นี่เป็นกระทู้แรกนะคะ หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ อาจจะยาวนิดนึงคะ อยากให้ทราบว่าทำไมเราถึงคิดแบบนี้นะคะ
หลังๆมานี้...เรารู้สึกว่าสามีอาย...และไม่กล้าคุยโทรศัพท์กับเราต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน...รวมทั้งไม่กล้าพาเราไปพบเพื่อนๆ ที่ทำงาน...ทั้งๆที่ตลอดเวลาที่เราคบและแต่งงานกัน ไม่เคยเป็นแบบนี้ หรือพอมีอายุมากขึ้น กลัวเมีย เมียดุ เมียมาคุม มันดูเป็นเรื่องจริงจังกันมากขึ้นคะ...มองย้อนกลับมาดูตัวเอง...เราเป็นภรรยาที่ทุกคนคิดว่าดุเพราะอะไร...และสิ่งเหล่านี้ที่สังคมไทยชอบล้อเลียนผู้ชายที่แต่งงานแล้วว่า...กลัวเมีย...เมียดุ...ค่านิยมหรือความคิดนี้...เคยมีผลกระทบกับครอบครัวใครบ้างมั๊ย...ตอบเลยว่าตอนนี้ครอบครัวเรากำลังมีปัญหาคะ กลายเป็นว่าจากปกติเคยคุยกันตลอด เล่าสู่กันฟัง อยู่ที่ทำงานก็คุยกัน แต่ทุกวันนี้แทบจะคุยกันนับครั้งได้ ถ้ามีเพื่อนเค้าอยู่ด้วย ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยคุย ถามคำตอบคำประมาณนี้นะคะ
เล่าไปถึงสมัยก่อนเนอะ จะได้เห็นภาพตามไปด้วยคะ ปกติเราจะเจอเพื่อนๆของกันและกันมาตลอด เพราะด้วยความที่เราเป็นเพื่อนกันมาก่อน จึงทำให้เพื่อนเราอยู่ในวัยใกล้เคียงกัน ไปไหนมาไหนก้อจะหอบกันไปตลอด แต่ไม่ใช่ตัวติดกันนะคะ บางทีก้อไปบางทีก้อไม่ไป แต่ถ้าอยากไปก้อไม่มีปัญหา
เราแต่งงานกันได้ 7ปีแล้วคะ มีลูกน่ารักด้วยกัน2คน
เรื่องมันเริ่มจาก สามีเราได้ที่ทำงานใหม่ ตำแหน่งก้อดีขึ้นคะ ดีกว่าที่เก่าเยอะเลย...ทำงานไปซักพัก ด้วยภาระและหน้าที่ ทำให้เค้าเครียดงานมากขึ้น และเราทำงานคนละด้านกันคะ จึงไม่สามารถช่วยเหลือกันได้ ได้แต่รับฟังกันและกัน
แต่เรื่องมันเริ่มเกิด เพราะงานของสามีต้องมีเดินทางไปตจว. ค้าง1-2คืนคะ ไม่ได้ไปตลอดเวลานะคะ เราซึ่งเป็นภรรยา ก้อเป็นธรรมดาที่ต้องโทรหาโทรคุยนะคะ จะให้เงียบหายกันไปเลยคงไม่ใช่ ความถี่ในการโทรของเราน้อยมากคะ แค่เดินทางถึงหรือยัง ทั้งวันก้อจะไม่โทรกวนเลย เพราะเค้าทำงานที่ไม่สามารถรับสายได้จริงๆคะ จนถึงช่วงค่ำๆ ถึงจะคุยกัน อย่างมากคือ3ครั้ง แต่มีครั้งนึง มีปัญหาเรื่องลูกเลยโทรหาสามีตอนกำลังทำงาน ทำให้งานเค้าสะดุดนิดหน่อยคะ...สามีรับสายและคุยแบบสุภาพมากๆ จนเรางง เค้ามาเฉลยทีหลังว่าลืมปิดเสียง มันดังบนเวที เลยต้องแก้สถานการณ์ทำขำๆไป...แต่ด้วยความที่เราเสียงห้วนๆ ห้าวๆ ทำให้คนที่ได้ยินอาจจะตกใจ เหมือนดุนะคะ...เราเลยคิดว่านี่อาจจะเป็นจุดนึง ที่ทำให้เค้ารู้สึกอายด้วยคะว่ามี...เมียดุ
มีครั้งนึง...เราเคยแวะไปกินข้าวกลางวันที่ทำงานเค้าคะ เราออกมาหาลูกค้าแล้วผ่านพอดี เลยแวะเลย ด้วยความที่ไม่คิดอะไร แต่หารู้ไม่ว่า...นี่คืออีกจุดเริ่มต้นของคำว่า...กลัวเมียคะ
หลังจากนั้น...มีเหตุการณ์หลายๆครั้ง ที่ทำให้เรารู้สึกว่าสามีไม่อยากคุยกับเราต่อหน้าเพื่อนๆ หรือพาเราไปเจอเพื่อนๆที่ทำงาน พยายามจะหาเหตุผลมากมาย มีกิ๊กหรือเปล่า แต่ความรู้สึกมันบอกว่าไม่ใช่เรื่องชู้สาวคะ
จนวันนึงที่เรารู้แน่ชัดว่า น่าจะมาจากเรื่องการกลัวเมีย เมียดุ คือ มีวันนึงเราไปงานศพพ่อเพื่อนเค้า เค้าถามเรา3-4รอบ ว่าจะไปไหม จนเรางงๆ เอ๊ะ...ตกลงจะให้ไปมั๊ย สุดท้ายเราก้อไปคะ เพราะเราจะเลยไปทำธุระกันต่อด้วย
สิ่งที่เจอคือ เพื่อนร่วมงานทุกคนมองเราแบบอมยิ้ม และบางคนหลบตาเราด้วย เหมือนเกร็งๆนะคะ สามีก้อดูแปลกๆ ยังไงๆ มีกิ๊กหรือเปล่าเนี่ย พ่อคุณก้อเป็นคนมีประวัติอยู่คะ ตอนนั้นยอมรับว่าเริ่มฟุ้งคะ แต่เราก้อทำตัวปกตินะคะ ทักทาย ไหว้ผู้ใหญ่ ไม่ได้มีพิรุธอะไร แต่ในใจก้อแอบคิดอยู่ลึกๆ ว่ามันผิดปกติ มีอะไรแน่ๆ
หลังจากเลิกงาน เรา2คนก้อกินข้าว ทำธุระเสร็จ และกลับบ้านปกติคะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปกติเป็นคนไม่เช็คโทสับนะคะ แต่ถ้าเจอสถานการณ์แปลกๆ สะดุดๆ เข้าใจมั๊ยคะ มันต้องดูหน่อย เพื่อให้หายข้องใจ เชื่อมั๊ยคะ...สิ่งที่ทำให้เราอึ้งคือ...เพื่อนเค้าถ่ายรูปเราจากด้านหลังคะ นั่งคู่กัน เห็นหน้าเรากำลังยิ้มและคุยกับใครสักคนอยู่ และมีบทสนทนาว่า...วันนี้...เมียมาคุม...เท่านั้นแหละ ถึงบางอ้อเลยคะ น่าจะใช่แล้วแหละ...กลัวเมีย เมียดุ เมียมาคุม...ทั้งๆที่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เลย มันคือการให้เกียรติเพื่อนเค้านะคะ ถ้าพ่อเพื่อนเราเสียชีวิต เราก้อคงชวนสามีไปเช่นกัน เป็นการกราบแสดงความเคารพ
ทำไมคนไทยถึงชอบแซวเรื่องพวกนี้คะ...ทั้งๆที่ ผญ.คนนั้นอาจจะไม่ดุ อาจจะไม่ได้มาคุม คุณยังไม่รู้จักเธอด้วยซ้ำ...การแซวลักษณะนี้มีผลกระทบต่อจิตใจคนเป็นสามีจริงหรือไม่คะ มากน้อยกันแค่ไหน และเราควรทำยังไง หรือเราคิดผิดยังไง ช่วยแนะนำทีนะคะ
คำว่า...กลัวเมีย...เมียดุ...เมียมาคุม...ส่งผลกระทบต่อครอบครัวใครบ้างไหม
หลังๆมานี้...เรารู้สึกว่าสามีอาย...และไม่กล้าคุยโทรศัพท์กับเราต่อหน้าเพื่อนร่วมงาน...รวมทั้งไม่กล้าพาเราไปพบเพื่อนๆ ที่ทำงาน...ทั้งๆที่ตลอดเวลาที่เราคบและแต่งงานกัน ไม่เคยเป็นแบบนี้ หรือพอมีอายุมากขึ้น กลัวเมีย เมียดุ เมียมาคุม มันดูเป็นเรื่องจริงจังกันมากขึ้นคะ...มองย้อนกลับมาดูตัวเอง...เราเป็นภรรยาที่ทุกคนคิดว่าดุเพราะอะไร...และสิ่งเหล่านี้ที่สังคมไทยชอบล้อเลียนผู้ชายที่แต่งงานแล้วว่า...กลัวเมีย...เมียดุ...ค่านิยมหรือความคิดนี้...เคยมีผลกระทบกับครอบครัวใครบ้างมั๊ย...ตอบเลยว่าตอนนี้ครอบครัวเรากำลังมีปัญหาคะ กลายเป็นว่าจากปกติเคยคุยกันตลอด เล่าสู่กันฟัง อยู่ที่ทำงานก็คุยกัน แต่ทุกวันนี้แทบจะคุยกันนับครั้งได้ ถ้ามีเพื่อนเค้าอยู่ด้วย ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยคุย ถามคำตอบคำประมาณนี้นะคะ
เล่าไปถึงสมัยก่อนเนอะ จะได้เห็นภาพตามไปด้วยคะ ปกติเราจะเจอเพื่อนๆของกันและกันมาตลอด เพราะด้วยความที่เราเป็นเพื่อนกันมาก่อน จึงทำให้เพื่อนเราอยู่ในวัยใกล้เคียงกัน ไปไหนมาไหนก้อจะหอบกันไปตลอด แต่ไม่ใช่ตัวติดกันนะคะ บางทีก้อไปบางทีก้อไม่ไป แต่ถ้าอยากไปก้อไม่มีปัญหา
เราแต่งงานกันได้ 7ปีแล้วคะ มีลูกน่ารักด้วยกัน2คน
เรื่องมันเริ่มจาก สามีเราได้ที่ทำงานใหม่ ตำแหน่งก้อดีขึ้นคะ ดีกว่าที่เก่าเยอะเลย...ทำงานไปซักพัก ด้วยภาระและหน้าที่ ทำให้เค้าเครียดงานมากขึ้น และเราทำงานคนละด้านกันคะ จึงไม่สามารถช่วยเหลือกันได้ ได้แต่รับฟังกันและกัน
แต่เรื่องมันเริ่มเกิด เพราะงานของสามีต้องมีเดินทางไปตจว. ค้าง1-2คืนคะ ไม่ได้ไปตลอดเวลานะคะ เราซึ่งเป็นภรรยา ก้อเป็นธรรมดาที่ต้องโทรหาโทรคุยนะคะ จะให้เงียบหายกันไปเลยคงไม่ใช่ ความถี่ในการโทรของเราน้อยมากคะ แค่เดินทางถึงหรือยัง ทั้งวันก้อจะไม่โทรกวนเลย เพราะเค้าทำงานที่ไม่สามารถรับสายได้จริงๆคะ จนถึงช่วงค่ำๆ ถึงจะคุยกัน อย่างมากคือ3ครั้ง แต่มีครั้งนึง มีปัญหาเรื่องลูกเลยโทรหาสามีตอนกำลังทำงาน ทำให้งานเค้าสะดุดนิดหน่อยคะ...สามีรับสายและคุยแบบสุภาพมากๆ จนเรางง เค้ามาเฉลยทีหลังว่าลืมปิดเสียง มันดังบนเวที เลยต้องแก้สถานการณ์ทำขำๆไป...แต่ด้วยความที่เราเสียงห้วนๆ ห้าวๆ ทำให้คนที่ได้ยินอาจจะตกใจ เหมือนดุนะคะ...เราเลยคิดว่านี่อาจจะเป็นจุดนึง ที่ทำให้เค้ารู้สึกอายด้วยคะว่ามี...เมียดุ
มีครั้งนึง...เราเคยแวะไปกินข้าวกลางวันที่ทำงานเค้าคะ เราออกมาหาลูกค้าแล้วผ่านพอดี เลยแวะเลย ด้วยความที่ไม่คิดอะไร แต่หารู้ไม่ว่า...นี่คืออีกจุดเริ่มต้นของคำว่า...กลัวเมียคะ
หลังจากนั้น...มีเหตุการณ์หลายๆครั้ง ที่ทำให้เรารู้สึกว่าสามีไม่อยากคุยกับเราต่อหน้าเพื่อนๆ หรือพาเราไปเจอเพื่อนๆที่ทำงาน พยายามจะหาเหตุผลมากมาย มีกิ๊กหรือเปล่า แต่ความรู้สึกมันบอกว่าไม่ใช่เรื่องชู้สาวคะ
จนวันนึงที่เรารู้แน่ชัดว่า น่าจะมาจากเรื่องการกลัวเมีย เมียดุ คือ มีวันนึงเราไปงานศพพ่อเพื่อนเค้า เค้าถามเรา3-4รอบ ว่าจะไปไหม จนเรางงๆ เอ๊ะ...ตกลงจะให้ไปมั๊ย สุดท้ายเราก้อไปคะ เพราะเราจะเลยไปทำธุระกันต่อด้วย
สิ่งที่เจอคือ เพื่อนร่วมงานทุกคนมองเราแบบอมยิ้ม และบางคนหลบตาเราด้วย เหมือนเกร็งๆนะคะ สามีก้อดูแปลกๆ ยังไงๆ มีกิ๊กหรือเปล่าเนี่ย พ่อคุณก้อเป็นคนมีประวัติอยู่คะ ตอนนั้นยอมรับว่าเริ่มฟุ้งคะ แต่เราก้อทำตัวปกตินะคะ ทักทาย ไหว้ผู้ใหญ่ ไม่ได้มีพิรุธอะไร แต่ในใจก้อแอบคิดอยู่ลึกๆ ว่ามันผิดปกติ มีอะไรแน่ๆ
หลังจากเลิกงาน เรา2คนก้อกินข้าว ทำธุระเสร็จ และกลับบ้านปกติคะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปกติเป็นคนไม่เช็คโทสับนะคะ แต่ถ้าเจอสถานการณ์แปลกๆ สะดุดๆ เข้าใจมั๊ยคะ มันต้องดูหน่อย เพื่อให้หายข้องใจ เชื่อมั๊ยคะ...สิ่งที่ทำให้เราอึ้งคือ...เพื่อนเค้าถ่ายรูปเราจากด้านหลังคะ นั่งคู่กัน เห็นหน้าเรากำลังยิ้มและคุยกับใครสักคนอยู่ และมีบทสนทนาว่า...วันนี้...เมียมาคุม...เท่านั้นแหละ ถึงบางอ้อเลยคะ น่าจะใช่แล้วแหละ...กลัวเมีย เมียดุ เมียมาคุม...ทั้งๆที่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เลย มันคือการให้เกียรติเพื่อนเค้านะคะ ถ้าพ่อเพื่อนเราเสียชีวิต เราก้อคงชวนสามีไปเช่นกัน เป็นการกราบแสดงความเคารพ
ทำไมคนไทยถึงชอบแซวเรื่องพวกนี้คะ...ทั้งๆที่ ผญ.คนนั้นอาจจะไม่ดุ อาจจะไม่ได้มาคุม คุณยังไม่รู้จักเธอด้วยซ้ำ...การแซวลักษณะนี้มีผลกระทบต่อจิตใจคนเป็นสามีจริงหรือไม่คะ มากน้อยกันแค่ไหน และเราควรทำยังไง หรือเราคิดผิดยังไง ช่วยแนะนำทีนะคะ