ปัจจุบันเราอายุสามสิบต้นๆ ส่วนสามีแก่กว่าหนึ่งปี เราและสามีรู้จักและคบกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย คบกันมาเป็นระยะ 7 ปี จนแต่งงานกัน รวมเป็นระยะเวลาจนถึงตอนนี้รวมทั้งหมด 12 ปี ปัจจุบันนี้เรายังไม่ได้มีลูกด้วยกัน เนื่องด้วยปัจจัยความไม่พร้อมหลายๆอย่าง เนื่องจากเราและสามีทำธุรกิจร่วมกัน และมีหนี้สินในการทำธุรกิจมากมาย จึงทำให้ยังไม่อยากคิดเรื่องลูก เพราะถ้าลูกเกิดมาในสภาพที่สถานะการเงินที่ลำบาก เราสงสารลูกและไม่อยากให้ลูกมาเผชิญชะตากรรมกับพ่อและแม่ ทุกอย่างในชีวิตดำเนินการไปตามปกติ จนมาช่วง 2-3 ปีให้หลัง เราและสามีทะเลาะกันบ่อยมาก ทะเลาะกันเกือบทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องน้อย จนไปถึงเอาเรื่องที่ทำงานมาทะเลาะกัน
จนเมื่อช่วงปี 57 บริษัทเริ่มมีปัญหา ก็ทำให้ทะเลาะกันมากขึ้น เกิดความระหองระแหงมากขึ้น และช่วงนั้นทำให้เรารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของสามี ที่เหมือนจะละเลยเราไปค่อนข้างมาก ตามที่เขาว่าผู้หญิงมักมีเซ้นส์ ซึ่งมันเป็นเรื่องจริงที่เกิดกับเรา เราสัมผัสได้แต่ไม่มีหลักฐาน เราเลยพยายามไม่คิดอะไรมาก ทำให้เราไม่อยากนอนกับสามีเพราะเรารู้สึกว่าเขาไม่ได้รักเราและเขาแอบมีคนอื่น และความรักความเอาใจใส่ที่เขาเคยมีให้เรามันลดลงเรื่อยๆ ตามที่เราเคยอ่านเจอว่าผู้หญิงไม่สามารถแยกแยะเรื่องเซ็กส์กับความรู้สึกได้และไม่เหมือนผู้ชายที่สามารถแยกแยะได้ กับเรามันคือเรื่องจริง ซึ่งเราแยกออกจากกันไม่ได้ และเนื่องด้วยสามีมีความจำเป็นต้องเดินทางบ่อยเพื่อไปพบลูกค้าตามจังหวัดต่างๆ เราเองจำเป็นต้องอยู่ออฟฟิตเพื่อทำงานจึงทำให้ไปกับสามีไม่ได้ ซึ่งเราก็เข้าใจมาโดยตลอดและเชื่อใจสามีมาโดยตลอดเช่นกัน เราไม่พยายามคิดมากเรื่องที่เขามีผู้หญิงคนอื่น และพยายามที่จะมีอะไรกับสามีบ้างแต่ก็ไม่ได้บ่อยนัก จนมาช่วงหนึ่งปีกว่าๆให้หลัง เรายิ่งสัมผัสได้มากขึ้น เราและสามีห่างเหินกันมากขึ้นเข้าไปอีก ความรักความเอาใจใส่เหลือน้อยเต็มทีจนแถบจะสัมผัสไม่ได้ เราได้ทะเลาะกันรุนแรงบ่อยมาก เป็นหนักมากกว่าเมื่อก่อนมาก และเคยได้คุยกับสามี สามีได้บอกว่าเรื่องมันเกิดขึ้นจากเราเป็นเพราะเราไม่ใส่ใจเขาซึ่งเป็นมาหลายปีแล้ว เขาบอกว่าเขาชวนเราปรับความเข้าใจกันหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เรื่องเซ็กส์ก็มีปัญหากัน เราเองก็ยอมรับน่ะว่าช่วงนั้นเราเองก็ทำไม่โอเคจริงๆ เราคิดว่าในเมื่อคุณไม่สนใจฉันแล้วฉันจะสนใจคุณทำไม ส่วนเรื่องเซ็กส์อย่างที่บอกไปเราแยกแยะออกจากความรู้สึกไม่ได้ แต่เราก็ไม่สามารถรู้ได้ว่านั้นคือเรื่องที่เขาคิดรู้สึกจริงๆหรือข้ออ้างของคนที่ทำความผิดกันแน่ แต่เราก็เอนเอียงมาทางข้อหลังมากกว่า จนเราและเขาถึงขั้นคุยกันถึงเรื่องหย่าหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้ไปหย่าจริงๆกันสักที
และในขณะเดียวกันนั้นสามีก็เริ่มเดินทางบ่อยผิดปกติ โดยอ้างถึงเรื่องลูกค้าทั้งหมด เราก็ยิ่งสัมผัสได้ขึ้นไปอีก แต่หลักฐานนั้นเราไม่มีอะไรเลย จนมาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เราก็ได้พบหลักฐาน ทำให้เราจับได้ว่าสามีนอกใจเรา ซึ่งผู้หญิงคนนั้นเด็กกว่าสามีเราประมาณ 6-7 ปี เราก็ได้คุยกันกับสามีถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อที่จะหาข้อสรุปว่าจะเอาแบบไหนจะหย่าหรืออย่างไร แล้วเรื่องธุรกิจที่ทำร่วมกันจะแบ่งกันอย่างไร คุยอยู่สองสามวันก็ได้ข้อสรุปโดยสามีบอกว่าเขาเลือกครอบครัว เขาจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง โดยเราให้สามีโทรไปคุยกับผู้หญิงคนนั้นโดยเราก็นั่งฟังอยู่ด้วยเพราะเราให้เขาเปิดลำโพงซึ่งฝ่ายนั้นก็คงเสียใจ และเราถามสามีว่าเขารู้มั้ยว่าสามีมีครอบครัวแล้ว สามีก็ได้บอกว่าเคยพูดๆไว้บ้าง แต่สามีก็เคยไปให้ความหวังผู้หญิงคนนั้นไว้ว่าจะเลิกกับเรา แล้วเราก็ถามคำถามไปเรื่อยๆ จนรู้ว่าสามีคบกับผู้หญิงคนนั้นมาเป็นระยะเวลา 3 ปีแล้ว และสามีก็ได้ยอมรับว่ามีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นด้วยเช่นกัน แต่ไม่ยอมตอบเราว่ามีกันตั้งแต่เมื่อไหร่ เราช็อคมาก แต่ก็ได้ถามกลับไปว่าถ้าเขามีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นแล้วจะมามีอะไรกับเราอีกทำไม ซึ่งช่วงสามปีนั้นเราก็นอนกับสามีเหมือนกัน สามีเราตอบแค่ว่าไม่รู้ (เราได้แต่คิดในใจว่าก็เพราะเป็นความเห็นแก่ตัวและการอยากเปลี่ยนรสชาติไปมาของมึ...ไง) เราบอกไปว่าเรากลัวโรคจะเอาโรคมาให้เราทำไมแค่นี้เราก็ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว เนื่องด้วยทุกครั้งที่เรามีอะไรกับสามีเราไม่ได้ป้องกันโดยการสวมถุงยางแต่ใช้วิธีคุมกำเนิดแบบอื่นแทน สามีกลับบอกเราว่าเขารู้ว่าเขาต้องป้องกันยังไง ครั้งสุดท้ายที่เราเคลียร์กันเราทั้งคู่ตกลงกันว่าถ้าเริ่มต้นใหม่จะลืมเรื่องราวต่างๆทั้งหมดทิ้งซะ จะไม่เอามาทะเลาะกันอีก เราจึงได้แค่บอกว่าเราสามารถให้อภัยได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกไม่ว่าเขาจะเลือกใคร เราจะเป็นฝ่ายเดินออกไปเอง
เรื่องทั้งหมดเราไม่ได้เล่าให้ใครฟังได้เล่าแค่ให้แม่สามีฟัง แม่เขาเองก็เครียดอยู่หลายวันและตกใจเช่นกันไม่คิดว่าลูกเขาจะทำเรื่องแบบนี้ได้ เราเสียใจมากและบอกแกว่าเราเป็นควายมาตั้ง 3 ปี แกก็บอกเราว่าถ้าหนูเป็น แม่ก็เป็น เพราะเขาปกปิดแม่เหมือนกัน จนตอนนี้เราบอกแม่สามีว่าเราจะเริ่มต้นกันใหม่แกบอกว่าตอนนี้แกสบายใจมากขึ้นแล้ว เพราะแกไม่ต้องการให้ลูกชายแกเลิกกับเรา ตอนนี้เราไม่แน่ใจในอะไรสักสิ่งสักอย่าง ความเชื่อใจมันไม่เหลืออะไร ถึงแม้เขาจะบอกว่าเขาจะทำให้เราเชื่อใจเขาให้ได้แต่เราก็ยังคิดมากตลอด ตอนนี้เราพยายามทำใจให้ลืมทุกสิ่งอย่างเพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่ และรอให้สามีไปตรวจเลือด แล้วเราก็จะตรวจเช่นกัน เรื่องนี้สามีเราทำผิดมากมายเหลือเกิน เราเองก็สงสารผู้หญิงคนนั้นน่ะเขาเองก็คงเสียใจเหมือนกัน แต่ช่วงที่เราเป็นทุกข์เขาสองคนมีความสุขกันมากมาย แต่ถามว่าเรามีความสุขรึยังสบายใจขึ้นรึยัง ตอบเลยว่ายัง เพราะความเชื่อใจไม่ได้สร้างกันง่ายๆ ต้องใช้เวลาอีกนาน แล้วเราก็กังวลถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดซ้ำรอยอีกหรือไม่ เราไม่รู้ว่าผู้ชายที่คิดสำนึกผิดได้จริงๆยังมีเหลือในโลกนี้หรือไม่ เพื่อนๆที่เคยเจอเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้ เพื่อนๆมีวิธีจัดการหรือรับมือกับปัญหาแบบนี้อย่างไรบ้างคะ แล้วเพื่อนๆก้าวผ่านความเจ็บปวดแบบนี้ได้อย่างไรคะ ส่วนคุณผู้ชายที่เข้ามาอ่านตามความรู้สึกของคุณ คุณคิดว่าผู้ชายจะสามารถเลิกนิสัยแบบนี้ได้จริงๆมั้ยคะ แล้วคุณจะทำใจกลับมารักเมียหลวงได้เหมือนเดิมมั้ยคะ
ปล. เราเองไม่เคยตั้งกระทู้ ได้แต่ตามอ่านเรื่องราวของเพื่อนๆ ซึ่งไม่คิดเหมือนกันว่าจะมาตั้งกระทู้แบบนี้ แต่เราก็ไม่รู้จะระบายออกทางไหนดี หากผิดพลาดตรงไหนเราก็ขออภัยด้วยค่ะ
ความรักที่โดนสามีหลอกมา 3 ปี
จนเมื่อช่วงปี 57 บริษัทเริ่มมีปัญหา ก็ทำให้ทะเลาะกันมากขึ้น เกิดความระหองระแหงมากขึ้น และช่วงนั้นทำให้เรารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของสามี ที่เหมือนจะละเลยเราไปค่อนข้างมาก ตามที่เขาว่าผู้หญิงมักมีเซ้นส์ ซึ่งมันเป็นเรื่องจริงที่เกิดกับเรา เราสัมผัสได้แต่ไม่มีหลักฐาน เราเลยพยายามไม่คิดอะไรมาก ทำให้เราไม่อยากนอนกับสามีเพราะเรารู้สึกว่าเขาไม่ได้รักเราและเขาแอบมีคนอื่น และความรักความเอาใจใส่ที่เขาเคยมีให้เรามันลดลงเรื่อยๆ ตามที่เราเคยอ่านเจอว่าผู้หญิงไม่สามารถแยกแยะเรื่องเซ็กส์กับความรู้สึกได้และไม่เหมือนผู้ชายที่สามารถแยกแยะได้ กับเรามันคือเรื่องจริง ซึ่งเราแยกออกจากกันไม่ได้ และเนื่องด้วยสามีมีความจำเป็นต้องเดินทางบ่อยเพื่อไปพบลูกค้าตามจังหวัดต่างๆ เราเองจำเป็นต้องอยู่ออฟฟิตเพื่อทำงานจึงทำให้ไปกับสามีไม่ได้ ซึ่งเราก็เข้าใจมาโดยตลอดและเชื่อใจสามีมาโดยตลอดเช่นกัน เราไม่พยายามคิดมากเรื่องที่เขามีผู้หญิงคนอื่น และพยายามที่จะมีอะไรกับสามีบ้างแต่ก็ไม่ได้บ่อยนัก จนมาช่วงหนึ่งปีกว่าๆให้หลัง เรายิ่งสัมผัสได้มากขึ้น เราและสามีห่างเหินกันมากขึ้นเข้าไปอีก ความรักความเอาใจใส่เหลือน้อยเต็มทีจนแถบจะสัมผัสไม่ได้ เราได้ทะเลาะกันรุนแรงบ่อยมาก เป็นหนักมากกว่าเมื่อก่อนมาก และเคยได้คุยกับสามี สามีได้บอกว่าเรื่องมันเกิดขึ้นจากเราเป็นเพราะเราไม่ใส่ใจเขาซึ่งเป็นมาหลายปีแล้ว เขาบอกว่าเขาชวนเราปรับความเข้าใจกันหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เรื่องเซ็กส์ก็มีปัญหากัน เราเองก็ยอมรับน่ะว่าช่วงนั้นเราเองก็ทำไม่โอเคจริงๆ เราคิดว่าในเมื่อคุณไม่สนใจฉันแล้วฉันจะสนใจคุณทำไม ส่วนเรื่องเซ็กส์อย่างที่บอกไปเราแยกแยะออกจากความรู้สึกไม่ได้ แต่เราก็ไม่สามารถรู้ได้ว่านั้นคือเรื่องที่เขาคิดรู้สึกจริงๆหรือข้ออ้างของคนที่ทำความผิดกันแน่ แต่เราก็เอนเอียงมาทางข้อหลังมากกว่า จนเราและเขาถึงขั้นคุยกันถึงเรื่องหย่าหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้ไปหย่าจริงๆกันสักที
และในขณะเดียวกันนั้นสามีก็เริ่มเดินทางบ่อยผิดปกติ โดยอ้างถึงเรื่องลูกค้าทั้งหมด เราก็ยิ่งสัมผัสได้ขึ้นไปอีก แต่หลักฐานนั้นเราไม่มีอะไรเลย จนมาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เราก็ได้พบหลักฐาน ทำให้เราจับได้ว่าสามีนอกใจเรา ซึ่งผู้หญิงคนนั้นเด็กกว่าสามีเราประมาณ 6-7 ปี เราก็ได้คุยกันกับสามีถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อที่จะหาข้อสรุปว่าจะเอาแบบไหนจะหย่าหรืออย่างไร แล้วเรื่องธุรกิจที่ทำร่วมกันจะแบ่งกันอย่างไร คุยอยู่สองสามวันก็ได้ข้อสรุปโดยสามีบอกว่าเขาเลือกครอบครัว เขาจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง โดยเราให้สามีโทรไปคุยกับผู้หญิงคนนั้นโดยเราก็นั่งฟังอยู่ด้วยเพราะเราให้เขาเปิดลำโพงซึ่งฝ่ายนั้นก็คงเสียใจ และเราถามสามีว่าเขารู้มั้ยว่าสามีมีครอบครัวแล้ว สามีก็ได้บอกว่าเคยพูดๆไว้บ้าง แต่สามีก็เคยไปให้ความหวังผู้หญิงคนนั้นไว้ว่าจะเลิกกับเรา แล้วเราก็ถามคำถามไปเรื่อยๆ จนรู้ว่าสามีคบกับผู้หญิงคนนั้นมาเป็นระยะเวลา 3 ปีแล้ว และสามีก็ได้ยอมรับว่ามีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นด้วยเช่นกัน แต่ไม่ยอมตอบเราว่ามีกันตั้งแต่เมื่อไหร่ เราช็อคมาก แต่ก็ได้ถามกลับไปว่าถ้าเขามีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นแล้วจะมามีอะไรกับเราอีกทำไม ซึ่งช่วงสามปีนั้นเราก็นอนกับสามีเหมือนกัน สามีเราตอบแค่ว่าไม่รู้ (เราได้แต่คิดในใจว่าก็เพราะเป็นความเห็นแก่ตัวและการอยากเปลี่ยนรสชาติไปมาของมึ...ไง) เราบอกไปว่าเรากลัวโรคจะเอาโรคมาให้เราทำไมแค่นี้เราก็ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว เนื่องด้วยทุกครั้งที่เรามีอะไรกับสามีเราไม่ได้ป้องกันโดยการสวมถุงยางแต่ใช้วิธีคุมกำเนิดแบบอื่นแทน สามีกลับบอกเราว่าเขารู้ว่าเขาต้องป้องกันยังไง ครั้งสุดท้ายที่เราเคลียร์กันเราทั้งคู่ตกลงกันว่าถ้าเริ่มต้นใหม่จะลืมเรื่องราวต่างๆทั้งหมดทิ้งซะ จะไม่เอามาทะเลาะกันอีก เราจึงได้แค่บอกว่าเราสามารถให้อภัยได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกไม่ว่าเขาจะเลือกใคร เราจะเป็นฝ่ายเดินออกไปเอง
เรื่องทั้งหมดเราไม่ได้เล่าให้ใครฟังได้เล่าแค่ให้แม่สามีฟัง แม่เขาเองก็เครียดอยู่หลายวันและตกใจเช่นกันไม่คิดว่าลูกเขาจะทำเรื่องแบบนี้ได้ เราเสียใจมากและบอกแกว่าเราเป็นควายมาตั้ง 3 ปี แกก็บอกเราว่าถ้าหนูเป็น แม่ก็เป็น เพราะเขาปกปิดแม่เหมือนกัน จนตอนนี้เราบอกแม่สามีว่าเราจะเริ่มต้นกันใหม่แกบอกว่าตอนนี้แกสบายใจมากขึ้นแล้ว เพราะแกไม่ต้องการให้ลูกชายแกเลิกกับเรา ตอนนี้เราไม่แน่ใจในอะไรสักสิ่งสักอย่าง ความเชื่อใจมันไม่เหลืออะไร ถึงแม้เขาจะบอกว่าเขาจะทำให้เราเชื่อใจเขาให้ได้แต่เราก็ยังคิดมากตลอด ตอนนี้เราพยายามทำใจให้ลืมทุกสิ่งอย่างเพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่ และรอให้สามีไปตรวจเลือด แล้วเราก็จะตรวจเช่นกัน เรื่องนี้สามีเราทำผิดมากมายเหลือเกิน เราเองก็สงสารผู้หญิงคนนั้นน่ะเขาเองก็คงเสียใจเหมือนกัน แต่ช่วงที่เราเป็นทุกข์เขาสองคนมีความสุขกันมากมาย แต่ถามว่าเรามีความสุขรึยังสบายใจขึ้นรึยัง ตอบเลยว่ายัง เพราะความเชื่อใจไม่ได้สร้างกันง่ายๆ ต้องใช้เวลาอีกนาน แล้วเราก็กังวลถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดซ้ำรอยอีกหรือไม่ เราไม่รู้ว่าผู้ชายที่คิดสำนึกผิดได้จริงๆยังมีเหลือในโลกนี้หรือไม่ เพื่อนๆที่เคยเจอเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้ เพื่อนๆมีวิธีจัดการหรือรับมือกับปัญหาแบบนี้อย่างไรบ้างคะ แล้วเพื่อนๆก้าวผ่านความเจ็บปวดแบบนี้ได้อย่างไรคะ ส่วนคุณผู้ชายที่เข้ามาอ่านตามความรู้สึกของคุณ คุณคิดว่าผู้ชายจะสามารถเลิกนิสัยแบบนี้ได้จริงๆมั้ยคะ แล้วคุณจะทำใจกลับมารักเมียหลวงได้เหมือนเดิมมั้ยคะ
ปล. เราเองไม่เคยตั้งกระทู้ ได้แต่ตามอ่านเรื่องราวของเพื่อนๆ ซึ่งไม่คิดเหมือนกันว่าจะมาตั้งกระทู้แบบนี้ แต่เราก็ไม่รู้จะระบายออกทางไหนดี หากผิดพลาดตรงไหนเราก็ขออภัยด้วยค่ะ