นิทานอาลีบาบา....ปลาใหญ่กินปลาเล็ก แบบนี้รายย่อยคงหืดขึ้นคอ ????
นิทานอาลีบาบา...มาเมืองไทยแล้วนะ
คอลัมน์ สวัสดีเศรษฐกิจ โดย...สุรพล โอภาสเสถียร

ภาพจาก http://5822011105.blogspot.com/2015/11/www-browser-browser-e-mail-ftp-use-net.html
ได้เห็นข่าวการจับมือกันของธุรกิจยักษ์ใหญ่มากในประเทศไทยกับจีนแล้ว จะคิดอะไรก็สุดแท้แต่ หากความจริงคือ ลมหนาวจากจีนที่มากับพรมวิเศษในนิทานอาลีบาบา ได้จับมือกับเจ้าของบริษัทขายหมู กุ้ง ไก่ เพื่อบุกธุรกิจการเงิน การค้า การลงทุน ในไทยแล้ว ผู้บริหารสถาบันการเงิน...ท่านพร้อมแล้วหรือยัง
จากคำกล่าวข้อมูลคือเงิน เปลี่ยนจากคำกล่าวในอดีตที่ว่า ข้อมูลคืออำนาจ เพราะเวลานี้ข้อมูลได้สร้างความร่ำรวย ความมั่งคั่ง
ตอนเป็นเด็กเราชอบฟังนิทาน อาลีบาบากับตะเกียงวิเศษ อยากได้อะไรก็ไปถูตะเกียงพอยักษ์ออกมา เราจะขอสิ่งนั้นสิ่งนี้ได้ ทำไมยักษ์ตนนั้นมันดลบันดาลได้ทุกสิ่ง คำตอบคือ ยักษ์มี
1.ข้อมูลมากมายก่ายกองในตะเกียงใบจิ๋ว ทั้งที่มีรูปแบบและไม่มีรูปแบบ มีภาพ มีตัวหนังสือ มากมายก่ายกอง ข้อมูลเหล่านั้นเก็บในที่นิดเดียวเหมือนในตะเกียงแต่มีคุณภาพ คุณค่าสูง หรือ Big data
2.ยักษ์สามารถดึงข้อมูลออกมาวิเคราะห์หรือดึงมาทำรูปแบบธุรกิจ (Biz model) ทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก เพราะมีเครื่องมือพยากรณ์ และวิเคราะห์ที่สมัยก่อนต้องใช้เวลานาน ถึงนานมาก ที่เรียกว่า Analytic tool
3.ยักษ์มีลูกค้ามากมาย หลากหลาย มีสายธารของความเกี่ยวข้องหรือที่เรียกว่า Value chain ฐานข้อมูลลูกค้ามากเสียจนไม่รู้จะเริ่มจากไหน
4.ยักษ์จะตัดการทำหน้าที่เป็นตัวกลางของสถาบันการเงินโดยเข้ามาเป็นคู่แข่งใหม่ว่า “ของที่ผม (คือยักษ์ในตะเกียง) เสนอมันถูกกว่า ดีกว่า เร็วกว่า ตรงความต้องการ
กลับมาที่นิทาน ผู้เขียนมาคิดต่อว่า
1.จะมีสถาบันการเงินที่ให้บริการสะดวกง่าย แบบทุกที่ ทุกเวลา ติดตามตัวเราได้หรือไม่
2.จะมีบริการทางการเงินพื้นฐานประเภทฝาก-ถอน-โอน-รับ-ชำระเงินหรือไม่ทั้งกลางวันกลางคืนทั้งเจ็ดวัน
3.จะมีสถาบันการเงินไหนที่รู้จักใจของตัวเรารู้ความต้องการของเรายิ่งกว่าตัวเรารู้จักตัวเองหรือไม่
4.ถ้าเราเป็นคนค้าขายรายเล็กรายน้อย เวลาหมุนเงินไม่ทันแต่เรายังค้าขายได้ดี เราจะพอได้เงินกู้มาเป็นทุนหมุนเวียนแบบเร่งด่วนหรือไม่
5.จะมีใครที่ทำให้โทรศัพท์มือถือกลายเป็นกระเป๋าเงิน หรือ e-Wallet เวลาจะจ่ายใช้แค่การแตะๆ เอากับตัวรับสัญญาณแล้วรายการทำได้เลย
6.เวลาเราอยากได้ประกันภัยประกันชีวิต แต่ไม่อยากคุยกับคนขายประกันโดยตรง ส่วนหนึ่งของบริการจะทำให้เราทำประกันได้เร็ว ตรงตามที่ต้องการ
7.เวลาไปร้านสะดวกซื้อพนักงานเชิญชวนว่ารับซาลาเปา ขนมปัง เงินกู้ เงินโอน e-Wallet หรือประกันภัยรายวันเพิ่มไหมคะ
8.ในโทรศัพท์มือถือของเรามีทุกอย่างอยากได้อะไรค้นหา แป๊บเดียวก็เจอ เจอแล้วจะซื้อก็สั่งง่าย จ่ายเงินไม่ต้องใช้เงินสด
9.ข้อมูลที่รู้ถึงว่าใครขายอะไรขายให้ใครบ่อยๆ คนที่ซื้อจะซื้อซ้ำในหมวดเดียวกันเวลาไหนในแต่ละเดือน คนขายในอนาคตจะรู้ดีกว่าคนซื้อ ท่านผู้อ่านคิดว่าอย่างไรกันบ้าง
ลองคิดตามผมที่ระบุเป็นข้อๆ ข้างต้น ท่านที่เห็น เจ้าของธุรกิจขายหมู กุ้ง ไก่ ร้านสะดวกซื้อ โทรศัพท์มือถือ และอื่นๆ อีกมากมาย กับชายจีนหน้าเหลี่ยมที่คิดแตกต่าง จับมือกัน เพื่อทำธุรกิจเพิ่มในไทย ท่านมองเห็นยักษ์ในตะเกียงที่มากับชายจีนแล้วหรือยังครับ
ภาพจาก https://fish51.wordpress.com
ในมุมมองส่วนตัวของจขกท.นั้นการแข่งขันในเชิงธุรกิจ จะประสบความสำเร็จได้ อยู่ที่วิสัยทัศน์ และการวางกลยุทธ์ของผู้บริหาร ซึ่งหากหางเสือไม่ดีแล้ว เรือย่อมแล่นไปได้ไม่ถูกทิศทาง อีกทั้งบางสถานการณ์ยังต้องเจอพายุ หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ตลอด ผู้ที่มีความรู้ความสามารถและมุมมองที่กว้างไกลเท่านั้น จึงจะนำพาทีมงานไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย ขึ้นสู่ฝั่งได้อย่างสวยงาม
แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง ความสามารถของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน เป็นสิ่งที่แน่นอนที่สุด ในประชาชนทั้งหมดของประเทศ จะมีสักกี่คนที่โดดเด่นขึ้นมาเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ มีฐานะที่ร่ำรวยเข้าขั้นเศรษฐี .......นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งได้หรือไม่(ความคิดเห็นส่วนตัว) ว่าในสังคมของการแข่งขันการค้าอย่างเสรีนั้น รัฐบาลจะทำอย่างไร ให้คนส่วนใหญ่ของประเทศ (ซึ่งมีฐานะปานกลาง) และคนที่เป็นเกษตรกร จะมีรายได้ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นบ้าง
อย่างน้อย ก็เป็นสมการที่แปรผันตรง กับผู้ประกอบการรายใหญ่ ....... WIN WIN ด้วยกันทุกฝ่าย .......
นิทานอาลีบาบา....ปลาใหญ่กินปลาเล็ก แบบนี้รายย่อยคงหืดขึ้นคอ ????
คอลัมน์ สวัสดีเศรษฐกิจ โดย...สุรพล โอภาสเสถียร
ภาพจาก http://5822011105.blogspot.com/2015/11/www-browser-browser-e-mail-ftp-use-net.html
ได้เห็นข่าวการจับมือกันของธุรกิจยักษ์ใหญ่มากในประเทศไทยกับจีนแล้ว จะคิดอะไรก็สุดแท้แต่ หากความจริงคือ ลมหนาวจากจีนที่มากับพรมวิเศษในนิทานอาลีบาบา ได้จับมือกับเจ้าของบริษัทขายหมู กุ้ง ไก่ เพื่อบุกธุรกิจการเงิน การค้า การลงทุน ในไทยแล้ว ผู้บริหารสถาบันการเงิน...ท่านพร้อมแล้วหรือยัง
จากคำกล่าวข้อมูลคือเงิน เปลี่ยนจากคำกล่าวในอดีตที่ว่า ข้อมูลคืออำนาจ เพราะเวลานี้ข้อมูลได้สร้างความร่ำรวย ความมั่งคั่ง
ตอนเป็นเด็กเราชอบฟังนิทาน อาลีบาบากับตะเกียงวิเศษ อยากได้อะไรก็ไปถูตะเกียงพอยักษ์ออกมา เราจะขอสิ่งนั้นสิ่งนี้ได้ ทำไมยักษ์ตนนั้นมันดลบันดาลได้ทุกสิ่ง คำตอบคือ ยักษ์มี
1.ข้อมูลมากมายก่ายกองในตะเกียงใบจิ๋ว ทั้งที่มีรูปแบบและไม่มีรูปแบบ มีภาพ มีตัวหนังสือ มากมายก่ายกอง ข้อมูลเหล่านั้นเก็บในที่นิดเดียวเหมือนในตะเกียงแต่มีคุณภาพ คุณค่าสูง หรือ Big data
2.ยักษ์สามารถดึงข้อมูลออกมาวิเคราะห์หรือดึงมาทำรูปแบบธุรกิจ (Biz model) ทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก เพราะมีเครื่องมือพยากรณ์ และวิเคราะห์ที่สมัยก่อนต้องใช้เวลานาน ถึงนานมาก ที่เรียกว่า Analytic tool
3.ยักษ์มีลูกค้ามากมาย หลากหลาย มีสายธารของความเกี่ยวข้องหรือที่เรียกว่า Value chain ฐานข้อมูลลูกค้ามากเสียจนไม่รู้จะเริ่มจากไหน
4.ยักษ์จะตัดการทำหน้าที่เป็นตัวกลางของสถาบันการเงินโดยเข้ามาเป็นคู่แข่งใหม่ว่า “ของที่ผม (คือยักษ์ในตะเกียง) เสนอมันถูกกว่า ดีกว่า เร็วกว่า ตรงความต้องการ
กลับมาที่นิทาน ผู้เขียนมาคิดต่อว่า
1.จะมีสถาบันการเงินที่ให้บริการสะดวกง่าย แบบทุกที่ ทุกเวลา ติดตามตัวเราได้หรือไม่
2.จะมีบริการทางการเงินพื้นฐานประเภทฝาก-ถอน-โอน-รับ-ชำระเงินหรือไม่ทั้งกลางวันกลางคืนทั้งเจ็ดวัน
3.จะมีสถาบันการเงินไหนที่รู้จักใจของตัวเรารู้ความต้องการของเรายิ่งกว่าตัวเรารู้จักตัวเองหรือไม่
4.ถ้าเราเป็นคนค้าขายรายเล็กรายน้อย เวลาหมุนเงินไม่ทันแต่เรายังค้าขายได้ดี เราจะพอได้เงินกู้มาเป็นทุนหมุนเวียนแบบเร่งด่วนหรือไม่
5.จะมีใครที่ทำให้โทรศัพท์มือถือกลายเป็นกระเป๋าเงิน หรือ e-Wallet เวลาจะจ่ายใช้แค่การแตะๆ เอากับตัวรับสัญญาณแล้วรายการทำได้เลย
6.เวลาเราอยากได้ประกันภัยประกันชีวิต แต่ไม่อยากคุยกับคนขายประกันโดยตรง ส่วนหนึ่งของบริการจะทำให้เราทำประกันได้เร็ว ตรงตามที่ต้องการ
7.เวลาไปร้านสะดวกซื้อพนักงานเชิญชวนว่ารับซาลาเปา ขนมปัง เงินกู้ เงินโอน e-Wallet หรือประกันภัยรายวันเพิ่มไหมคะ
8.ในโทรศัพท์มือถือของเรามีทุกอย่างอยากได้อะไรค้นหา แป๊บเดียวก็เจอ เจอแล้วจะซื้อก็สั่งง่าย จ่ายเงินไม่ต้องใช้เงินสด
9.ข้อมูลที่รู้ถึงว่าใครขายอะไรขายให้ใครบ่อยๆ คนที่ซื้อจะซื้อซ้ำในหมวดเดียวกันเวลาไหนในแต่ละเดือน คนขายในอนาคตจะรู้ดีกว่าคนซื้อ ท่านผู้อ่านคิดว่าอย่างไรกันบ้าง
ลองคิดตามผมที่ระบุเป็นข้อๆ ข้างต้น ท่านที่เห็น เจ้าของธุรกิจขายหมู กุ้ง ไก่ ร้านสะดวกซื้อ โทรศัพท์มือถือ และอื่นๆ อีกมากมาย กับชายจีนหน้าเหลี่ยมที่คิดแตกต่าง จับมือกัน เพื่อทำธุรกิจเพิ่มในไทย ท่านมองเห็นยักษ์ในตะเกียงที่มากับชายจีนแล้วหรือยังครับ
ภาพจาก https://fish51.wordpress.com
ในมุมมองส่วนตัวของจขกท.นั้นการแข่งขันในเชิงธุรกิจ จะประสบความสำเร็จได้ อยู่ที่วิสัยทัศน์ และการวางกลยุทธ์ของผู้บริหาร ซึ่งหากหางเสือไม่ดีแล้ว เรือย่อมแล่นไปได้ไม่ถูกทิศทาง อีกทั้งบางสถานการณ์ยังต้องเจอพายุ หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ตลอด ผู้ที่มีความรู้ความสามารถและมุมมองที่กว้างไกลเท่านั้น จึงจะนำพาทีมงานไปสู่จุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย ขึ้นสู่ฝั่งได้อย่างสวยงาม
แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง ความสามารถของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน เป็นสิ่งที่แน่นอนที่สุด ในประชาชนทั้งหมดของประเทศ จะมีสักกี่คนที่โดดเด่นขึ้นมาเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ มีฐานะที่ร่ำรวยเข้าขั้นเศรษฐี .......นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งได้หรือไม่(ความคิดเห็นส่วนตัว) ว่าในสังคมของการแข่งขันการค้าอย่างเสรีนั้น รัฐบาลจะทำอย่างไร ให้คนส่วนใหญ่ของประเทศ (ซึ่งมีฐานะปานกลาง) และคนที่เป็นเกษตรกร จะมีรายได้ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นบ้าง
อย่างน้อย ก็เป็นสมการที่แปรผันตรง กับผู้ประกอบการรายใหญ่ ....... WIN WIN ด้วยกันทุกฝ่าย .......