(ํY){กระทู้เพ้อเจ้อ}ขอบคุณพื้นที่ดีๆ ที่ทำให้เรารู้จักกัน (ตอนจบ)

สวัสดีครับ ขอใช้พื้นที่เล็กๆนี้ เขียนข้อความ ถึงคนๆนึงที่เคยเขียนถึงเมื่อ....4 ปีที่แล้ว...
หมายเหตุ เนื้อหาและข้อความต่อไปนี้เป็นกระทู้แบบ Y นะครับ หากมีข้อความที่ทำให้ไม่พอใจ ขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ
หมายเหตุ 2 เนื้อหาค่อนข้างยาวครับ

วันนี้ไม่ใช่วันครบรอบเหมือนที่เคยเขียนถึงเมื่อตอนนั้น แต่กลายเป็นวันที่ยอมรับความจริงว่าความรักของเราสองคนเดินมาถึงจุดจบแล้ว
หรือจริงๆวันนี้ก็เป็นวันที่ 55 ที่เราบอกเลิกพี่ แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่ทำเป็นไม่รับรู้ว่ามันเกิดขึ้น ทำเป็นไม่เห็นในสิ่งที่เจอมา
แต่ท้ายที่สุด เราก็คงต้องยอมรับความจริงว่า...เป็นไปไม่ได้

ปีที่ 1 ที่ความรักของเราค่อยๆก่อตัวขึ้น บนความไม่เข้าใจกันของเราสองคน จริงๆต้องบอกว่าบนความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงก็ว่าได้
คนนึงกับอาการโลกส่วนตัวสูง อีกคนพอมีแฟนก็ยกโลกทั้งใบในแฟน แต่เราก็พยายามปรับความแตกต่างให้เข้าหากันได้
แม้จะทะเลาะกันหลายครั้งเสียน้ำตาให้กันหลายหน แต่เราก็ประคับประคองความรักให้ผ่านพ้นมาได้ ปีนี้เราไปเที่ยวกันที่หัวหิน...
เป็นครั้งแรกที่เราบอกพี่ว่าได้ไปเที่ยวกับคนอื่นในฐานะแฟนไกลๆแบบนี้

ปีที่ 2 ปีที่เราเรียนจบป.ตรี และเข้าเรียนต่อป.โท เหมือนโลกเหวี่ยงเวลา และระยะทางของเราก็ไกลกันอีก จำได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่มีปัญหากันมากที่สุด ด้วยความไม่เข้าใจกันของเราสองคน เราไปเรียนไกลถึงแถวรังสิต ส่วนพี่อยู่ในกลางเมือง แต่ในที่สุดเราก็ฝืนแรงเหวี่ยงของโลกได้ ใกล้ชิดกันมากขึ้น  พอเลิกงานพี่ก็นั่งรถไปหาเรา จำได้ว่าวันแรกที่ได้ใกล้กันอีกครั้งเราเจอกันที่ฟิวเจอร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่พี่เคยไปฟิวเจอร์.... วันที่ไปหาเราคืนนั้นฝนตกหนัก หนักจนห้องน้ำรั่วลงมา บรรยากาศทำให้ได้อยู่ด้วยกันท่ามกลางสายฝน...(แต่อยู่ในห้องนะ)  ปีนี้เราไปเที่ยวกันที่จันทบุรี จำได้ไหมว่าพี่สวมแหวนให้เราที่ไหน จริงๆจะสวมให้เรากับมือนะ แต่คนเยอะมากกกก ก้เลยทำได้แค่ส่งแหวนให้เราสวม จริงๆที่นี่ความทรงจำอีกอันคือเรารู้ว่าหอยนางรมมันไม่สดแต่กลัวจะเสียบรรยากาศปล่อยให้พี่กับคนอื่นกิน จนวันรุ่งขึ้นมีเราคนเดียวที่รอดจากพิษหอยนางรม ><

ปีที่ 3 ปีนี้จำได้ว่าเราเครียดกับการเรียน ป.โท มาก โดยเฉพาะกับการทำวิทยานิพนธ์ เรามักจะพูดบ่อยๆว่า ทำไม่ได้แน่ๆ ทำไม่ไหวแล้ว สิ่งเดียวที่พี่จะทำให้เราได้ในตอนนั้น นั่นคือไปหาเราบ่อยๆ ไปเป็นกำลังใจให้เสมอ พอเข้าปีนี้ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคนมากอยู่ด้วยกันในห้องเล็กๆ ทำอาหารเย็นด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ไปเที่ยวไหว้พระทำบุญด้วยกัน
ถ้าจะมีสิ่งที่ยากที่สุด ก็คงเห็นจะเป็นเรื่องที่ไปช่วยทำเก็บตัวอย่างดินทำวิทยานิพนธ์ที่ไปไกลมาก เดินกันสองคนท่ามกลางแสงแดดและบ่อเลี้ยงกุ้งเป็นกิโลๆ จำได้ว่ามันมีทางลัดแต่ว่าเต็มไปด้วยน้องหมาที่เฝ้าบ่อกุ้ง ตอนนั้นเราโมโหมากจนจะเดินฝ่าไปให้ได้ นึกว่ายังกลัวไม่หาย อ่อปีนี้ยังเป็นปีที่เราได้งาน ซึ่งที่ทำงานเราใกล้เคียงกันเราเลยได้ย้ายมาอยู่หอด้วยกันทุกเช้าก็ออกไป
ทำงานพร้อมกัน เย็นก็รอกลับห้องพร้อมกัน แต่เรายังต้องทำงานไปพร้อมๆกับการแก้วิทยานิพนธ์ให้เสร็จ  ปีนี้เราไปเที่ยวด้วยกันที่น่าน จำได้ไหม ขับรถกันไปสองคนเป็นเส้นทางที่น่ากลัวสำหรับเราสองคนมากโดยเฉพาะตอนที่ลงจากดอยภูคาโดยใช้เส้นทางที่คนอื่นไม่ขับกัน จนคืนที่ต้องนอนที่ดอยเสมอดาวเราไปถึงกันดึกมาก ทางก็มืดสนิทเพราะเลือกไปช่วงข้างแรมจะได้เห็นดาวชัดๆ จำได้ว่าพี่ต้องเปิดบทสวดมนต์ตอนขึ้นดอย แต่เราก็ช่วยร้องเพลงให้บรรยากาศไม่ตึงเครียดเกินไป แต่ความอับโชคของเราก็ไม่หมดแค่นั้นเพราะวันรุ่งขึ้นตั้งใจจะไปเหมาสตอเบอรี่ที่ขุนสถาน แต่ไหงขับเลยไปออกอุตรดิตถ์เลยซะงั้น

ปีที่ 4 ปีนี้เราก็ยังไปๆมาๆ อยู่ด้วยกันเหมือนเดิม พี่มีภาระงานหนักขึ้น เราเองก็เครียดกับนโยบายที่เปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังไปเที่ยวใกล้ๆ ไปทำบุญกันตลอด ทุกอย่างดูลงตัวจนพี่เริ่มจะสร้างชีวิตด้วยกันให้มั่นคงขึ้นด้วยการซื้อบ้านโดยใช้ชื่อร่วมกันระหว่างเราสองคน แต่กลายเป็นว่าเรื่องนี้กลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราต้องเลิกกัน ปีนี้เราไปเที่ยวกันที่จันทบุรี ขึ้นเขาคิชฌกูฎ
จำได้ว่าพี่แทบจะเดินไม่ไหวแถมเป็นตะคริวตอนไปผูกผ้าแดง ส่วนเราวิ่งไปกระโดดไปจนสุดท้ายคืนนั้นเราสลบเพราะปวดขาไปเลย จำได้ว่าเราไปเขียนผ้าแดงบอกว่าถ้าสำเร็จจะกลับไปอีกครั้งพร้อมพี่ ตอนนั้นพี่มองหน้าเราแล้วถามว่า ปรึกษากันก่อนมั้ย? แต่ตอนนี้พี่โคตรอยากไปกับเราอีกครั้งเลยแต่มันคงไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอีกไหม

วันนี้ความจริงที่พี่หนีมาตลอด 55 วัน คงจะต้องสิ้นสุดลงตรงจุดที่พี่ต้องยอมรับความจริงว่าเราสองคนเลิกกันแล้ว มันเป็นอะไรทีบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง เป็นความรักที่อธิบายไม่ถูก มันไม่ใช่
ความรู้สึกแบบเจ็บ ปวด ที่สามารถบอกได้ชัดว่ามันคืออะไร แต่นี่ความผูกพันธ์ ความเป็นห่วงยังคงมีเสมอ
..ดูแลตัวเองดีๆนะ อย่าเปิดแอร์หนาวมาก กลางคืนเราชอบถีบผ้าห่มออก
...แล้วก็สังเกตที่หมอนว่าตื่นมาแล้วหมนอชุ่มเหงื่อผิดปกติหรือเปล่า มีช่วงนึงที่เราเหงื่อออกจนเหมือนสระผมบนหมอน
....ถ้าปวดขาไม่ขายก็ไปหาหมอนะ
.....ถ้าโรงพยาบาลไกลเกินเดือนมกราคม – มีนาคม ประกันสังคมเค้าเปิดให้เปลี่ยนโรงพยาบาลได้ก็เปลี่ยนใหม่จะได้ไม่ต้องไปไกลๆ
......เวลาออกจากห้องล็อคกุญแจดีๆ ที่สำคัญอย่าเสียบกุญแจคาไว้ที่ประตูอีกจะเสร็จโจรได้ง่ายๆ
.......อ่อแล้วก็ก่อนออกจากห้องดูให้ดีๆว่าลืมกุญแจไว้ในห้องหรือเปล่า
.......ขับรถใจเย็นๆนะ ค่อยๆไปเดี๋ยวก็ถึง ถ้าเปิดไฟจะเปลี่ยนเลนแล้วเค้าไม่ให้ก็ใจเย็นๆ อย่าไปใส่อารมณ์ คนสมัยนี้พูดยาก
........ทำงานก็ทำตามหน้าที่ของเราไป ใครจะยังไงก็ช่างเค้า คิดมากไปสุดท้ายตัวเราที่แหละที่เหนื่อย
.........ตั้งใจอ่านหนังสือสอบนะอย่าหักโหม สุขภาพสำคัญที่สุด อย่าเล่นโทรศัพท์เยอะมีเวลากับอะไรรอบตัวบ้าง....

สุดท้ายก็คงเหมือนทุกครั้งก่อนที่เราจะจากกันกับประโยคเดิมๆที่ว่า....ดูแลตัวเองดีๆนะ มีไรก็โทรมาได้ รักนะรู้ไหม....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่