใหญ่ละ. การให้ขายตรงไม่ผ่านคนกลางเห็นผลเลยว่า คนกลางดิ้นออกของ
แต่ การช่วยเหลือ การเอามาขายโดยตรงให้ผู้ซื้อ
มันก็ช่วยได้แค่ครั้งคราว จะทำตลอด ต้องมีการจัดการบริหาร
มีการแยกประเภทข้าว และคุณภาพ
อย่าง ธกส. รับซื้อ แล้วเหลือ ส่วนต่างให้ทำกำไร โดย บรรจุใส่ถุงขาย
เป็นข้าว คุณภาพจากแต่ละถิ่น
ถ้ารักษาคุณภาพได้ตลอด เช่น หอมมะลิ หอมมะลิกล้อง ไรซเบอรี่
ตรงไหนที่ ชาวนาขาดเราก็แนะนำไป สอนให้ว่าต้องทำการค้าแบบใด จัดการแบบใด
ดีกว่าให้ พวกโรงสี หรือ พ่อค้าข้าว ที่ได้กำไรอยู่แล้ว แต่ยังอยากได้อีก มากดราคาจากชาวนาอีก
ลองดู ข้าว ที่เราซื้อในห้าง ข้าวขาวถุงละ 180 บาท 5 โล
เอาว่า ต้นทุน สีออกมาแล้ว โลละ 15 บาทเลย คูณ 5 ก็ 75 รวมค่าการตลาดค่าขนส่งไปให้ 90 เลย
ขายที่ห้าง เราซื้อ 180 บาท... กำไรคิดมารจิ้นออกมาก็เยอะนะ
งั้น ชาวนา เอามาสีเอง หรือจะตั้งโรงสีประจำอำเภอ 795 อำเภอ
แต่จริงตั้งไม่ครบหรอก เพราะทั่วไทยไม่ได้ปลูกข้าวทุกอำเภอ
ให้ลูกหลานชาวนา ที่เรียนหนังสือ มีความรู้ ขายทางเฟส ทางเนต
หรือ มีตลาดกลางการเกษตรให้มาขายที่ กทม.เลย
ทหาร ก็สั้งไปกินในค่ายด้วย
เอาว่า สีออกมา ชาวนาขายเอง โลละ 25 บาท ทุน 15 บาท
1 ตัน สีเป็นข้าวได้ 800 กิโลกรัม ( ค่าสีตันละ 500 บาทละกัน )
800 โล * ราคาขาย โลละ 25 บาท = 20000 บาท
หักต้นทุน 15 บาท * 1000 กิโล = 15000 บาท. ( ชาวนาเหลือ กำไร ตันละ ( คิดจาก 800 กิโล) 5000 บาท )
ชาวนา ทำได้ รอบละ 10 ตัน = 50000 บาท แต่ถ้าเป็นหอมมะลิ ก็คงได้ แสนกว่าๆ
เปลือกที่สีข้าวออกมา เอาไปขายได้อีก เอาไปส่งโรงงานเผาขยะพลังงานความร้อน จ่ายไฟให้คนให้หมู่บ้าน ไม่ก็ขายให้โรงไฟฟ้า
พลังงาน ชีวมวล.
และถ้าต่อไป ชาวบ้านไม่ต้องง้อโรงสีใหญ่ๆ ขายเองได้ ยืนได้เอง
ต่อไปละ พวก พ่อค้าข้าว โรงสี ต้องมาง้อชาวนา มาขอผูกสัญญาเลย
เพราะ เดี๋ยวไปรับออเดอร์จากต่างประเทศแล้วหาข้าวส่งให้ไม่ได้ โดนปรับ
ต่อไปชาวนามีทางเลอกมากขึ้น
และถ้ายิ่งปรับมาเป็นไร่นาสวนผลมได้ นะ ชาวนาจะมีเงินจากผลผลิตหลายทาง.
__________
ส่วนเรื่องชลประทาน ถ้าตรงไหน สภาพดินมันปลูกข้าว แล้วไม่ดีจริงๆ
คงต้องให้ แนะนำ สอนอาชีพอื่น แล้วก็ให้ ธกส. ช่วยเรื่องเงินกู้ ชลอการเก็บหนี้
หรือไม่ก็ หาอาชีพใหม่ หรือจะให้ไปเป็นลูกจ้าง ชาวนาที่เก่งด้สนการจัดการ แทนก็ได้
ชาวนาที่เก่ง ก็จะขยายพื้นที่เพาะปลูกมาชดเชยชาวนาที่เลิกไป แต่อาจจะทดแทน จำนวนไร่ได้ไม่หมด
แต่มันก็ดีนะ ลด พื้นที่ปลูกข้าว ราคาข้าวก็ขึ้น เพราะของมันมีน้อยลง และต่อไป ของในคลังเริ่มระบายออก
ถ้าทำต่อไปอย่างจริงๆจัง และต่อเนื่อง เราน่าจะยกระดับชีวิตของชาวนาได้
บ. ค้าปุ๋ย ร้านค้าปุ๋ย และหัวคะแนน ที่มอมเมาชาวนา ให้ใช้สารเคมี แต่ถ้า สส คนนี้ไม่ได้ พรรคนี้ไม่ได้
จะขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ค่าปุ๋ยที่เซนต์ไว้ พวกนี้หมดไปแน่ๆ คนที่หากินกับชาวนา และถ้าพวกนี้หมดไปแล้ว
ชาวนาและคนที่เราบอกว่าเค้ารายได้น้อย
เมื่อเค้าแข็งแรงแล้ว เค้าจะลงคะแนนเสียงเลือกตั้งโดยไม่ได้เลือกพรรคไหน ที่จะประชานิยมแบบไม่มีเหตุผล.
เพราะเค้า มีกินแล้ว ไม่ต้องติดหนี้สิ้น หนี้บุญคุณใครที่ต้องถูกบังคับเลือกเพราะมีดอกเบี้ยเงินกู้โหดมาขู่ไว้
และรัฐบาล ก็จะเดินหน้า เรื่องการประกันราคาพืชผล หรือประกันความเสียหายภาคเกษตร ชาวนา ชาวสวน ออกเงินประกันด้วยส่วนหนึ่ง
ปีไหน ไม่มีอะไร ก็เหลือเงิน สะสมไว้ ปีไหนเจอภัยพิบัติ ก็เอาเงินประกันจ่ายไปให้ชาวนาโดยตรง
ไม่ต้องผ่านใคร ไม่ต้องรั่วไหล..

........
เรื่องพวกนี้ คือ เรื่องเก่าเล่าใหม่ ที่คิดตอน ปอ 4 ปอ 5 เ เมื่อก่อนข้าวชาวนาเอาข้าวมาเท
หน้าฝนเก็บข้าวไม่ทัน หน้าแล้งไม่มีน้ำ เอาน้ำไปแจก
เงินที่เรา จ่ายช่วยชาวนาสะสมมา 30 กว่าปี มีคนเคยคำนวนว่ามันเกินเงินหนี้ ของชาวนาแล้วนะ
แต่ถ้าโยกเงินตรงนี้ไปวางระบบชลประทาน ชาวนา มีน้ำใช้ปลูกข้าวและ ควบคุมน้ำได้เลย
แต่ตอนนี้ ท่วม แล้ง ท่วมแล้ง ๆๆ ๆๆ วนแบบนี้ทุกปี 10 20 30 40 ปี เหมือนเดิม...
หวังว่าถ้าวางแผนให้ดีกันจริงๆ ข้าวไทยก็เป็น สินค้าที่ทำเงินได้ดี อีกตัวหนึ่งเลย
ชาวนา คนในภาคการเกษตรก็จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี
___เมื่อวาน ซื้อข้าวหอมมะลิ 5 บาท แต่คิดว่าน้อยไปไม่อิ่ม เลย ไปขอข้าวกล้องอีกบ้าน เอามาเพิ่ม
เหลือ หนังไก่ย่าง ไว้กิน เย็นพรุ่งนี้ อีกมื้อ เพื่อความประหยัด.
วันนี้ ใช้เงินไป 15 บาท ตอนเย็น ข้าว 5 บาท หนังไก่ยางอีก 10 บาท โซดา 6 บาท
การช่วยชาวนา และรักษาเสถียรภาพราคาข้าวและดัดหลังพ่อค้าข้าว คือให้มีบริษัทบริหารจัดการแบบเอกชนเลือกคนเก่งมาทำงาน-ข้าวห้าง
-ข้าวในห้างตอนนี้ ก็ลดราคา แจกของแถมกันแล้วนิ เพราะตอนนี้ กระแสช่วยชาวนาที่โดนกดราคาข้าวเปลือก
พอเอามาขายตรง คนได้ซื้อข้าวหอมมะลิ โลละ 25 -30 จากถ้าซื้อในห้างตกโลกละ 50 บาท
ประหยัดไปได้เยอะเลย..
__ รวมถึงการให้ ชาวบ้าน หลายๆ มีหมู่บ้านที่ใกล้ๆกัน มีโรงสีของตัวเอง เปลือกจากการสี ที่เหลือเอาไปขายได้อีก
เอาไปผสมดินทำปุ๋ยคอกก็ยังได้ เอาไปเผาทำไฟฟ้าใช้เองในชุมชนก็ได้ หรือขายเข้าระบบการ ไฟฟ้าก็ได้
ดูข่าววันนั้น เห็นบอกว่า หมู่บ้านหนึ่ง สีแล้วขายเองประมาณ 150 ตัน แต่ 150 ตัน คิดเป็น 2 % ของข้าวเปลือกที่ผลิตได้เองในหมู่บ้าน
โหๆๆ ๆๆ 150 ยังแค่สองเปอร์เซนต์ แปลว่าหมู่บ้าน นี้หมู่บ้านเดียว ผลิตข้าวได้ 6000 ตัน เลยนะ
เอาว่า ถ้าชาวนาไทย วางแผนจัดการดีดี กำไรเหลือซัก ตันละ 5000 บาท..
เท่ากับมีเงินหมุนเวียนในหมู่บ้านปีละ 30 ล้าน ต่อรอบการทำนาเลยนะ
__ ส่วนเรื่อง ราคาข้าวสาร ที่มาสีเป็นข้าวหมอมะลิ และ ขายที่ โลละ 20 บาท ขายวันนี้ได้ตันละ 20000 บาท
แต่ตอนรับจำนำ รับจำนำไป ตันละ 30000 บาท . ข้าวอย่างอื่น 12000 ก็จำนำที่ 15000 เรื่องนี้ก็ไปลองดูกันเองว่าจริงหรือไม่
--- ส่วน อีกแนวทาง คิดว่า น่าจะทำ บริษัทค้าข้าว ของรัฐ แบบรัฐวิสากอจแต่ บริหารแบบเอกชน แบบ ptt
เอาคนเก่งๆ มาบริหาร บรษัทนี้ จะทำงานร่วมกัน ธกส. และ รวมถึง บ. ย่อยต่างๆของ เอกชน
ในการรับจำนำข้าวและทำสต๊อกข้าวในมืออย่างเป็นระบบ ...
บริษัทนี้ จะได้คุม ข้าว กว่า 15- 20 % ในส่วนข้าวที่ส่งออกและขายในประเทศ
ซึ่งจำนวนนี้ น่าจะมากพอ ที่จะสามารถควบคุมราคาขาย และส่งออกในประเทศได้
และเอาข้าวจำนวนนี้ไว้ดัดหลังพวกพอ่ค้าข้าวด้วย อย่างต่อไปถ้าพ่อค้าข้าวจะกดราคา ชาวนาเพือ่จะเอาข้าวถูกไปส่งออก
คือรับออเดอร์มาแล้ว จะมาหาข้าวจากชาวนา แต่อยากกดราคาเพราะต้องการกำไรเพิ่มใากขึ้นอีก
. ชาวนามีทางเลือกเลย ว่าให้มาขายให้ บ.ข้าวไทย มหาชนแทน และ บ. จะถือสต๊อกข้าว
และอาจจะขายต่อให้ บ.ค้าข้าวอีกที คือยังไง ก็ไม่ให้ต่ำจนนาเกลียด และเป็นการดึงราคา
กลางไว้ว่า ใครจะไปซื้อชาวนาต่ำกว่านี้ไม่ได้ ถ้าข้าวได้คุณภาพ
และถ้า พ่อค้าข้าวไปกดหัวชาวนา หาข้าวไปส่งมอบให้ไม่ได้ มันก็ต้องมาหา ที่ บ. ข้าวไทย มหาชน
เราก็ขายให้ และก็ บริหาร ข้าวในสต๊อกของเราไปด้วย
รวมไปถึง บ. อาจจะตั้ง บ.ย่อย ไปเทรด สัญญาข้าว ในตลอด afex ได้ด้วย
หรือจะให้ลูกหลานชาวนาที่เรียน ด้านการเงินการตลาด ไปช่วยหมู่บ้าน เทรดสัญญาด้วยก็ได้
ทีนี้ละ ชาวนา คุมทั้งข้าวในแปลง และใช้ ฟิวเจอร์ข้าว ทำกำไรได้
หวังว่าจะมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น.. และตลาด afex คงเติบโตได้ดีเหมือนตลาดหุ้น
ผมสงสัยมาแต่เด็กละ เราปลูกข้าวเป็นหลัก เป็นประเทศอุตสาหกรรมแต่ทำไม ตลาดหุ้นการเกษตรสินค้าเกษตรเรา
ถึงไม่เติบโต อย่าง เช่น เทรด มันสำประหลัง อ้อย ยางพารา ข้าวโพด
_______________________________
ช่วงนี้เห็นข้าวสารถุงในห้าง ลดราคา ซื้อข้าวแถมน้ำเปล่าถังใหญ่ละ. การให้ขายตรงไม่ผ่านคนกลางเห็นผลเลยว่า คนกลางดิ้นออกของ
แต่ การช่วยเหลือ การเอามาขายโดยตรงให้ผู้ซื้อ
มันก็ช่วยได้แค่ครั้งคราว จะทำตลอด ต้องมีการจัดการบริหาร
มีการแยกประเภทข้าว และคุณภาพ
อย่าง ธกส. รับซื้อ แล้วเหลือ ส่วนต่างให้ทำกำไร โดย บรรจุใส่ถุงขาย
เป็นข้าว คุณภาพจากแต่ละถิ่น
ถ้ารักษาคุณภาพได้ตลอด เช่น หอมมะลิ หอมมะลิกล้อง ไรซเบอรี่
ตรงไหนที่ ชาวนาขาดเราก็แนะนำไป สอนให้ว่าต้องทำการค้าแบบใด จัดการแบบใด
ดีกว่าให้ พวกโรงสี หรือ พ่อค้าข้าว ที่ได้กำไรอยู่แล้ว แต่ยังอยากได้อีก มากดราคาจากชาวนาอีก
ลองดู ข้าว ที่เราซื้อในห้าง ข้าวขาวถุงละ 180 บาท 5 โล
เอาว่า ต้นทุน สีออกมาแล้ว โลละ 15 บาทเลย คูณ 5 ก็ 75 รวมค่าการตลาดค่าขนส่งไปให้ 90 เลย
ขายที่ห้าง เราซื้อ 180 บาท... กำไรคิดมารจิ้นออกมาก็เยอะนะ
งั้น ชาวนา เอามาสีเอง หรือจะตั้งโรงสีประจำอำเภอ 795 อำเภอ
แต่จริงตั้งไม่ครบหรอก เพราะทั่วไทยไม่ได้ปลูกข้าวทุกอำเภอ
ให้ลูกหลานชาวนา ที่เรียนหนังสือ มีความรู้ ขายทางเฟส ทางเนต
หรือ มีตลาดกลางการเกษตรให้มาขายที่ กทม.เลย
ทหาร ก็สั้งไปกินในค่ายด้วย
เอาว่า สีออกมา ชาวนาขายเอง โลละ 25 บาท ทุน 15 บาท
1 ตัน สีเป็นข้าวได้ 800 กิโลกรัม ( ค่าสีตันละ 500 บาทละกัน )
800 โล * ราคาขาย โลละ 25 บาท = 20000 บาท
หักต้นทุน 15 บาท * 1000 กิโล = 15000 บาท. ( ชาวนาเหลือ กำไร ตันละ ( คิดจาก 800 กิโล) 5000 บาท )
ชาวนา ทำได้ รอบละ 10 ตัน = 50000 บาท แต่ถ้าเป็นหอมมะลิ ก็คงได้ แสนกว่าๆ
เปลือกที่สีข้าวออกมา เอาไปขายได้อีก เอาไปส่งโรงงานเผาขยะพลังงานความร้อน จ่ายไฟให้คนให้หมู่บ้าน ไม่ก็ขายให้โรงไฟฟ้า
พลังงาน ชีวมวล.
และถ้าต่อไป ชาวบ้านไม่ต้องง้อโรงสีใหญ่ๆ ขายเองได้ ยืนได้เอง
ต่อไปละ พวก พ่อค้าข้าว โรงสี ต้องมาง้อชาวนา มาขอผูกสัญญาเลย
เพราะ เดี๋ยวไปรับออเดอร์จากต่างประเทศแล้วหาข้าวส่งให้ไม่ได้ โดนปรับ
ต่อไปชาวนามีทางเลอกมากขึ้น
และถ้ายิ่งปรับมาเป็นไร่นาสวนผลมได้ นะ ชาวนาจะมีเงินจากผลผลิตหลายทาง.
__________
ส่วนเรื่องชลประทาน ถ้าตรงไหน สภาพดินมันปลูกข้าว แล้วไม่ดีจริงๆ
คงต้องให้ แนะนำ สอนอาชีพอื่น แล้วก็ให้ ธกส. ช่วยเรื่องเงินกู้ ชลอการเก็บหนี้
หรือไม่ก็ หาอาชีพใหม่ หรือจะให้ไปเป็นลูกจ้าง ชาวนาที่เก่งด้สนการจัดการ แทนก็ได้
ชาวนาที่เก่ง ก็จะขยายพื้นที่เพาะปลูกมาชดเชยชาวนาที่เลิกไป แต่อาจจะทดแทน จำนวนไร่ได้ไม่หมด
แต่มันก็ดีนะ ลด พื้นที่ปลูกข้าว ราคาข้าวก็ขึ้น เพราะของมันมีน้อยลง และต่อไป ของในคลังเริ่มระบายออก
ถ้าทำต่อไปอย่างจริงๆจัง และต่อเนื่อง เราน่าจะยกระดับชีวิตของชาวนาได้
บ. ค้าปุ๋ย ร้านค้าปุ๋ย และหัวคะแนน ที่มอมเมาชาวนา ให้ใช้สารเคมี แต่ถ้า สส คนนี้ไม่ได้ พรรคนี้ไม่ได้
จะขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ค่าปุ๋ยที่เซนต์ไว้ พวกนี้หมดไปแน่ๆ คนที่หากินกับชาวนา และถ้าพวกนี้หมดไปแล้ว
ชาวนาและคนที่เราบอกว่าเค้ารายได้น้อย
เมื่อเค้าแข็งแรงแล้ว เค้าจะลงคะแนนเสียงเลือกตั้งโดยไม่ได้เลือกพรรคไหน ที่จะประชานิยมแบบไม่มีเหตุผล.
เพราะเค้า มีกินแล้ว ไม่ต้องติดหนี้สิ้น หนี้บุญคุณใครที่ต้องถูกบังคับเลือกเพราะมีดอกเบี้ยเงินกู้โหดมาขู่ไว้
และรัฐบาล ก็จะเดินหน้า เรื่องการประกันราคาพืชผล หรือประกันความเสียหายภาคเกษตร ชาวนา ชาวสวน ออกเงินประกันด้วยส่วนหนึ่ง
ปีไหน ไม่มีอะไร ก็เหลือเงิน สะสมไว้ ปีไหนเจอภัยพิบัติ ก็เอาเงินประกันจ่ายไปให้ชาวนาโดยตรง
ไม่ต้องผ่านใคร ไม่ต้องรั่วไหล..
........
เรื่องพวกนี้ คือ เรื่องเก่าเล่าใหม่ ที่คิดตอน ปอ 4 ปอ 5 เ เมื่อก่อนข้าวชาวนาเอาข้าวมาเท
หน้าฝนเก็บข้าวไม่ทัน หน้าแล้งไม่มีน้ำ เอาน้ำไปแจก
เงินที่เรา จ่ายช่วยชาวนาสะสมมา 30 กว่าปี มีคนเคยคำนวนว่ามันเกินเงินหนี้ ของชาวนาแล้วนะ
แต่ถ้าโยกเงินตรงนี้ไปวางระบบชลประทาน ชาวนา มีน้ำใช้ปลูกข้าวและ ควบคุมน้ำได้เลย
แต่ตอนนี้ ท่วม แล้ง ท่วมแล้ง ๆๆ ๆๆ วนแบบนี้ทุกปี 10 20 30 40 ปี เหมือนเดิม...
หวังว่าถ้าวางแผนให้ดีกันจริงๆ ข้าวไทยก็เป็น สินค้าที่ทำเงินได้ดี อีกตัวหนึ่งเลย
ชาวนา คนในภาคการเกษตรก็จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี
___เมื่อวาน ซื้อข้าวหอมมะลิ 5 บาท แต่คิดว่าน้อยไปไม่อิ่ม เลย ไปขอข้าวกล้องอีกบ้าน เอามาเพิ่ม
เหลือ หนังไก่ย่าง ไว้กิน เย็นพรุ่งนี้ อีกมื้อ เพื่อความประหยัด.
วันนี้ ใช้เงินไป 15 บาท ตอนเย็น ข้าว 5 บาท หนังไก่ยางอีก 10 บาท โซดา 6 บาท