▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
คนไทยในอเมริกา
เที่ยวภูเขา
เที่ยวต่างประเทศ
บันทึกนักเดินทาง
ภาพถ่ายทิวทัศน์
ทดสอบความกล้า (บ้า) หนึ่งหญิงสาวผู้บอบบาง สู่การเดินทาง ณ ดินแดนอันไกลโพ้น ALASKA the last frontier
(ขออภัยในความมีไวรัสในคอมค่ะ)
อย่างที่จั่วหัวไว้นะคะ ว่าเราคือผู้หญิงตัวเล็ก บอบบาง อ่อนโยน ที่ไปเที่ยวเกะกะอยู่ที่ Alaska เพียงคนเดียว!!! รวมเวลาอยู่บนเครื่องบินด้วยนี่ตก 5 วัน 4 คืนเลย... สิ่งที่ภาคภูมิใจนักหนาคือ ฝรั่งรอบตัวนั้น ต่างตกกะใจหัวใจจิ้มขี้กันเป็นแถว ที่รู้ว่าเราจะไปคนเดียว เธอจะบ้ารึป่าว, เธอต้องเช็คสมองนะ, เธอต้องระวังตัวนะ, อัตราส่วนหนุ่มอลาสกัน 6 : 1 ของผู้หญิงเชียวนะ (อรู๊ยยยยอันนี้ทำให้มีแรงกะดานใจไปสุดดดดดดด) และบลาๆๆๆๆ ตามสไตล์มะกันขี้ระแวง มันเลยยิ่งพาลให้คิดว่า ว๊อยยยยมันจะไรนักหนา น่าท้าทายฟามสามารถชะนีมะเมี่ยมสาวฟรอมไทยแลนด์เชียวนักเอยยยย.....
เมื่อได้เวลาตกฟากเป็นที่เรียบร้อย เราจัดการวางแผนอ่านข้อมูลในพันทิปนี่แหละ ดู Map ว่ามันอยู่ทิศไหนของโลกฟะ ดูแท็กสถานที่ใน Instagram อ่านกูเกิ้ล ต่างๆ นานา จนได้ความว่า ช่วงที่เราจะเดินทางไปนั้น Alaska ได้เข้าสู่ฤดู Winter แล้ว ฉะนั้น กิจกรรมล่องแก่งดูกวางดูหมีผีเสื้อต่างๆ จะปิดทำการทุกสิ่ง แต่อย่างหนึ่งที่ควรค่าในฤดูหนาวหิมะนั้น คือการล่าแสงเหนือ นั่นเองงงงง.....
ขอออกตัวแรงๆ 3 ทีว่า เราไม่ถนัดเรื่องการถ่ายรูปเลย แพลนว่าจะไปนอนพักผ่อนช่วงกลางวัน พอตกกลางคืนก็รอพี่แสงมาชิลๆ แต่มันไม่เป็นตามแผนนี่สิคะ เลยต้องมาโพสในพันทิปถึงสิ่งที่เจอมา เพราะฉะนั้นขอตัดความหวังว่าจะได้รูปที่งดงามหมดจด เปลี่ยนเป็นอ่านเอาเพลิน ดูรูปเอาขำๆ ละกันเนอะ ฮี่ๆๆๆ เขิน (เขินทำไม) หากใครมีคำแนะนำอะไร ขอความกรุณาใส่มาได้ไม่ยั้งเลยค่ะ จะเป็นบุญคุณอย่างสูง
เราวางแผนจองที่พักตามคุณ pbirdybird จากในห้องนี้แหละ (ขอโทษด้วยนะคะโพสลิ้งค์ไม่เป็น,มือใหม่จัดค่ะ) ขอกราบขอบพระคุณเลย เพราะที่พักนั้นสมคำร่ำลือจริงๆ ที่พักนี้มีชื่อว่า Northern Sky Lodge เราได้ห้องพักเบอร์ 5 (จะไปให้พ้น.. เกลียดคนที่ห้องเบอร์ห้าา) เพลงเก่าไปอีกกกก เป็นชั้น 2 ของบ้าน มี 2 เตียง (นอนคนเดียวให้มาทำม๊ายยยสองเตียง) แต่ท้ายสุดก็สำเหนียกได้ว่า นี่คือห้องที่วิวดีที่สุด ติดหน้าต่างบานใหญ่ 2 ข้างที่เห็นท้องฟ้าได้ชัดสุดๆๆๆๆๆ แถมมีครัวเล็กๆ ไว้ให้ไมโครเวฟ ดื่มกาแฟ ชงมาม่า
พอเลี้ยวรถเข้ามาป๊าปปป ก็มีพนักงานต้อนรับวิ่งตามรถมาติดๆ หูกระพือพั่บๆ นางคือโกลเด้นรีทีฟเวอร์วัย 6 เดือน นามว่าคุณบัดดี้ นางดีกับเรามากจริงๆ ค่ะ ต้อนรับประหนึ่งจะอุ้มเราออกจากรถ
ย้อนไปถึงการเดินทางมาที่นี่นะคะ เราบินมาจากรัฐเวอร์จิเนีย โดยจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน ก็ราคาปกตินะคะ รวมประกันการเดินทางตกที่ราวๆ $700 โดยเลือกลงที่เมืองที่จองที่พักไว้เลยค่ะ Fairbanks International Airport เป็นสนามบินเล็กๆ น่ารัก เรามาถึงประมาณตี 2 แพลนว่าจะนอนที่สนามบินแหละ รอเวลาที่ใส่เช่ารถไว้ 9 โมงเช้า นอนรอไป กินไปเข้าห้องน้ำ อ่านโบว์ชัว
มีความเรียลในการโชว์สภาพหน้าหนอนหงอนไก่ เคล็ดลับเผื่อคนนอนบนเครื่องยากนะคะ พกโจ๊ก มาม่าคัพ ขอน้ำร้อนแอร์เติม ตามด้วยยาแก้แพ้ (ช่วยเรื่องแพ้อากาศไปในตัว) เรียบร้อยยยย... พอถึงเวลา 9 โมงรับรถ เนื่องจากพอไปถึงก็หิมะลงหนาแล้ว รถที่จองไว้เป็นรถขนาด Mid size ขับเครื่อน 2 ล้อ เราเลยต้องอัพเกรดหน้างานให้มันเป็น SUV ขับเคลื่อน 4 ล้อ เพื่อความปลอดภัยในชีวิต เนื่องจากยังไม่ได้แต่งงาน รถที่ได้นั้นคือ Ford Escape สนนราคาเช่า 4 วัน 3 คืน $200 กว่าๆ นี่คือบวกประกันรอบทิศ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนะ แล้วววขับดีเชียวค่ะ ยกเว้นตอนเมา สไลด์ปื้ดป้าดเชียวค่ะคู๊ณณณณณณ
ได้รถ 9 โมง เราแพลนหาสโตร์ก่อนเลย เพื่อตุนเสบียง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ไม่มีแพลนอะไรในหัวเลยตอนนั้น นอกจากนอนเป็นผักปลารอพี่แสงเหนือมาเยือน เราตื่นเต้นในการขับรถครั้งนี้มาก เพราะมันเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี ที่ได้ขับรถ (เนื่องจากมีราชรถมาเกยตลอดดด ฮี่ๆๆๆ) เราใช้ GPS จาก iPhone หาที่ๆ ใกล้ที่สุด นั่นคือ Safeway อารมณ์จะประมาณ BigC Lotus บ้านเรา และมีปั๊มน้ำมันด้วย เราเลือกซื้อของจำพวกอยู่ทนอยู่นาน ขนมปัง กล้วย เนยถั่ว มาม่า ผักสลัด น้ำสลัด ไส้กรอก ปูอัด น้ำแพคใหญ่ๆ เลย
ด้วยความเห้าขับรถของเรา ออกจากสโตร์ เราเลยขับรถไปอีกทิศนึงจากทางไปที่พัก ขับเล่น ตืนตาตื่นใจไป เพราะเราสาวในเมืองแงะะะะ เกือบติดดีซีงี้ เจอแบบนี้เข้าไปโอ๊ยยยยย ขับไปยิ้มไป สถานีวิทยุท้องถิ่นก็เปิดเพลงตื๊ดดีจังงง ขับไปขับมาน้ำมันจะหมด กลัวหาปั๊มยากละ เลยเลี้ยวกลับไปทางที่พักดีกว่า ไปถึงที่พักก่อน 2 ชั่วโมงเวลานัด นอกจากคุณบัดดี้แล้ว ยังมีคุณเซดที่สีและพันธุ์เดียวกับคุณบัดดี้เป๊ะๆ แต่เป็นตัวเมีย อายุ 12 ปีแล้วให้การต้อนรับ บวกกับเจ้าของคือคุณพาสเคล นางน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ไปถึงก็แนะนำห้อง ครัว เอาโค้ทให้ยืม รองเท้าหิมะมีทุกไซส์ แต่เราเตรียมตัวมาพอสมควร เลยเอาโค้ทมาตัวนึง นางก็มาใส่ให้ เราก็เขินๆ เนอะ โอ๊ยยย ไรจะดีปานนั้นแม่คุณ
ภายในบ้านคุณพาสเคลจะออกแนวเอสกิโม มีขนสัตว์ วัตถุโบราณ ภาพประดับสวยๆ ออกกลิ่นอายชนเผ่า เป็นบ้านหอมๆ หอมเหมือนไม้อะไรสักอย่าง เราไม่รู้ ลืมถาม แต่รู้ว่าหอมมาก คุณพาสเคลจะนัดเวลาทำอาหารเช้าให้ และพูดคุยแลกเปลี่ยน คุณพาสเคลนี่และ กุญแจเด็ดที่พาให้เราไปเที่ยวในหลายๆ ที่ นางโชว์รูป และแผนที่ บอกทางเสร็จสรรพ และให้เรายืมหนังสือ แผนที่ที่เราต้องการได้ทุกอย่าง น้ามมมตาาาหลายยยย คืนแรกก็ขอหลับยาวๆ เลยค่ะ เหนื่อยล้าจากการเดินทางมาก สะดุ้งตื่นมาตี 5 หันไปที่หน้าต่าง สะดุ้งกะเด้งหนักกว่าเก่า ดาวค่ะดาว ดาวเป็นล้านๆ ดวง เหมือนในละครที่เค้าทำซีจีปลอมๆ เลยค่าาาา แต่มันสวยและใกล้มาก เราไม่เคยเห็นดาวชัดและเยอะเท่านี้มาก่อนในชีวิต เรานั่งมองดาวเงียบๆ คนเดียว 2 ชั่วโมง ถึงลุกไปอาบน้ำแต่งตัว เก็บของจากเมื่อคืนที่เขวี้ยงเกงในเกะกะไว้ เตรียมพร้อมหลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ วันนี้กะจะขับรถเล่นไปอุทธยานแห่งชาติที่ชื่อว่า Denali National Park and Preserve แพลนว่าจะขับสัก 4-5 ชั่วโมง กลับมานอนแล้วตั้งนาฬิกาปลุกสักเที่ยงคืน รอพี่แสงเหนือ ตามนั้น!!!!!
แต่ทุกที่นั้น ปิดหมดค่ะ แม้กระทั่งห้องน้ำในจุดพักรถ เนื่องจากเข้าสู่หน้าหิมะ คงไม่มีใครมาล่องแก่ง ลอดถ้ำน้ำแข็งเวลานี้โน๊ะ ก็ชมวิวเพลินๆ แล้วกลับที่พักค่ะ เตรียมตัวนอนตั้งแต่ 8 ทุ่ม นาฬิกาดัง 11.30 ทุ่ม แต่ไม่ตื่น ฮาาาาาาาาาาาาาาา เพราะงัวเงียไปส่องหน้าต่างไม่เจออะไรเลยนอนต่อ ตื่นอีกทีตี 1 จะเข้าห้องน้ำ ไปส่องหน้าต่างเหมือนเดิม กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เขียวระเรืองระรองเต็มฟ้า รีบเปิดไฟ หาแว่น คว้ากล้อง แล้วก็ถ่ายไม่ติด หงุดหงิดมาก ง่วงด้วย ห้องน้ำก็ยังไม่ได้เข้า (ลืม) พอตั้งสติได้ เปิดกูเกิ้ล ได้รูปมาเลยสบายใจละ โทรหาแม่ เล่าให้แม่ฟัง ขอบคุณแม่ ที่ทำให้เราเกิดมาให้เรามาเจออะไรดีๆ แบบนี้ เราสัญญาว่าจะเป็นเด็กดี
นี่คือรูปแรกๆ ที่ได้ หลอนมากกกกก 5555
อ่าาาาา หลังจากมีความรู้ขึ้นมานิดนึง
ข้างที่พักจะเป็นลานหิมะกว้างๆ มีเก้าอี้โยก 1 ตัว เรานั่งที่เก้าอี้นั้นคนเดียวตอนตี 2 ถึงตี 5 วิ่งเข้าๆ ออกๆ เพราะต้องเข้ามาวอร์มร่างกาย ดื่มชาร้อน โกโก้ร้อน เรานั่งแหงนหน้ามองฟ้า มันคล้ายว่าเรามองดาวกับแสงเหนือในโดมแก้วที่ครอบเราไว้ มีต้นสนคลุมล้อมรอบ มันเหมือนไม่ใช่เรื่องจริง มันสวย สวยมากทจนพรรณนาเป็นคำพูดไม่ได้ เรียกว่าเป็นโบนัสจากธรรมชาติที่เราต้องเกิดมาแล้วสัมผัสมันด้วยตัวเราจริงๆ
เรานัดคุณพาสเคลกินข้าวเช้าตอน 9 โมง เลยอาบน้ำแต่งตัว เก็บห้อง (คืนแรกกลับห้องมาสะอาดเนี้ยบเลยเขินคุณพาสเคลมาก ไม่รู้เก็บซากอะไรเราแล้วน็อคเป็นลมไปบ้างรึป่าว) กินข้าวไป คุยกันไปนุ้งนิ้ง คุณพาสเคลแนะนำเราไปจุดบริการนักท่องเที่ยวกับมหาวิทยาลัยแห่งอลาสก้า เราแพลนจะไปบ่อน้ำพุร้อน คุณพาสเคลเลยบอกให้เอาผ้าเช็ดตัวติดไปด้วย (แหม่แล้วจริงตามคาดค่ะ ค่าผ้าเช็ดตัว $5 ดีนะเราเป็นเด็กเชื่อฟังผู้ใหญ่) เราเลยแพลนจะไปมหาลัยก่อนจะไปน้ำพุ เพราะต้องเผื่อเวลาขับรถด้วย มหาลัยนี้ตั้งอยู่ในเมือง Fairbanks ใกล้กับสนามบินเลย แล้วอยู่บนภูเขาที่วิวสวยมากกกกก ตอนขับรถก็มองขึ้นไปเห็นตึกของมหาลัยนะ น่ารักเชียว
เราเข้าไปในส่วนของพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยค่ะ ที่นี่จะคล้ายๆ มหาลัยบ้านเราแหละค่ะ มีนักศึกษาปั่นจักรยาน วิ่งจ็อกกิ้งท่ามกลางหิมะ มีบ้านพักนักศึกษา ส่วนของพิพิธภัณฑ์นั้นเราเดาว่าก็คงดำเนินการโดยนักศึกษา เพราะหน้ายังเอ๊าะ น่าเจี๊ยะกันอยู่เลย มีทั้งร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระทึก และค่าเข้าชมที่ $12 ค่ะ ที่นี่เค้าจะโชว์เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาก่อนจะมาเป็นรัฐอลาสก้าค่ะ ซึ่งที่เรารู้จักทั่วไปว่าเป็นชาวเอสกิโมนั่นแหละ และโขว์การใช้ชีวิตของพวกเค้าเหล่านั้น การล่าสัตว์ เครื่องนุ่งห่ม การสร้างบ้าน ดำรงชีวิต
เคยเจอแต่พิพิธภัณฑ์ห้ามจับ ห้ามแตะสิ่งของในนั้น ที่นี่ กรุณาแตะค่ะ ไอ้เรารึก็ได้ใจทั้งลูบคลำจับบีบขยำขยี้จนหนำใจ ทั้งขนหมี ฟันแมมมอธ ตื่นตาตื่นใจจริงๆ